
จากนักแสดงสู่ผกก.ละครซีรีส์ปีเตอร์ผกก.ป้ายแดงในตี๋ใหญ่ฯ
08 ก.พ. 2559
จากนักแสดงสู่ผู้กำกับละครซีรีส์ปีเตอร์ ผู้กำกับป้ายแดงใน ตี๋ใหญ่ฯ
เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงมากฝีมือ ที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับละครซีรีส์เป็นครั้งแรกใน “ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร” งานนี้ทำเอา “ปีเตอร์” นพชัย ชัยนาม ถึงกับโอดครวญเพราะต้องปรับตัวขนานใหญ่ ทางคม ชัด ลึก เลยไม่พลาดที่ขอจับเข่านั่งคุยกับผู้กำกับป้ายแดง เพื่อให้แฟนๆ ได้รู้จักเขาคนนี้ได้ดียิ่งขึ้น
@ หลายคนคิดว่าเป็นละครเก่านำมารีเมก
เรื่องนี้เป็นละคร พล็อตใหม่ คือทั้งเรื่องผมจะพล็อตเรื่องออกมาก่อน เพื่อให้ทางช่องพิจารณา ส่วนคนเขียนบทมี 3 คน คือผม โปรดิวเซอร์ และพี่พิง ลำพระเพลิง หลายคนเข้าใจว่าเป็นพล็อตเก่าอาจเป็นเพราะชื่อเรื่อง จริงๆ แล้วเราต้องการนำคำว่า “ตี๋ใหญ่” มาเป็นสัญลักษณ์ของโจรเท่านั้น ผมเคยคิดว่าคนที่เกิดในดวงของตี๋ใหญ่ จำเป็นต้องเป็นแบบตี๋ใหญ่เสมอไปหรือเปล่า ประเด็นสำคัญของเรื่อง ที่ผมต้องการสื่อก็คือ บางสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราคิด อยากให้คนดูได้มองคนหลายๆ ด้าน เหมือนตัวละครในเรื่องที่บางคนที่ดูเหมือนจะดีแต่ตอนท้ายกลับเป็นคนไม่ดี หรือคนที่เราคิดว่าไม่ดี ในตอนท้ายเรื่อง เราอาจจะค้นพบว่า สาเหตุที่เขาเป็นคนไม่ดีนั้น มันมีเหตุและผลที่ทำให้คนเป็นอย่างนั้น
@ กดดันหรือเปล่า จากนักแสดงมาเป็นผู้กำกับ
กดดัน เพราะไปไหนก็มีแต่คนถามว่าเป็นอย่างไร จะได้ดูหรือยัง คือที่ผ่านมา ก็เคยเป็นแต่นักแสดง พอมาจับงานผู้กำกับ มันก็เลยเหมือนต้องมานับหนึ่งใหม่ ซึ่งเราต้องปรับตัวใหม่ทั้งวิธีการพูดคุยกับผู้คน ต้องฝึกการสื่อสารอีกแบบ มันทำให้ผมต้องพูดเยอะมากขึ้นจากแต่ก่อน ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะ เพราะทุกคนมีความเข้าใจทางด้านโปรดักชั่นที่แตกต่างกัน มันก็จะเหมือนคนที่ไม่ค่อยรู้จักกัน ก็จะไม่เข้าใจกัน สักพักก็เดาถูก ก็จะมีการประชุมบท และหาทิศทางโปรดักชั่นที่เราอยากได้ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการถ่ายทำมากกว่า เป็นเรื่องในแง่การวางแผนถ่ายทำมากกว่า ส่วนตัวละครละครเรื่องนี้ถือเป็นตำราชีวิตเล่มหนึ่งของผมเลยทีเดียว
@ ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
เรียกว่ามากมาย เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่านี้ บางครั้งมันต้องหาคนที่ใช่ มันจะทำให้เราทำงานง่ายขึ้น ส่วนหลักๆ ของผม ต้องกลับไปฝึกการสื่อสารกับคนให้มากขึ้น ทั้งเรื่องการแสดง แม้ผมจะเป็นนักแสดงก็จริง แต่พอเราจะกลับไปอธิบายให้นักแสดงฟังในสิ่งที่เราอยากได้ มันกลับไม่พอ ต้องฝึกเรื่องนี้ให้มากขึ้น ต้องทำเวิร์กช็อปให้มากขึ้น ถามว่าผมเปลี่ยนไปเยอะไหมก็ไม่นะ ผมก็ยังเป็นคนเฉยๆ เวลากำกับ แต่เวลาเตรียมงาน ผมเป็นกังวลมากขึ้น และกลัวมากขึ้น ก็จะมีสิ่งให้เรียนรู้ ต้องยอมรับธรรมชาติของกองถ่าย ทำให้เราเรียนรู้ธรรมชาติของกองถ่าย ว่าอย่าตั้งความหวังให้มาก เพราะมันเป็นธรรมชาติของคน ต้องยอมรับและเข้าใจ
@ งานแสดงกับการกำกับ ชอบงานไหนมากกว่ากัน
หากให้เปรียบเทียบ ผมก็ยังยืนยันว่าผมชอบงานแสดง แต่งานกำกับก็ยังมีความอยากที่จะทำต่อ เพราะเราอยากจะแก้ไขในสิ่งที่บกพร่องก่อนหน้านี้ ตอนทำเหนื่อย แต่ทำเสร็จ ก็อยากทำอีก ตอนนี้ก็คิดจะทำเรื่องใหม่ แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ อยากแสดงมากกว่า ทุกวันนี้ก็ยังทำงานแสดงอยู่ แต่ตอนนี้เวลาเราไปกองถ่ายเราจะมองอีกมุมหนึ่ง คือเราจะมองเรื่องการโปรดักชั่่นด้วย แต่ก่อนเราจะไม่มองอะไรเลย เพราะอยากจะมีสมาธิอยู่กับการแสดงเท่านั้น มีสมาธิกับการแสดงและผู้กำกับเท่านั้น เราจะไม่ได้มองรอบๆ ว่าอันนี้ทำอย่างไร แต่ตอนนี้วิธีมองการทำงานก็เปลี่ยนไป เริ่มมองการทำหนังของเขามากขึ้น ถ้าดีเราก็จำมาปรับใช้กับการทำงานของเรา
