‘เจอราร์ด บัตเลอร์’รับบทร้ายใน‘gods of egypt’ | คมชัดลึก

 

     เตรียมพบกับภาพยนตร์อภิมหากาพย์แอ็กชั่น-แฟนตาซี สุดตื่นเต้นแห่งปี ดัดแปลงมาจากตำนานทวยเทพแห่งอียิปต์ สู่จอภาพยนตร์ครั้งแรกของโลก เรื่องราวของศึกสงครามมหาเทพอียิปต์ ระหว่างเทพฮอรัส (นิโคไล คอสเตอร์ วัลดาอู) เทพทรงพลังแห่งท้องฟ้าซึ่งต้องผนึกกำลังกับ เบค (เบรนตัน ธเวทส์) มนุษย์หัวขโมย เพื่อทำสงครามครั้งยิ่งใหญ่สั่นสะเทือนโลกนี้และโลกหน้า เพื่อโค่นล้มเทพเซท (เจอราร์ด บัตเลอร์) เทพแห่งทะเลทรายผู้ฆ่าบิดาของเทพฮอรัสและยึดอำนาจแห่งราชาไป จนดินแดนอียิปต์เกิดความปั่นป่วนและใกล้พังพินาศ พวกเขาทั้งสองจะสามารถต่อกรกับเทพผู้โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำนานเทพ ผู้ครอบครองขุมกำลังแห่งสัตว์ประหลาด มนต์ดำ และปีศาจร้าย เพื่อทำให้อียิปต์กลับมารุ่งโรจน์ชัชวาลอีกครั้งได้หรือไม่

 

     และผู้จะมารับบทบาทเทพเซทผู้โหดเหี้ยมไร้ความปรานี นั่นไม่ใช่่ใคร แต่คือ เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ นักแสดงคุณภาพเยี่ยมที่เคยรับบท คิงลีโอไนดัส จากภาพยนตร์แอ็กชั่นแฟนตาซีสุดโด่งดัง เรื่อง 300 ที่ครั้งนี้เขาจะพลิกบทบาทมาอยู่ฝ่ายชั่วร้าย ที่พร้อมจะยึดครอบบัลลังก์เทพอันทรงเกียรติ และทำให้มวลมนุษยชาติตกอยู่ในความยากลำบากและใกล้อวสาน กับภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่แห่งปีใน gods of egypt โดยนักแสดงหนุ่มได้กล่าวถึงบทบาทที่ได้รับ

 

 

     อึ้งไปเลย! (หัวเราะ) บทภาพยนตร์ของ แมท ซาซามา โคตรสร้างสรรค์ และสุดลึกลับเท่าที่ผมเคยอ่านมา มันเจ๋งมากๆ ผมคิดภาพในหัวไม่ออกเลยจริงๆ ว่าผมจะได้เล่นเป็นเทพเซทที่ยิ่งใหญ่ ดุดัน และน่ากลัวแบบนั้นได้อย่างไรกัน มันเป็นเกียรติของชีวิตผมมาก ผมนอนคิดแล้วคิดอีกว่า ผมจะแสดงออกมาเป็นอย่างไร แต่นี่เป็นโอกาสของผมแล้ว ผมกำลังจะได้เล่นเป็นเทพอียิปต์ ซึ่งยิ่งใหญ่และชั่วร้ายเท่าที่เคยมีมา และตื่นเต้นมากที่ถูกถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ให้ทุกคนได้ตื่นตาตื่นใจกัน

 

 

     ก่อนมาแสดงผมมีความรู้ในระดับพื้นผิวเท่านั้น ผมรู้เรื่องตำนานกรีกโรมันซะมากกว่า แม้เทพของอียิปต์ถูกหยิบนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ แต่ผมไม่เคยศึกษาอย่างจริงจัง แต่เมื่อผมตอบรับการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมศึกษาเรื่องของตำนานเทพอียิปต์เยอะมาก ผมหาอ่านหนังงสือเข้าห้องสมุด เพื่อปูพื้นฐานตัวละครของผมให้สมจริงตามหลักฐานประวัติศาสตร์ และเมื่อผมได้อ่านเรื่องราวเทพของอียิปต์ ผมสนุกและตื่นเต้นอย่างมาก มันไม่ใช่แค่เรื่องของเทพอย่างดียวเท่านั้น แต่ตำนานเทพแต่ละตนนั้นยังมีตำนานเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับมนุษย์อีกด้วย

