บันเทิง

ปกป้องดวงใจ‘อลิน-อรัญ’ด้วยความรักถักทอสายใยจาก‘พ่อโอ๊ค’

ปกป้องดวงใจ‘อลิน-อรัญ’ด้วยความรักถักทอสายใยจาก‘พ่อโอ๊ค’

05 ธ.ค. 2558

ปกป้องดวงใจ ‘อลิน-อรัญ’ ด้วยความรัก ถักทอสายใยจาก ‘พ่อโอ๊ค’ : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... ภัทรวรรณ สุนทรธนานุกูล ภาพ... วริศรา วุฒิกุล

ในวินาทีนี้คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า “หมอโอ๊ค” สมิทธิ์ อารยะสกุล เป็นคุณพ่อมือใหม่ที่ผ่านเรื่องราวในช่วงที่ “โอปอล์” ปาณิสรา ภรรยาสาว กำลังตั้งครรภ์ฝาแฝด น้องอลิน ลูกสาว และ น้องอรัญ ลูกชาย ด้วยภาวะหนักหนาสาหัส ทว่าสุดท้ายทั้งคู่สามารถข้ามผ่านบทสอบทุกอย่างด้วยความรัก ในวันพ่อปีนี้ “คม ชัด ลึก” มีโอกาสมาพูดคุยกับ “หมอโอ๊ค” ถึงบทบาทของความเป็นพ่อป้ายแดง
@@ ความรู้สึกแรกของคำว่า “พ่อ”
@ย้อนกลับไปในวันที่ทราบโอปอล์ตั้งครรภ์
จริงๆ การนี้มีน้องครั้งนี้ มันมีหลายอารมณ์ความรู้สึกมาก ตอนเริ่มต้นมันคือความรู้สึกตื่นเต้น เพราะว่าเป็นลูกที่เรารอคอย (ยิ้ม) และในที่สุดสมหวัง แมทช์แรกดีใจนะ เพราะว่าเรามีลูกสมใจแล้ว พอความรู้สึกที่สองคือตกใจ เนื่องจากเจอมาเป็นคู่เลย ลุ้นต่อไปว่าจะเป็นเพศไหนบ้างนะ แล้วเด็ก 2 คนมาพร้อมกัน มันต่างกับคนเดียว คุยกันหนัก ตื่นเต้นและเหนือความคาดหมายด้วย พอผ่านไปสักไม่กี่เดือน มีความรู้สึกที่มันหนักแล้ว เหมือนคุณโอปอล์เริ่มมีอาการเยอะ มึนๆ เรียกว่าเป็นการแพ้ท้องนะ แต่พอดีว่าด้วยความที่เป็นแฝด จะทวีคูณขึ้นไป
@ เรื่องตื่นเต้นที่เกิดในระหว่างตั้งครรภ์
คือบอกเลยว่ามีเรื่องทุกเดือน พอมีเลือดออก เราตกใจมาก รีบไปหาคุณหมอ เพื่อไปเช็ก สรุปเป็นติ่งเนื้อ แล้วตัดออก ตอนนี้รู้สึกว่าประมาณ 4 เดือนนะ หลังจากนั้น เราก็ลั้นลาไปเที่ยวกัน ผมอยากให้ทุกอย่างมีความสุข ไม่อยากให้เกิดความเครียดจนเกินไป ความรู้ทางการแพทย์ทุกอย่างก็นำมาใช้ อะไรทานแล้วดี ทานหมด
@ ส่วนใหญ่คุณพ่อที่ได้ฟิล์มอัลตร้าซาวด์มักจะนั่งดูรูปอย่างเพลิดเพลิน มีโมเม้นท์อย่างนั้นไหม
มีความเพลิดเพลินนะ แต่มันก็มีหลากหลายอารมณ์มาผสมผสานนะ ท้องแฝดจะมีปัญหาอะไรแทรกอยู่ตลอด แต่ว่ามันเป็นเรื่องปกติของครรภ์แฝดนะ จะต้องละเอียดขึ้น มีภาวะที่เราต้องกังวลมากขึ้น มันไม่ใช่แค่ดูว่าเด็กคนหนึ่งจะโตขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่เราต้องดูว่าเด็กทั้งสองคนโตเท่ากันหรือเปล่า มันมีโรคที่เขาแย่งอาหารกันก็มี บางครั้งอีกคนอาจจะฝ่อไปก่อน มันก็เกิดขึ้นได้ ต้องค่อยๆ ดูไป
@@ เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