@ มองเรื่องอนาคต ของตัวเองไว้อย่างไร
ตอบยากมาก อยากเป็นนักแสดงไปจนแก่ สุดท้ายจะได้รับบทอะไรก็ได้ ผมก็ยังชอบงานแสดงอยู่ ส่วนงานกำกับผมมองว่าเป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่สามารถทำไปได้จนแก่เหมือนกัน เพราะถ้าเรายังพัฒนาตัวเองอยู่ ก็สามารถทำไปได้จนแก่เหนือนกัน ส่วนบทที่อยากแสดง ยังมีอีกเยอะเลย ที่เรายังไม่เคยเล่น แต่จะเล่นหรือเปล่า ก็ต้องขออ่านบทก่อน เพราะบทต่างมีทั้งเหมาะและไม่เหมาะกับเราซึ่งเราจะรู้ตัว ตอนนี้ก็เลยไม่ได้มุ่งหวังว่าจะต้องแสดงบทแบบไหน
@ ผลงานหลังจากนี้
ในปีหน้าน่าจะได้ชมภาพยนตร์เรื่อง “เทคมีโฮม” ของพี่โขม (ก้องเกียรติ โขมศิริ) นอกจากนี้ก็มีไปเป็นนักแสดงรับเชิญเป็นตัวร้ายในหนังเกาหลีเรื่อง “บอดี้ ฮันเตอร์” พระเอกของเรื่องคือ ลี มินโฮ คือตอนนี้อยากไปเล่นหนังเพราะอยากรู้ว่าเขาทำหนังกันอย่างไร ก็ทำให้มุมการทำแอ็กชั่นต่างออกไป คือแอ็กชั่นเกาหลีเขาเร็วมาก พอถ่ายเสร็จเขาตัดหนังให้ดูเลย รู้สึกในหนังเก่งกว่าตัวจริงมาก เรื่องนี้น่าจะได้ดูกันปีนี้
@ หลายคนมองว่าเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง เข้าถึงยาก
ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบออกงานที่มีคนเยอะ คือไปแล้วเราจะรู้สึกเขิน เลยไม่ค่อยอยากไป พอเจอคนเยอะๆ แล้วจะตอบคำถามผิดๆ ถูกๆ และถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักเรา ก็จะไม่ค่อยกล้าคุย ผมเป็นคนน่าเบื่อ เป็นคนชอบทำอะไรซ้ำๆ ไม่ชอบเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ก็จะเนือยๆ เบื่อๆ เรียกว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงไหม ก็ไม่รู้เหมือนกัน ปกติถ้าว่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะติดดูหนังมากกว่า ซึ่งการดูหนังก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง คือตอนทำตี๋ใหญ่ฯ เราก็จะดูหนังบู๊ หนังแอ็กชั่น ซึ่งปกติผมจะไม่ค่อยดูหนังแนวนี้ เพราะผมจะชอบแนวดราม่ามากกว่า
@ มีอะไรที่อยากจะทำบ้าง
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมองอะไรไกลมาก ต่อไปก็คงลุยงานกำกับไปก่อน และมองหาบทที่อยากแสดงต่อไป เพราะผมรู้สึกว่ามันสนับสนุนซึ่งกันและกัน เราก็จะได้มุมใหม่ บทใหม่ๆ ก็มีนำเสนอเข้ามา ตอนนี้ก็ยังดูบทอยู่ ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ยังบอกไม่ได้ เพราะยังไม่ได้คุยจริงจัง อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ถามว่ารับบทยากไหม ไม่นะ แต่บทที่จะรับผมต้องชอบจริงๆ ถึงจะรับ แต่คนอื่นคงคิดว่าผมน่าจะเรื่องมากพอสมควร เพราะถ้าให้คุยเฉยๆ ผมจะไม่เล่น แต่ถ้ามีบทมานำเสนอด้วย เพราะถ้าเราได้อ่านบทเราก็จะรู้ว่าเราจะสามารถเล่นได้หรือไม่ได้
@ คาดหวังกับวงการบันเทิงและละครเรื่องนี้อย่างไร
กับตี๋ใหญ่ฯ มันบอกตัวเองอยู่ 2 อย่างว่า เราทำดีที่สุดแล้วในช่วงเวลานั้น ความคาดหวังทุกคนมีอยู่แล้ว แต่เราต้องบอกตัวเองว่า ตอนนั้นเราทำได้แค่นี้ก็ต้องยอมรับมัน ยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นว่าอาจจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เราพยายามดีที่สุดแล้ว เท่าที่สติช่วงนั้นจะมี ต้องรอดูว่าคนดูจะรู้สึกอย่างไร และต้องถามทางช่องด้วยว่าทางช่องจะโอเคกับเราไหม
ติดตามชมและให้กำลังใจหนุ่มปีเตอร์กันได้ใน ละครเรื่อง “ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร” ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30-20.30 น. ทางช่องโมโนทเวนตี้ไนน์นะจ๊ะ