 

 

     ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมมาเล่นบทตัวร้าย เทพเซทตามตำนานแล้วเป็นเทพที่โหดร้ายมาก เป็นสัญลักษณ์ของความดำมืดของยุคอียิปต์โบราณ ทำให้เกิดความวุ่นวาย แห้งแล้ง และสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น เซตอิจฉาเทพโอซิริสราชาแห่งอียิปต์ผู้พี่ จึงสังหารโอซิริส และขึ้นครองบัลลังก์อียิปต์ แถมยังทำร้ายเทพฮอรัส ลูกชายของเทพโอซิริส ผู้ซึ่งมีดวงตาวิเศษ ซึ่งมีคุณสมบัติในการขึ้นครองราชย์ โดยการควักดวงตาของเทพฮอรัส และเก็บเอาไว้กับตนเพื่อเพิ่มพลังอำนาจให้กับตัวเอง แต่ด้วยความชั่วช้า เขาใช้พลังไปในทางที่โหดเหี้ยม ทั้งปกครองมนุษย์เยี่ยงทาส ปกครองใช้อำนาจเผด็จการบาตรใหญ่ เขาเป็นสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายที่มีอยู่ในโลกมนุษย์

 

 

     ช่วงเวลาถ่ายทำ เป็นช่วงเวลาที่ผมเกรี้ยวกราดมาก ผมอินกับหนังจนเผลอตวาดคนในกองถ่ายเสียงดัง เพราะผมคิดว่าสวมบทเทพเซทอยู่ คนในกองถึงกลับสะดุ้งโหยง เพราะนึกว่าผมโกรธพวกเขาจริงๆ ซึ่งเวลาที่ผมเอาอารมณ์โกรธ ขี้อิจฉา และเป็นคนชั่วมาก มาเป็นบุคลิกตัวเอง มันน่ากลัวมากๆ มันทำให้ใจรุ่มร้อน เหมือนอยากจะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าอยู่ และครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งผมเกลียดตัวเองตอนนั้นมาก มันเป็นความโหดเหี้ยมกรี้ยวกราด ไร้ความสุขอย่างแท้จริง ซึ่งก็เป็นคาแรกเตอร์ของเทพเซตจริงๆ แน่นอนว่าทุกคนเมื่อได้ดูเรื่องนี้จะเกลียดผมมากๆ ผมอยากบอกว่านั่นคือแค่การแสดงนะครับ ตัวจริงผมไม่ได้มีนิสัยแบบนั้นเลย

 

 

     พอผมรู้ตัวว่า จะได้เล่นเป็นเทพ ผมก็คิดถึงการเข้าฟิตเนส เพื่ออัพหุ่นให้เฟิร์มและมีกล้ามทันทีบ ในความคิดของผม เทพต้องตัวใหญ่มากกว่ามนุษย์ธรรมดา และผมต้องการทำให้มั่นใจว่าตัวเองดูคล้ายกับเทพมากที่สุดก่อนที่จะถึงวันถ่ายทำ

 

 

     ผมต้องฝึกซ้อมถึง 6 เดือน ตลอดระยะเวลา 6 ชั่วโมงต่อวัน ผมมีเทรนเนอร์ของภาพยนตร์ แต่ก็ยังมีเทรนเนอร์ของตัวเองด้วย ผมฝึกซ้อมกับนักแสดงสตั้นท์ 2 คน 2 ชั่วโมงต่อวัน ผมฝึกต่อเนื่องนอกการแสดงด้วย มันบ้ามาก แม้ภาพยนตร์จะมีฉากซีจีอลังการมาก แต่ผมก็ยังต้องถ่ายทำจริงก่อน เพื่อให้เกิดความสมจริง โดยเฉพาะในฉากที่ผมต้องต่อสู้กับนิโคไล (ฮอรัส) เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก เราทั้งคู่เล่นด้วยตัวเอง โดยเฉพาะการที่พวกเขาเล่นเป็นเทพ การต่อสู้จึงต้องขึงขังเอาจริงเอาจัง เพื่อแสดงให้เห็นพลังอำนาจของเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกมนุษย์

