
กะโหลกหนาตายช้า กะโหลกบางตายก่อน
เลยปีเผาจริงของ composser และ lyricist ไปเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลานั่งนับศพทหารกันแล้ว ปรากฏว่าผมนับไม่ได้ครับเพราะผมตายไปด้วย
ขำๆ ครับ คือเรื่องมันเป็นงี้ จากปีแล้วปีเล่าที่มีแต่ความซบเซาของวงการดนตรีไทยสากล เกี่ยวกับเรื่องของค่าตอบแทนอันน้อยนิดในการทำงานเบื้องหลัง หรือแม้แต่เบื้องหน้า แล้วมันจะไปเหลืออะไร งานดีๆ production ดีๆ ไม่มีแล้วครับ อัดมาจากบ้านกันหมดแล้วไม่มีงบให้ไปอัดในห้องอัดใหญ่ๆ กันแล้ว ก็จะมีพวกเด็ก plug in (ใช้ซอฟต์แวร์ทำงานในคอมพ์) ที่มาบ้าพลังโชว์กันว่า sound กูดี กูเจ๋งที่สุด เออมันคิดแปลกๆ แทนที่มันจะช่วยกันอัดนายทุนให้เทงบมาเยอะหน่อยเพื่อมาทำงาน มันดันแข่งกันกดราคาให้ถูก นายทุนยิ่งเอาใหญ่ กดราคาให้ต่ำเข้าไปอีก อ้างว่า "ขายน้อย" เออ...จำเริญ มันขายน้อยจริงๆ ครับ
แล้วมันจะไปเหลืออะไร พวกคนเบื้องหลังที่เคยยืนหยัดอยู่ในวงการ แบบอีโก้สูงๆ ราคาแบบนี้ จมไม่ลงครับ เลิกไปเลย ไปทำอย่างอื่น ไปแข่งกัน mixed down (ผสมเสียง) บ้าง mastering บ้าง ก็เฮไปทำกันหมด แล้วเป็นไง คนเก่งๆ มีไม่กี่คน ที่มี conection ดีๆ ก็มีไม่มาก ที่เหลือ "แกลบ" เป็นอาหารหมด เปิดห้องอัดกันเป็นแถวโทรให้ไปเยี่ยมชม โอโห... เครื่องแรงๆ กันทั้งนั้นเลย แต่ไม่มีใครไปอัด เห็นใจสุดๆ ถ้าวันไหนมีโปรเจกท์ดีๆ จะไปตีกลองที่นั่นนะเพื่อนเอ๊ย อุดหนุนแน่นอน เอาแบบชัวร์ๆ นะ บางพวกเปิดห้องซ้อมดนตรี เออ...อันนี้เงินสดๆ ดีแต่หลักพันต่อวันเอาให้ถึงก่อน
เหนื่อย...ค่ายเพลงหรือกลุ่มโชว์บิซ ทำห้องซ้อมแบบถาวรของตัวเองอีก...จบข่าว...ที่เหลือที่เป็นลูกค้าก็วงเกรี๋ยน วงนักเรียน ไหวมั้ยครับ ถ้าไหวก็ไหว...หรือบ้างก็หันจะไปทำเพลงโฆษณา เออ...มันก็เงินดีครับ แต่ไม่ได้มีทุกวัน แถมต้องต่อคิวเสนองานกันอีกตรึม
แล้วอีกอย่างวงการนี้เขามีเจ้าถิ่นคุมกันอยู่ ตัวจริงที่ซี้ปึ้กกับเอเยนซี เขาไม่ปล่อยของแพงๆ มาให้รับประทานกันหรอกครับ ส่วนทหารกล้าบางท่านที่ไม่ยอมตายแต่ยอมถูกลดเงินเดือน ตอนนี้ร้องดังเข้าไปอีก คือไม่เหลือเงินเดือนให้ลดแล้วครับ ไม่รู้จะเอาที่ไหนมาให้จริงๆ อันนี้น่าเห็นใจสุดๆ เพราะนายทุนเริ่มมองไปยังกลุ่มนักดนตรีเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องจ่ายเงินเดือน แถมถูก และเร็ว...เออโว้ย... แต่จะดีมั้ย ไม่รู้
