
เปลี่ยนช่องทีวีดิจิทัลให้ตรงกันถามเชื่อมั่นสำเร็จจริงหรือ?
เปลี่ยนช่องทีวีดิจิทัลให้ตรงกันถามความเชื่อมั่นสำเร็จจริงหรือ?
หลังจากที่มีประกาศ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ หรือหลักเกณฑ์การเรียงช่อง ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2558 จะมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ผู้รับใบอนุญาตให้บริการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ อาทิ ช่องดาวเทียม เคเบิลทีวี ต้องจัดเรียงช่องใหม่ ให้เลขช่องเหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม โดยบังคับให้ช่องทีวีดิจิทัล ช่อง 1-36 ซึ่งเป็นช่องฟรีทีวีดิจิทัล เรียงเลขช่องเหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเซตท็อปบ็อกซ์, ดาวเทียม เคเบิลทีวี ส่วนช่องรายการที่ 37-60 เป็นช่องที่ผู้ประกอบการเลือกนำรายการใดมานำเสนอก็ได้ ซึ่งการเรียงให้เลขช่องเหมือนกันทุกแพลตฟอร์มนี้ ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ไม่ต้องสับสนจำเลขช่องที่แตกต่างกัน
สำหรับช่องรายการทีวีดิจิทัลในปัจจุบัน ได้แก่ ช่อง 1 คือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 HD1 ช่อง 2 คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 3 คือ ไทยพีบีเอส HD ช่อง 10 คือ ช่องรัฐสภา ช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัว ได้แก่ ช่อง 13 คือ ช่อง 3 FAMILY ช่อง 14 คือ ช่อง MCOT Family ช่อง 15 คือ ช่อง LOCA (ระงับการออกอากาศ)
ช่องข่าวสารและสาระ ได้แก่ ช่อง 16 คือ ช่อง TNN 24 ช่อง 17 คือ ช่อง ไทยทีวี (ระงับการออกอากาศ) ช่อง 18 คือ ช่อง NEW tv ช่อง 19 คือ ช่อง SPRING NEWS ช่อง 20 คือ ช่อง BRIGHT TV ช่อง 21 คือ ช่อง VOICE TV ช่อง 22 คือ ช่อง NATION TV
ช่องรายการทั่วไป(SD) ได้แก่ ช่อง 23 คือ ช่อง WORKPOINT TV ช่อง 24 คือ ช่อง true 4U ช่อง 25 คือ ช่อง GMM ช่อง 26 คือ ช่อง NOW ช่อง 27 คือ ช่อง 8 ช่อง 28 คือ ช่อง 3SD ช่อง 29 คือ ช่อง MONO 29 และช่องรายการทั่วไปที่มีความคมชัดสูง(HD) ได้แก่ ช่อง 30 คือช่อง MCOT HD ช่อง 31 คือ ช่อง ONE HD ช่อง 32 คือ ช่องไทยรัฐ TV ช่อง 33 คือ ช่อง 3 HD ช่อง 34 คือ ช่อง AMARIN TV HD ช่อง 35 คือ ช่อง 7 HD ช่อง 36 คือ ช่อง PPTV HD
ทั้งนี้มีการตั้งคำถามเกิดขึ้นหลังจากนโยบายจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัลให้ตรงกันในทุกๆ ระบบว่า ในภาคส่วนผู้ประกอบการตามภูมิภาคต่างๆ จะตอบรับนโยบายของกสทช. ได้ทุกเจ้า และครอบคลุมกันทั้งหมดหรือไม่ วันนี้ได้รับข้อมูลจากผู้ประกอบการเคเบิลทีวี จ.บุรีรัมย์ รายหนึ่งเปิดเผยว่า ระบบเคเบิลทีวีมีข้อจำกัดจำนวนความถี่ช่องออกอากาศอยู่แล้ว ซึ่งสามารถออกอากาศได้เพียง 50 ช่อง ที่ความถี่ 550 เมกะเฮิรตซ์ จากกรณีที่ กสทช.เข้ามาควบคุมให้ออกอากาศตามที่กำหนดทั้ง 36 ช่อง โดยเหลือให้เคเบิลออกอากาศได้เพียง 14 ช่อง ทางเคเบิลไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ดังนั้นจึงยังไม่มีการปรับเรียงช่องตามที่กสทช.ประกาศ และยังคงจะออกอากาศตามปกติเหมือนเดิม อีกทั้งยังต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูงให้การปรับเปลี่ยนระบบแค่รัฐบาลปล่อยออกอากาศระบบดิจิทัล พร้อมทั้งแจกกล่องรับสัญญาณให้ประชาชนทั่วประเทศชมฟรี ผลกระทบต่อธุรกิจเคเบิลทีวีทำให้ลูกค้าที่เคยใช้บริการหายไปเกิน 50 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว จากเดิมที่เคยมีลูกค้ามากกว่า 3,000 คน ปัจจุบันเหลือเพียง 1,000 คนเท่านั้น จึงอยากฝากถึงรัฐบาล และกสทช. ควรจะให้การสนับสนุนหาช่องดีๆ ให้เคเบิลออกอากาศจะดีกว่าที่จะเข้ามาควบคุมหรือบีบบังคับให้ทำตาม โดยที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดแก่ผู้ประกอบการ
นี่คือหนึ่งเสียงที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาบางอย่างที่คำสั่งยังไม่ครอบคลุมและยังไม่สามารถปฏิบัติการตามได้ สำหรับทางออกของปัญหา ควรจะมีการสนับสนุนจากภาครัฐในการเปลี่ยนผ่านการจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัลให้ตรงกันในทุกระบบ เพื่อแบ่งเบาภาระที่ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยต้องแบกรับ เพื่ออนาคตของวงการโทรทัศน์ไทยที่สดใสรอเราอยู่