บันเทิง

โมไนย เย็นบุตรพิธีกรรายการ‘คม ชัด ลึก’

โมไนย เย็นบุตรพิธีกรรายการ‘คม ชัด ลึก’

23 ก.พ. 2559

โมไนย เย็นบุตรพิธีกรรายการ‘คม ชัด ลึก’‘ความกดดันคือแรงผลักดัน’ : สัมภาษณ์พิเศษ โดยนันทพร ไวศยะสุวรรณ์

           ตลอด 10 ปีบนเส้นทางข่าว โมไนย เย็นบุตร สวมบทบาททั้งผู้สื่อข่าว ผู้ประกาศ ผู้อบรมโครงการสานฝันผู้ประกาศ และล่าสุดนั่งแท่นผู้ดำเนินรายการฮาร์ดทอล์ก “คม ชัด ลึก" ใหม่หมาด

           ชายร่างเล็ก หน้าเด็ก อารมณ์ดี แต่มีไหวพริบและชั้นเชิงการซักถามเข้าขั้น “ถึงลูกถึงคน” คนนี้ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่แฝงไว้ภายใต้กรอบแว่นสายตาที่หนาเกินกว่า 700

           และถ้าอยากรู้ว่าเขามีเลือด “นักสื่อสารมวลชน” เข้มข้นขนาดไหน ลองมาทำความรู้จักกับเขาหน่อยสิคะ

0 “โมไนย” แปลว่าอะไรคะ?  

           “โมไนย” ตามพจนานุกรมมีความหมายว่า “ความเป็นปราชญ์” คือคุณแม่ตั้งท้องผมตอนผ่านโคราชพอดี จึงฝากลูกชายคนนี้ให้เป็น “หลานย่าโม” พอกลับถึงบ้านแม่ก็เปิดพจนานุกรมตั้งชื่อลูก ว่ามีคำไหนบ้างที่ขึ้นต้นด้วย “โม” ปรากฏว่ามีคำเดียวคือ “โมไนย” ครับ

0 น่าสนใจตั้งแต่เกิดเลยนะคะ ตอนเด็กๆ คงไม่ธรรมดาแน่เลย ร่ำเรียนอะไรมาบ้างคะท่านปราชญ์

           (หัวเราะ) เรียกผมโมอย่างเดิมดีกว่าครับพี่...ผมจบมัธยมจากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา ตอน ม.5 ได้เป็นประธานนักเรียน ด้วยเหตุผลที่ไม่เคยบอกใคร เอ่อ ผมอยากไปพูดหน้าเสาธงต่อหน้าเพื่อนๆ 3,000 คนน่ะครับ ความฝันผมเลย (หัวเราะ) แล้วก็เข้าเรียน ป.ตรี ที่ธรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ เพราะชอบเลขครับ

0 เป็นคนชอบคิดเยอะล่ะสิ เศรษฐศาสตร์มันยากนะ

           มันตรงกันข้ามเลยครับ คือผมเป็นคนไม่คิดอะไรซับซ้อนเลย ศาสตร์นี้ช่วยให้ความคิดผมเป็นระบบขึ้น แต่ได้มาพัฒนาทักษะการพูดจริงๆ เมื่อเข้าชุมนุมปาฐกถาและโต้วาทีของมหาวิทยาลัยด้วยความบังเอิญ และอยากเถียงคนอื่นแบบมีเหตุมีผลครับ

0 อืมม์ ผลพลอยได้จากคณะนี้เยอะจริงๆ พอจบแล้ว เป็นไงมาไงถึงได้มาทำงานด้านสื่อล่ะคะ  

           ชีวิตผมเริ่มเข้าใกล้งานข่าวเมื่อผ่านเข้ารอบสุดท้ายโครงการ young generation news ของบริษัทบีอีซี เทโร จนได้เป็นฟรีแลนซ์ คือประมาณ ห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ห้ามลาน่ะครับ (หัวเราะ) ในตำแหน่ง researcher ตอนเรียนปี 4 ยังจำได้ว่าเงินเดือนก้อนแรกที่หาได้สมัยยังเรียนไม่จบ มันมีคุณค่าและสร้างความสุขให้มากขนาดไหน