เอาเป็นว่าทำๆ ไปมันต้องเจอเพลงโดนๆ มั่งว้า...เขาคิดกันเงี้ย...อาการต่อมาคือเพลงเกลื่อนตลาด ก็เป็นไปตามธรรมชาติ ก็นักดนตรีรุ่นเก่างานมักจะเป็นแบบช้า แต่งานดี ติดตรงราคาไม่ถูก แต่งานดีไม่ได้หมายความว่าเงินจะมาดีไปด้วยเหมือนแต่ก่อน ก็..เหอะๆ จบเห่อีก
มีบางท่านจะหันไปทำหนังบ้าง หรือเป็นแมวมองหาวงมาทำจับเซ็นสัญญาส่งขายค่ายเพลงบ้าง มันก็ดีครับทำอะไรที่ไม่ฝืนธรรมชาติ ไม่ฝืนกระเป๋าเงินคนอื่น ก็ทำไปเถอะ จะมีใครบ้ามาควักเงินให้ทำสิ่งแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เสี่ยเจียง หรืออากู๋ หรือเฮียฮ้อ ถ้าคนนั้นบ้าพอ แล้วงานมันไปได้ดี มันจะดีมาก มันจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองต่อวงการอย่างมาก แต่ถ้ามันขับเคลื่อนไปไม่ได้ วันหนึ่งก็คงหนีธรรมชาติไม่ได้หรอกครับ เข้าป่าอย่างเดียว นี่คือพวกกะโหลกหนาหน่อยหาโน่นหานี่ทำ...ยังอยู่ ครับยังอยู่ (อยู่จริงหรือ?) ยังไม่ตาย แต่พวกกะโหลกบางไปหมดแล้ว
ก็เหมือนที่เคยกล่าวถึง โชว์บิซกับระบบสปอนเซอร์ชิพเท่านั้นที่จะอยู่รอดอย่างเจริญรุ่งเรือง จะเบียร์ยี่ห้ออะไรว่าไปเลย จะมอเตอรไซค์อะไรก็จับไว้ให้มั่น จะขนมขบเคี้ยวอะไรก็ว่าไป จะธนาคารสถาบันไหน ก็กราบเขาเข้าไว้ ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเขาเหล่านี้เคยก้มให้เราเดี๋ยวนี้เราต้องก้มให้เขา
เอาล่ะไม่ว่าจะเครื่องดื่มชูกำลัง หรืออะไรก็ตาม ถ้าเราเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงจรนั้นได้ เงินแน่ๆครับที่เราพอจะได้ ส่วน "กล่อง" เราไม่สน ไม่ว่าจะไปเป็นกรรมการ หรือผู้เรียบเรียงเพลง ตลอดจนเป็น "คอมเมนเตเตอร์" ไม่ว่าจะเวทีไหน ถ้าอยู่ในวงจรได้เงินแน่ๆ ถ้าไม่อยู่ในวงจร ไปขอตังเบียร์สักยี่ห้อหนึ่งมาทำโปรเจกท์ อาจจะได้แค่เบียร์หรือน้ำดื่มมาแจกฟรีในงานเฉยๆ ก็ได้ ให้ระวัง เดี๋ยวนี้สปอนเซอร์เขาไม่โง่แถมมีเจ้าถิ่นคุมอยู่เหมือนกัน
ทำไงครับ ผูกมิตรกับคนไว้มากๆ แล้วนึกเสมอว่าตัวเองตายไปแล้ว แล้วเดินแบบมี "สันติสุข" ( peaceful ) เล่นดนตรี...ท่องไว้ เล่นสด ชอบดนตรี รักดนตรี ชอบเล่นกีตาร์ ชอบร้องเพลง ชอบบลูส์ ท่องไว้ ร้องเพลงให้เพื่อนมนุษย์ฟัง ท่องไว้ ว่ากูตายไปแล้ว เราตายไปแล้ว เราชอบเล่นดนตรี เรารักดนตรี เรารักเพื่อนมนุษย์ อาเมน...นี่แหละครับจะทำให้มีความสุขมาก แต่ถ้าคิดว่าข้ายังไม่ตาย ข้ายังอยู่ แต่ใจไม่มีสันติสุขก็เท่ากับว่าคุณไม่มีอะไรเหลือเลยแม้แต่กะโหลก
"จิรายุส วรรธนะสิน"