‘ธีโอ เจมส์’พระเอกสุดฮอตจาก‘The divergent series:allegiant’ | คมชัดลึก

 

          เตรียมเสียงกรี๊ดให้พร้อม เพื่อต้อนรับการกลับมาของภาพยนตร์แอ็กชั่นแฟนตาซีฟอร์มยักษ์สุดร้อนแรง “The divergent series: allegiant” ที่จะกลับมาพร้อมความยิ่งใหญ่ อลังการ และพาผู้ชมไปโลดแล่นในโลกใบใหม่ ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนในสองภาคแรก และในครั้งนี้ พระเอกสุดฮอต ธีโอ เจมส์ ที่ฝากผลงานการแสดงสุดฮอตไว้ในสองภาคแรก ทำให้แฟนๆ ทั่วโลกใจละลาย จะกลับมารับบทโฟร์ พระเอกมาดเข้มสุดเท่อีกครั้ง ในคราวนี้ เจมส์รับประกันว่า จะยิ่งใหญ่อลังการกว่าที่เคยเป็นมา โดยนักแสดงหนุ่มได้ให้สัมภาษณ์ถึงการกลับมาแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้ง

 

          ต่างกันนิดหน่อย ด้วยความที่ภาคนี้ เราแบ่งหนังสือออกเป็นสองภาค ทีมงานจะต้องคุยกันอยู่เสมอว่า จะให้ทั้งสองภาคเป็นไปในทิศทางไหน เพื่อที่จะทำให้ออกมาเชื่อมต่อกันได้อย่างลื่นไหลครับ เราก็จะรู้สึกเหมือนถ่ายหนังที่ยาวสองเท่าของหนังทั่วๆ ไปอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้ถ่ายทำทั้งสองภาคติดๆ กัน ก็ต้องคิดเผื่อไว้เสมอ

 

          ฉากโปรดของผม น่าจะเป็นฉากปีนกำแพงยักษ์ มันร้อนมาก ตอนถ่ายทำจำได้ว่าเหงื่อผมออกชุ่มเลย และถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่มันก็สนุกมาก เพราะเราได้ลองแอ็กชั่นใหม่ๆ กับฉากนี้ เป็นอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย และที่สำคัญไปยิ่งกว่านั้นคือ ภาพที่ได้ออกมาสวยมาก ถึงผมจะบอกว่าเหงื่อชุ่ม แต่เหงื่อนี่แหละ เวลาอยู่ในภาพมันเซ็กซี่มากเลยนะ (หัวเราะ)

 

          คนเราก็ต้องมีสิ่งที่คิดว่ายากเกินความสามารถทุกคนนะ ไม่ว่าจะคิดว่ายาก เพราะไม่เคยทำ หรือเคยทำแล้วไม่สำเร็จ แต่ผมคิดว่าทางที่ดีที่สุด ก็คือการเอาชนะความกลัว สู้มัน แล้วก็เอาชนะความท้าทายนั้นให้ได้นะ อันที่จริง โฟร์เก่งมากในการเอาชนะสิ่งต่างๆ และผมก็ควรจะทำให้ได้ด้วย

 

          ฉากแอ็กชั่นมีมากมาย เราก็ต้องวิ่งเยอะมาก ยิ่งไปกว่านั้นหลายๆ โลเกชั่นก็มีเรื่องของอากาศที่ร้อนชื้น เพราะฉะนั้นเราต้องฝึกร่างกายอย่างหนักเพื่อให้พร้อมรับทุกสถานการณ์ แต่ผมก็ว่าผมผ่านมาได้ราบรื่นดีนะ

 

          ผมว่ามันยอดมากเลย เป็นประสบการณ์ที่มีค่าจริงๆ นี่เป็นหนังภาคที่สามแล้ว การได้นักแสดงใหม่ๆ เข้ามา พวกเขาก็จะมีการตีความตัวละครแบบใหม่ๆ นั่นทำให้หนังของเราสดใหม่อยู่เสมอครับ สิ่งสำคัญคือประสบการณ์ที่พวกเขามี นั่นก็ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับการแสดงไปด้วย เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ

 

          ก็ต้องฉากกำแพงยักษ์นั่นแหละครับ นี่ผมพูดจริงๆ นะ มันยิ่งใหญ่มาก คือนอกจากเรื่องแอ็กชั่นแล้ว ตัวละครทุกตัวก็อยู่กันพร้อมหน้า มันทำให้เราได้เห็นจริงๆ ว่า นี่เป็นการเปิดตัวการเริ่มต้นของจุดสิ้นสุดในซีรีส์นี้แล้ว ทุกคนพร้อมจะสู้ เพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อ สิ่งที่ตัวเองยึดมั่น และเหนือสิ่งอื่นได้ ก็เพื่อโลกของพวกเขา ผมว่ามันเป็นฉากที่สำคัญมากๆ ไม่เพียงในแง่ความอลังการของแอ็คชั่น แต่ในแง่ความหมายแล้ว มันก็สำคัญกับซีรีส์มากจริงๆ

 

          อย่างแรกเลยก็น่าจะเป็นเรื่องความกล้าหาญ ภาพยนตร์เรื่องนี้สอนให้เราไม่หนีปัญหา กล้าเผชิญหน้าต่อความกลัวตรงหน้าและเอาชนะมัน ต่อมาก็คือเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่เสื่อมลงไปมากแล้วในปัจจุบัน และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดหายนะขึ้น ถ้าพวกเราไม่รีบหันมาดูแลโลกของเรา ต่อไปอาจจะไม่มีโลกให้เราอยู่ และสุดท้าย อืม...ผมขอบอกอย่างนี้แล้วกัน เสื้อยืดรัดรูปทำให้คุณดูดีเสมอในอากาศร้อนๆ (หัวเราะ)

 

          เธอสุดยอดมาก ผมว่าเธอเป็นคนที่เก่งจริงๆ นะ เพราะเธอไม่ได้โตมากับหนังแอ็กชั่น แต่ต้องมารับบททริซในซีรีส์นี้ ซึ่งในที่สุดเธอก็แสดงฉากแอ็กชั่นออกมาได้อย่างสมจริง ถ้าไม่บอกก็คงจะนึกว่าเธอเล่นหนังแอ็กชั่นมาตั้งแต่เด็กๆ นอกจากเก่งแล้ว ยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งด้วยครับ ในบางฉากแอ็กชั่นจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ้าง หรือมีบาดเจ็บบ้าง รวมทั้งที่เธอเป็นคนวิ่งช้าด้วยครับ (หัวเราะ) แต่จะต้องวิ่งแค่ไหน เจ็บแค่ไหน ก็ไม่เคยเห็นเธอขอพักเลย บอกเลยว่าในทางอาชีพนักแสดง ผมไม่นับว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้ว เธอเป็นผู้ชายชัดๆ

 

          ผมคิดว่า ในขณะที่พวกเขาทะเลาะกัน เถียงกัน นั่นก็เป็นเพราะทั้งสองคิดเผื่ออีกฝ่าย ความรักที่พวกเขามีต่อกันบริสุทธิ์มาก จนแทบจะไม่คิดถึงตัวเองเลย ดังนั้นสิ่งที่ก่อเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างสองคนนี้ ก็คือความไว้เนื้อเชื่อใจ และความเคารพที่มีต่อกันครับ ถือว่าเป็นคู่รักในอุดมคติเลยล่ะ

ร่วมทะลุสู่สงครามสองโลกไปกับทีมนักสู้ไดเวอร์เจนท์ ปรากฏการณ์แอ็กชั่น-ไซไฟของเจเนอเรชั่น 10 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์