           จากนั้นพอเรียนจบก็ปรับตำแหน่งเป็นผู้สื่อข่าวเต็มตัว โชคดีผมเจอพี่ๆ ทีมงานที่น่ารัก ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากเนชั่นกันเกือบหมด ตอนนั้นสงสัยอยู่ว่าทำไมคนข่าวที่ผ่านงานจากเนชั่นมาถึง strong กันจัง

0 เหมือนเจอไอดอลเข้าแล้วเนอะ ทีนี้พอใจเราเอนมาทางสายข่าว มันก็ต้องปรับตัวสิ เพราะนักโต้วาที กับนักเศรษฐศาสตร์นี่ มันยังไม่ใช่สายสื่อโดยตรงเหมือนพวกนิเทศเขานะ
  
           ครับ แต่โชคดีที่เนชั่นเปิดโครงการสานฝันผู้ประกาศรุ่นที่ 1 ผมไม่คิดอะไรเลยครับ ไปสมัครทันที คราวนี้จึงยิ่งมั่นใจว่าอาชีพนี้แหละที่ฉันจะอยู่กับมันไปได้ตลอดชีวิต

           ผมเริ่มงานที่เนชั่นในตำแหน่งผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เพราะนั่งดูตัวเลขได้เป็นวันๆ โดยไม่มีเบื่อ และความชื่นชอบก็ทำให้เราทำงานหนักโดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลยครับ

0 ที่ผ่านมามีข่าวอะไรที่อยากทำ และคิดว่าทำออกมาได้ดีคะ

           ผมชอบทำข่าวที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากรของประเทศครับ เพราะมันคือทรัพยากรของประชาชนทุกคน จึงต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเกี่ยวข้องหลักเศรษฐศาสตร์ที่เรียนมา โดยเฉพาะข่าวประมูลคลื่น 3จี 4จี ทีวีดิจิทัล และการใช้งบประมาณของรัฐครับ 0 ตอนนี้ที่เนชั่น อยู่ในตำแหน่งอะไรคะ
 
           ผู้ใหญ่ท่านปรับตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าข่าวเศรษฐกิจ ต้องขอบพระคุณหลายๆ ท่านที่เห็นผลงานของผม ส่วนตัวตอนนั้นคิดอยู่ว่าการเป็นหัวหน้าคนอื่น มีประสบการณ์อย่างเดียวคงไม่พอในยุคนี้ ทำให้ตัดสินใจไปเรียนโทคณะเดิม คือมหาวิทยาลัยเดิมครับ

0 เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย มันสาหัสสากรรจ์แค่ไหนคะ

           ก็เอาการเหมือนกันนะครับ ทุกคนก็รู้ดีว่ามันเหนื่อย แต่ของผมต้องตื่นตี 3 มาอ่านข่าวเช้าด้วย จึงแสนสาหัสครับ พอผ่านมาได้ก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรหนักกว่านั้นอีกแล้ว (หัวเราะ)

0 ผ่านจุดนั้นมาได้ก็ต้องยกนิ้วให้เลย แต่เหมือนว่าก็ยังอยากจะพิสูจน์อะไรอีกหรือเปล่า อย่างครั้งหนึ่งเคยเดินออกจากเนชั่นด้วย    

           คือช่วงประมูลทีวีดิจิทัล ผมออกไปมองหาความท้าทายใหม่ๆ ที่ไทยรัฐทีวี ได้เห็นโลกภายนอกมากขึ้น จากเดิมเราคิดว่างานข่าวมีเนื้อหาดีๆ คงเพียงพอแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะโปรดักชั่นสำคัญไม่แพ้กัน