 

 

     ตอนที่ อเล็กซ์ โปรยาส ผู้กำกับถามผมว่า เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของเทพอียิปต์มั้ย มันเป็นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่มาก ตอนนั้นความรู้สึกของผมตื่นเต้นมาก มันเป็นประสบการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ ที่คุณจะได้เป็นเทพของอียิปต์สักครั้ง ผมรู้แต่ว่ามันเจ๋งมากๆ ต่อมาที่พวกเขาอธิบายเรื่องผมก็ได้แต่ร้อง ว้าวๆๆ มันเป็นเรื่องราวการแก้แค้นที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลก ระหว่างตำนานการต่อสู่ที่ยิ่งใหญ่แห่งอียิปต์ ตอนที่พวกเขาส่งภาพวิชวลสเก็ตช์มาให้ผมดู ผมดูมันแล้วคิดว่า พระเจ้า! มันบ้ามาก! ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน พูดได้คำเดียว เจ๋ง!! มากครับ ทีมงานทำการบ้านกันหนักมาก มันไม่ใช่แค่หนังเมนสตรีมเรื่องหนึ่ง แต่พวกเขา โดยเฉพาะผู้กำกับกำลังสร้างวิชั่น ที่จะทำให้คนดูตาตรึงใจ คนดูจะต้องสัมผัสกับภาพที่ทีมงานของเราสร้างสรรค์ขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

     เราได้ผู้กำกับที่มีสายตาทางภาพที่สุดเฉียบคม ผมเชื่อมือเขา เพราะเขาเป็นคนทำหนังแบบ i robot และอีกหลายเรื่องที่ล้ำหน้าทางเทคโนโลยีมาก ผมฟังอเล็ก โปรยาส เล่าถึงไอเดียทางภาพ แล้วผมถึงกลับนั่งไม่ติดเก้าอี้ มันยิ่งใหญ่อลังการ กว่าที่ผมจะกล้าจินตนาการถึงมันได้ แล้วในขั้นตอนสุดท้าย เขาก็ทำออกมาได้อย่างที่เขาร่างภาพคร่าวๆเป็นไอเดียเท่านั้น ผมนับถือเขามาก เขากล้าทำในสิ่งที่ดูเหมือนเพ้อฝัน แต่มันก็ออกมาได้อย่างมหัศจรรย์ เป็นสิ่งที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ เขาชอบรับฟังข้อเสนอแนะของผม ทำให้ผมกล้าที่จะใช้ประสบการณ์ที่ผมมีออกมาได้อย่างเต็มที่เลย

 

 

     ภาพยนตร์เต็มไปด้วยฉากตื่นเต้นตระการตา ที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด ปีศาจร้าย ความเว่อร์วังลังการของสถาปัตยกรรมอียิปต์โบราณที่โอ่งโถง หรูหรา และใหญ่โต จนคุณไม่เชื่อว่าจะได้เห็นบนจอใหญ่ มันเป็นภาพยนตร์ที่ผสมระหว่างตำนานเทพให้กลายเป็นหนังแฟนตาซีเรื่องยิ่งใหญ่ ที่ทำให้เทพของอียิปต์ ดูราวประหนึ่งซูเปอร์ฮีโร่ มันมีการต่อสู้ในแบบที่เด็กทุกคนที่เติบโตมากับหนังแฟนตาซีหรือหนังไซไฟจะต้องชอบหนังเรื่องนี้ เพราะมันเป็นหนังที่มีความร่วมสมัย ที่ทุกคนจะมีอารมณ์ร่วมกับหนังแบบนี้ได้ และที่สำคัญฉากการต่อสู้ระหว่างเทพฮอรัสและเทพเซทที่อวตารร่างเป็นสัตว์และต่อสู้กันนั้น มันทั้งตื่นตาตื่นใจจนคุณจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน องค์ประกอบทุกอย่างมันครบสมบูรณ์ที่จะทำให้ทุกคนอ้าปากค้างกับความมันส์ของฉากแอคชั่น และวิชวลของภาพที่ล้ำหน้าแบบที่ผู้กำกับ อเล็ก โปรยาส มักล้ำหน้ากับคนอื่นหนึ่งก้าวอยู่เสมอ

 

     ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคิวฉายในเมืองไทย 25 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์