@ จุดเริ่มต้นจากเรื่องที่ไม่คาดฝัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นช่วงที่โอปอล์ตั้งครรภ์ได้ 23 สัปดาห์ เรื่องมันเกิดจากที่ผมไปกอดเขานะ มันเป็นเรื่องปกติที่จะกอด จับท้องเล่นและคุยกับลูก ผมจำได้เลยว่าตอนที่จับท้องเขา แล้วรู้สึกแปลกๆ รู้สึกท้องแข็งขึ้นมา ไม่ใช่ว่าลูกดิ้นนะ แต่นี่คือมันแข็ง และเป็นนานเกินกว่า 5 นาที ซึ่งนี่คือเป็นอาการที่จะคลอดของคุณแม่ทั่วๆ ไป แต่ของโอปอล์ยังไม่ควรเกิดขึ้น ผมถามเพื่อนๆ ที่เป็นคุณหมอสูติฯ นะ เขาบอกว่ามันก็มีความเป็นไปได้ของครรภ์แฝด ผมลองนั่งจับดูปรากฏว่ามันสม่ำเสมอนะ มันจะออกแล้ว ผมบอกให้เขาไปโรงพยาบาล และตัวโอปอล์ไม่รู้เรื่องนี้เลยนะ
@ เมื่อถึงมือหมอ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง
พอถึงโรงพยาบาลแล้ว คุณหมอยังบอกว่าไม่น่านะ โตปกติ แต่ตัดสินใจติดเครื่องตรวจดูแล้วกัน เครื่องที่วัดระดับมดลูกหดตัว โอ้โห กราฟขึ้นมาเหมือนว่ากำลังจะคลอด คุณหมอก็ตกใจ โอปอล์หน้าเสีย ผมรู้เลยว่า มันไม่ใช่ตอนนี้นะ ยังคลอดไม่ได้
@ สภาพจิตใจของโอปอล์เป็นอย่างไรบ้าง
ต้องบอกอย่างนี้ดีกว่านะ ผมกั้นเขาออกจากทุกอย่าง ผมรู้ว่าความเครียดมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมต้องแสดงว่ามันไม่มีอะไร แต่ข้างในใจเราคิดไปเยอะแล้ว พอตอนที่ตรวจ สีหน้าทุกคนออกมาเลย โอปอล์ตกใจ ผมบอกว่าตรวจอย่างอื่นก่อน จนหมอขอดูปากมดลูกและเห็นว่า จะมาแล้ว ซึ่ง 23 สัปดาห์คือไม่ได้เลยนะ โอกาสที่จะรอด (เน้นเสียง) น้อยมากเลย ก็ต้องให้โอปอล์นอนโรงพยาบาล และของดการทำกิจกรรมทุกอย่าง และทุกอย่างก็ต้องอยู่บนเตียง อาบน้ำ ทานข้าว เข้าห้องน้ำ ก็ต้องอยู่บนเตียงเท่านั้น และนอนแนวราบอย่างเดียว พอเขารู้อย่างนั้นเขาร้องไห้ออกมาเลย เขาคุยกับผมตอนที่เราอยู่กันสองคน เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่มนุษย์จะนอนราบมันไปแบบนี้ เพราะอีก 3-4 เดือนที่ต้องอยู่ ผมบอกว่าใจเย็นๆ มันมีคนทำได้ เราก็ต้องทำได้
@ ลึกๆ แล้วกลัวเสียลูกไปไหม
บอกเลยว่าในวันนั้น ไม่สามารถมีใครตอบอะไรได้ ซึ่งท้องแฝดเป็นท้องที่คุณหมอสูติฯ กลัวมากที่สุด กลัวว่าจะคลอดก่อนกำหนด ทุกอย่างมันโถมเข้ามา ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่อาการครรภ์เป็นพิษนะ แต่นี้คือเด็กจะออกมาแล้ว เขาบอกผมว่า เขากลัวมาก และอยากกลับบ้าน ผมรู้สึกในใจตัวเองลึกๆ ว่าต้องไม่แสดงอะไรที่ผิดสังเกตให้เขาเห็น แต่ผมบอกว่าเราต้องอยู่เพื่อลูกนะ และสัญญาว่าจะอยู่กับเขาทุกวัน ตอนนั้นเขาอยู่สมิติเวช แล้วผมทำงานที่นั่น พอทำงานเสร็จก็กลับมานอนกับเขา ใช้ชีวิตปกติของเรา
@ รู้เยอะแต่ต้องทำให้ทุกอย่างปกติมันยากลำบากมากน้อยขนาดไหน