0 ในที่สุดก็กลับมา และล่าสุดได้มีโอกาสจัดรายการ “คม ชัด ลึก” ที่ว่ากันว่าเป็นรายการฮาร์ดทอล์กมหาโหดสำหรับผู้ดำเนินรายการจริงๆ เพราะต้องรู้รอบตัว และต้องทันแขกมากๆ ด้วย

           โอ้ จริงเลยครับ นาทีแรกที่รู้ว่าต้องรับไม้ต่อจัดรายการ “คม ชัด ลึก” คือรู้สึก “ขนลุก” และมีคำถามตามมาในใจ “กูจะทำได้เหรอวะ” เพราะรายการนี้ถือเป็นรายการบุกเบิกยุคแรกของเนชั่นทีวี ซึ่งมีผู้ดำเนินรายการเป็นผู้ประกาศข่าวแถวหน้าทั้งนั้น เริ่มตั้งแต่ พี่สรยุทธ์ พี่กนก พี่ธีระ พี่กวีพันธ์ พี่บรรจง พี่ก่อเขตต์ และลากยาวเกือบ 10 ปีในยุคพี่จอมขวัญ นี่คือความกดดันแรก จะทำได้ดีเท่ายุคก่อนหรือไม่ และจะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไรเพื่อผู้ชมทุกท่าน มันมหาศาลจริงๆ อย่างที่พี่นันว่า

           ความกดดันถัดมาคือช่วงเวลา...ทุกคนรู้ดีว่าตอน 2 ทุ่มเป็นไพรม์ไทม์ของสถานีโทรทัศน์ ช่องทีวีส่วนใหญ่จะเอาละครและเกมโชว์มาลง มี 5-6 ช่องที่เป็นรายการข่าวกับฮาร์ดทอล์ก หมายความว่าหากเจอข่าวใหญ่ประเด็นร้อนในวันนั้นทุกช่องอาจต้องแย่งแหล่งข่าวกันมาออกรายการของตัวเอง ถ้าไม่ได้จะฉีกเนื้อหาไปแบบไหน พร้อมกับคิดโจทย์ ทำอย่างไรถึงแตกต่าง และตบท้ายด้วยความกดดันจากออฟฟิศ เพราะในวงการโทรทัศน์หากคุณทำไม่ดี มีคนพร้อมทำแทนทันที จึงต้องทำให้เหนือกว่าที่ผู้บริหารคาดเอาไว้

0 แล้วเราปรับตัวยังไงกับงานช้าง ที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสเรา

           เมื่อความกดดันทุกอย่างมารวมกัน มันกลายเป็นแรงผลักดัน ให้อ่านมากขึ้น ทำการบ้านมากขึ้น คิดสิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และทำรายการทอล์กต้องนึกไว้เสมอว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในรายการนี้

           ที่สำคัญผู้ใหญ่ไม่ได้จับผมโยนลงน้ำ แล้วตะโกนบอก “เฮ้ย โมไนยว่ายไปอีกฝั่งเองสิ” แต่ทุกท่านคอยเป็นโค้ชข้างสนามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคุณสุทธิชัย หยุ่น ให้คำแนะนำทุกเรื่อง สีหน้า แววตา น้ำเสียง ท่าทาง การเลือกใช้คำพูดและคำถาม ขณะที่รายการสดดำเนินไป การให้แนะนำก็เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์นาทีต่อนาทีเช่นกัน

0 เอาล่ะ ผ่านมาได้สัปดาห์กว่าๆ แล้ว น่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว มีอะไรที่อยากจะฝากไปถึงคุณผู้ชมทางบ้านมั้ยคะ

           ก็ฝากติดตามรายการ “คม ชัด ลึก” ในแบบโมไนยไว้ด้วยครับ อยากให้ผมค้นหาความจริงและคำตอบประเด็นใดส่งเข้ามาได้ที่ facebook komchadluektv