
'เสียงสวรรค์ฯ'โฉมใหม่กับงานดนตรีไทยของแผ่นดิน
28 ม.ค. 2559
เสียงสวรรค์ฯ โฉมใหม่กับงานดนตรีไทยของแผ่นดิน : คอลัมน์ เป็นคุ้งเป็นแคว โดย... เคน สองแคว
จวนจะสิ้นเดือนมกราคมแล้ว แวดวงเพลงลูกทุ่งลูกกรุงยังไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรคึกคักเท่าที่ควร แต่คาดว่า เดือนกุมภาพันธ์น่าจะขยับตัวกันมากขึ้นเพราะหมดจากเทศกาลปีใหม่กันไปแล้ว
แต่สิ่งที่น่าตกใจที่ผ่านมา คือ วิทยุสายลูกทุ่งที่หายจากหน้าปัดไป 1 คลื่น คือ โอเคลูกทุ่ง 98 แต่ก็ยังคงเหลือ ลูกทุ่งรักไทย 90 ลูกทุ่งเน็ตเวิร์ค 94.5 และลูกทุ่งมหานคร 95 ให้ได้ฟังกัน ก็ยังนับว่า ยังมีตัวเลือกที่มากมายอยู่ ขอเป็นกำลังใจให้คงอยู่กับชาวลูกทุ่งไปนานๆ
ด้านรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัด คือ รายการ “เสียงสวรรค์ ขวัญใจมหาชน” ทางช่อง 8 ที่เข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ปีนี้มีการปรับรูปแบบใหม่ให้สนุกเข้มข้นขึ้น ซึ่งเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา การประกวดจะแบ่งเป็นผู้เข้าประกวดชาย 4 หญิง 4 มาประชันกัน ซึ่งผู้ชนะเลิศก็จะผ่านเข้าไปในแต่ละรอบจนถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ละรอบก็จะต้องร้องเพลงที่ไม่ซ้ำกันด้วย
ผมเคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์เผยแพร่เพลง จะทำให้รายการประกวดร้องเพลงไม่มีบทเพลงที่หลากหลาย เพลงเก่าๆ จะหายไปจากหน้าจอ เพราะค่าลิขสิทธ์ที่ราคาสูง และยังมีปัญหาซ้ำซ้อน จ่ายซ้ำซากจนผู้จัดเอือมระอา แต่สำหรับรายการ "เสียงสวรรค์” นับแต่นี้ไป เพลงที่นำมาประกวดจะเน้นความหลากหลาย จากเดิมที่ให้ร้องเพลงเฉพาะค่ายอาร์สยาม แต่ตอนนี้เปิดกว้างเรื่องของเพลงหลากหลายค่ายที่จะนำมาร้องประกวดก็จะทำให้มีสีสันขึ้น นอกจากความสนุกจากพิธีกรนุ้ย เชิญยิ้ม กับ แพท ณปภา แล้ว ทีมงานยังพยายามสอดแทรกสาระความรู้ ที่จะได้จากกรรมการของรายการอีกด้วย ไม่ใช่เอาฮาอย่างเดียว
การที่เปิดกว้างสำหรับแนวเพลงหลากค่าย น่าจะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ขยายกลุ่มผู้ชมกว้างออกไปอีก นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ต้องยกนิ้วให้ความใจกว้างและกล้าลงทุนกับเรื่องลิขสิทธ์เผยแพร่เพลง
รายการประกวดดีๆ ที่อยากจะแนะนำให้ชม คือ โครงการประกวดการแข่งขันการขับเสภา “ศิลปินเสภาวายุภักษ์” ในรายการ “คุณพระช่วย” ซึ่งในวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคมนี้ เวลา 9 โมงเช้า ทางช่องเวิร์คพอยท์ จะได้ทราบกันแล้วว่าระหว่าง “ทีมภัทวรางค์” และ“ทีมรักษ์เสภา” ทีมใดจะเป็นผู้ชนะเลิศ รับเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมรับโล่เกียรติยศ
คณะกรรมการตัดสินทั้งสามท่าน มีความหลากหลายทั่งวัยและคุณวุฒิ คือ อ.ศิริ วิชเวช ศิลปินแห่งชาติ สาขาคีตศิลป์ (กรรมการด้านหลักการขับเสภา) จิระนันท์ พิตรปรีชา กวีซีไรต์ และ “เก่ง” ธชย ประทุมวรรณ ศิลปินรุ่นใหม่ผู้มีใจรักในการขับเสภา
อีกงานสำคัญที่เกี่ยวกับเอกลักษณ์ความเป็นไทย ที่จะจัดกันในวันนี้ (พฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม 2559) คือ งานแถลงข่าว เริ่มลงทะเบียนเที่ยงตรง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร (ติดกับโรงละครแห่งชาติ) จัดโดยมูลนิธิมนตรี ตราโมท ในพระราชูปถัมภ์ฯ กับ โครงการเผยแพร่เพลงไทยเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา “ดนตรีไทยต้องไปไกลถึงอาเซียน” เพื่อแสดงจุดยืนที่แท้จริงของคนไทยด้วยเอกลักษณ์และเครื่องดนตรีไทย
ในการแถลงข่าวจะจัดโชว์พิเศษประเดิม 2 เพลงแรกนำร่อง ความเป็นไทย คือ เพลงโหมโรงมหาราช และ เพลงระบำขวัญชาติธงชัย (เพลงลาวสมเด็จ)
พร้อมนำศิลปินแห่งชาติสาขาการแสดง ดนตรีไทยและนาฎศิลป์ไทยหลายสมัย กว่า 10 ท่าน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทยร่วมงาน โดยมี ศิลปินแห่งชาติ ญาณี ตราโมท ทายาทของครูมนตรี ตราโมท เป็นพิธีกร และเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ร่วมพูดคุยด้วย
ทิ้งท้ายด้วยพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2547 ทรงตรัสไว้ว่า
“ชาติบ้านเมืองใดมีดนตรีมีสำเนียงดนตรี เพลงดนตรี เครื่องดนตรี ที่เป็นของตนเองนั่นละน่าชื่นใจ อย่างของไทยเราเรามีดนตรีของเรา ซึ่งคล้ายกับจีนบ้าง คล้ายกับอินเดียบ้าง คล้ายกับฝรั่งบ้าง แต่ว่าเป็นเพลงและเป็นเครื่องดนตรีไทยแท้ๆ ซึ่งเป็นสมบัติของชาติบ้านเมือง”