ผมร้องไห้ไม่รู้กี่ครั้ง ร้องไปเรื่อยๆ แต่พอเจอหน้าโอปอล์ ต้องปกติ พอเดินออกไปจากห้องก็ต้องไปแอบนั่งร้องไห้คนเดียว เพราะว่ามันกลัว แล้วมันก็จะมีอะไรระหว่างทางเยอะมาก จนแบบว่าคุณหมอจะเตรียมคลอดแล้ว ห้องเด็ก สุดท้ายคุณหมอมาแจ้งว่าห้องเด็กไม่พอ เด็กที่คลอดก่อนกำหนดเยอะมาก แต่ทั้งหมดที่พูดมาอยู่ 24 สัปดาห์กว่าเองนะ ห้องเต็มมาก จนต้องตัดสินใจพอโอปอล์ไปรักษาอีกที่หนึ่ง และลงตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ทุกอย่างลงตัวมาก
@ เรื่องไม่คาดฝันที่ครั้งที่สอง
ต้องบอกก่อนว่า ยาระงับคลอดเป็นยาที่บีบหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็ว แล้วคุณแม่จะเหนื่อย คือมันเป็นการหลอกร่างกายให้เครียด เพื่อที่ลูกจะไม่ออกมา มันก็ต้องแลก ว่าคุณแม่ยอมใจเต้นแรง มดลูกบีบน้อยลง ปกติเขาจะให้กัน 3 วันก่อนจะคลอด แต่โอปอล์ได้รับยานี้เป็นเวลา 1 เดือนก่อนคลอด มีอยู่วันหนึ่งที่ผมตกใจมาก ถึงกับร้องไห้โฮออกมาเลย แต่เขาก็ไม่ได้เห็นนะ เหมือนหัวใจเขาทนไม่ไหว เขาหัวใจจะวาย แต่เขาทนเพื่อลูกถึงขีดสุด คือนอนอยู่แล้วเฮือกขึ้นมา เขาบอกว่าเขาจมน้ำ เขาไม่ไหว รู้สึกแปลก หัวใจขึ้นไป 160-170 ครั้ง พยาบาลวิ่งมากันใหญ่เลย ทุกคนตั้งใจมาก และปรับยา ตอนนั้นสัปดาห์ 28-29 สัปดาห์ เข้า 7 เดือนแล้ว ตอนนั้นหมอเรียกคุยแล้ว แต่ตอนนั้นหมอประเมินแล้วว่าคุณแม่ไม่ไหวแล้ว จึงเริ่มวางแผนแล้วว่า ให้ยาลดลง ค่อยๆ ประคับประคองกันไป โอปอล์เขาทนมากนะ ประคองมาได้จนเกือบ 30 สัปดาห์ เขาอยู่โรงพยาบาลทั้งหมดประมาณ 2 เดือนนะ นอนราบอย่างเดียวและไม่เคยได้ยืนขึ้นเลยนะ พอลดยา อาการก็มาเลย คือจะคลอดให้ได้ คุณหมอก็เรียกคุยเลย เพราะว่าอายุครรภ์พอไหวแล้ว คุณหมอเด็กบอกว่าสามารถคลอดได้แล้ว ผมต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์ทุกท่านของทางรามาธิบดี ทั้งแผนกเด็ก และคุณหมอทุกๆ ท่านอย่างมาก
@ ช่วงที่พีคมาก โอปอลล์เคยพูดไหมว่า ท้ายที่สุดขอให้เลือกลูกก่อนตัวเอง
มีนะ (เงียบ) เขาบอกเลยว่าเขายอม ยอมทุกอย่าง หรือแม้แต่ว่าทำให้เขาสลบไปเลยก็ได้ ไม่ต้องตื่น หรือให้ยาให้เขาเป็นอัมพาตไปเลยก็ได้ ขอให้ลูกอยู่ในท้องเขา ผมบอกว่ามันไม่ดีกับใครทั้งนั้น เราได้รักษาตามสเต็ปทางการแพทย์หมดแล้ว ผมบอกว่าสิ่งที่เราทำมาทั้งหมด มันจะไม่สูญเปล่ามันต้องดี
@ เมื่อเข้าไปอยู่ในห้องคลอดความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง
ตอนนั้นลุ้นมากว่าจะร้องหรือไม่ร้อง เพราะตัวเขาเล็กมาก แค่ 7 เดือน คนผู้หญิงน้องอลิน ออกมาโลสอง ผู้ชายน้องอรัญโลเดียวเองนะ จิ๋วมาก (เน้นเสียง) ตัวเท่าแก้วเลย มองเห็นลูกครั้งแรก ผมโล่งอกนะ ด้วยเซ็นส์ของทั้งความเป็นพ่อ และหมอ การที่ลูกร้องแบบนี้ ดิ้นแบบนี้โอเค ถึงจะเล็กโอเค ผมบอกกับโอปอล์เลยนะว่า ลูกเราทั้งสองคน เขาจะโอเค แต่เราก็ต้องเสียสละ โมเม้นท์ถ่ายรูปนะ เพราะว่าพอน้องออกมาต้องพาเข้าไปห้องไอซียูเด็กเลย ประโยคแรกที่โอปอล์ถาม คือลูกร้องหรือเปล่า เขามีสติตลอด เพราะเลือกวิธีบล็อกหลัง นั่นเสียงลูกใช่ไหม เขาบอกว่าให้ผม เอามือจับมือเขาหน่อย เขากลัว เขาอยากได้กำลังใจ อยู่กับเขานะ ผมบอกไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรเลย
@@ ทุกอย่างไม่จบลงแค่วันคลอด
@ หลังจากนอนแนวราบมานานโอปอล์เป็นอย่างไรบ้าง
เนื่องจากว่าไม่ได้เดินมาเลยตลอด 2 เดือน แวบแรกเดินไม่ได้ พอเท้าเข้าแตะพื้น เขาชักเท้าขึ้น ผมถามว่าเป็นอะไร เขาบอกว่าไฟช็อตนะ เขาตกใจนะ ร้องไห้ออกมาเลย เพราะว่ากลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรอีก ผมบอกไม่ต้องกลัวนะ ค่อยๆ ปรับตัวไป แต่เขาฟื้นตัวเร็วมาก จำได้ว่าผ่าวันที่ 28 กันยายน พอ 29 กันยายน ช่วงเย็นเขาลุกจากเตียง ไปดูลูกแล้ว เมื่อโอปอล์เห็นอลินกับอรัญครั้งแรก เขาร้องไห้ออกมาเลย เพราะว่าสายระโยงระยางมากมาย อรัญตัวเท่าไก่เล็กๆ (ทำเสียง) ความรู้สึกของผมเขาครบหมด แต่ว่าเขาเล็กเท่านั้นเอง อาจารย์หมอยังบอกว่า เขาอึดมากนะ เล็กแต่ไม่ต้องช่วยอะไรเลย หายใจเอง วันรุ่งขึ้่น กินนมได้เลย ขับถ่ายเอง อรัญสมูทมาก รอดูตามขั้นตอนเลย ส่วนอลิน หายใจไม่ไหว มีเรื่องของหัวใจนิดหน่อย มีอะไรที่ขรุขระกว่า ปอดยังเล็ก โอ้ย สารพัดอย่าง ผมก็ต้องชมหมอเด็กนะ เพราะบอกเลยว่าต้องดูแลกันไปตามสเต็ปเลย มีอะไรก็แก้อันนั้นไป
@ เมื่อโอปอล์กลับบ้าน แต่ลูกสองคนอยู่โรงพยาบาล
สเต็ปต่อมา เรื่องนม เนื่องจากคลอดก่อนกำหนด รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนมยากมาก อาจารย์มาบอกว่าไม่ได้กดดัน แต่เด็กที่กินนมแม่จะสามารถป้องกันโรคลำไส้เน่า โดยเฉพาะเด็กเล็กจิ๋ว เขาจะมีภาวะแบบนี้ เขาบอกว่าอยากได้นมแม่นะ ซึ่งรามาธิบดีมีธนาคารนมแม่นะ ในกรณีที่เรายังไม่สามารถให้นมได้เอง แต่ก็อยากให้ได้จากเราด้วย โอปอล์เขาพยายามมาก อะไรกินดี กินหมด หัวปลี น้ำขิง ทำทุกอย่าง จนมันมา พอกลับมาอยู่บ้าน ลูกยังอยู่โรงพยาบาล ผมก็เป็นพนักงานส่งนม กิจวัตรของผมตื่นตีห้า มาส่งนม ผมกินข้าวบนรถ พอถึงโรงพยาบาล รอเวลาประตูห้องเด็กเปิด เอานมส่งไปให้ลูก อยู่กับเขาให้นานที่สุด วันไหนเลิกงานเร็วก็กลับมาอยู่กับลูก ผมก็ทำแบบแกงการู เป็นการให้ความอบอุ่น คุณหมอบอกว่าจะโตเร็วขึ้นนะ แต่ก็กระตุ้นได้จริง ส่วนโอปอลล์ ก็ปั๊มนมทุก 2-3 ชั่วโมง ชีวิตก็วนเวียนแบบนี้แต่มันก็มีความสุขนะ
@@ วางแผนอย่างไรกับลูกสองคนนี้บ้าง
@วางอนาคตอยางไร
ผมกับโอปอล์เชื่อในเรื่องของความปกตินะ ผมคงไม่ทำให้เขาพิเศษอะไรนะ ผมกลัวที่สุด กลัวว่าเขาจะถูกทรีทจากคนอื่นๆ แต่เขาเป็นคนที่ปกติถึงแม้ว่าเขาสองคนจะเกิดก่อนกำหนด ไม่ต้องได้รับความประคบประหงมนะ ไม่ต้องได้รับการตามใจ ผมเชื่อเรื่องธรรมชาติให้เขามีความสุขง่ายๆ ไม่ต้องเน้นเรื่องวัตถุ เน้นในเรื่องการศึกษา และไม่ตีกรอบเรื่องอาชีพนะ เพราะหน้าที่เรา ก็คือมีหน้าที่สนับสนุนเขาเท่านั้นเอง ผมขอให้เขาไปในวิถีที่ดีที่สุดในทิศทางของเขา และเลือกคบคนที่ดี ในสังคมที่ดี ไม่หลงผิด โตขึ้นผมจะสอนลูกว่า มีคนรักและเป็นห่วงลูกสองคนมาก เขาต้องรักตัวเองและอย่าล้อเล่นกับชีวิต เพราะชีวิตเขามีค่า เนื่องจากว่ากว่าเขาจะโต เขาต้องผ่านอะไรมาเยอะ เพราะฉะนั้นเขาต้องทำอะไรต่อมิอะไรที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่แค่ตัวเองแต่ต้องเพื่อสังคมด้วย
@ วันพ่อปีนี้มีความหมายมากขึ้น
มีความหมายกว่าทุกปี เพราะหนักหน่วง ตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกของพ่อเลยนะ เราเป็นพ่อเอง ผมเริ่มรู้สึกว่าทำไมต้องมีวันพ่อนะ ทำไมต้องมีวันแม่ มันไม่ใช่เชิงสัญลักษณ์ มันมีความหมายนะ มันเป็นสถาบันเล็กๆ ที่สุดในสังคม และเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆ อย่างๆ เพราะว่าเรากำลังสร้างคนตัวจิ๋วจากเรา สองคนนี้ที่อยู่ในแขนเรา จากเซลล์เดียว เซลล์จิ๋วๆ ที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า จนมาเป็นตัว มีคาแรกเตอร์
@ คำสอนของพ่อที่อยู่ในใจ
ความแตกต่างเป็นสิ่งดีและจงยอมรับ ในความแตกต่างของคนรอบข้าง อย่าเลือกคบคนที่มีความคล้ายกับเรา ความแตกต่างจะนำไปสู่การพัฒนา และข้อ 2 จงเป็นคนซื่อสัตย์ และให้ตอบคำถามกับทุกคนได้ในที่เราทำ
........................................
ผู้ชายคนนี้ ชื่อ “โอ๊ค”
ชื่อจริง นายแพทย์สมิทธิ์ อารยะสกุล
ชื่อเล่น โอ๊ค
เกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2523
จบการศึกษาจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษาแล้วจึงเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผลงานในวงการบันเทิง พิธีกร รายการ “รถโรงเรียน”
ผลงานเพลง อัลบั้ม VOICE MALE และส่งเพลง “ซื้อกุหลาบให้ตัวเอง” และ “วูบหนึ่งในคืนเหงา”
ชีวิตครอบครัว แต่งงานกับ “โอปอล” ปาณิสรา โดยจัดพิธีหมั้นและจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2557
........................................
(หมายเหตุ ปกป้องดวงใจ ‘อลิน-อรัญ’ ด้วยความรัก ถักทอสายใยจาก ‘พ่อโอ๊ค’ : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... ภัทรวรรณ สุนทรธนานุกูล ภาพ... วริศรา วุฒิกุล)