‘โอลก้า คูรีเลนโก’เปิดหมดเปลือกใน‘Momentum’ | คมชัดลึก

 

 

      มันเป็นหนังแอ็กชั่นที่เดินเรื่องได้เร็วและดีมาก เป็นหนังที่มีผ้หู ญิงเป็นตัวนำ ที่ผ่านมาฉันยังไม่เคยรับบทฮีโร่แอ็กชั่นมาก่อนเลยฉันเคยรับบทในหนังแอ็กชั่นมาแล้ว แต่ว่าไม่ได้เป็นบทนำไม่ได้เล่นบทแอ็กชั่นเองและบทนำที่ฉันเคยได้รับก็เป็นหนังแนวดราม่า ดังนั้นสำหรับบทนำแบบแอ็กชั่นฮีโร่ก็เป็นอะไรที่น่าจะลองทำดู และบทก็เป็นผู้หญิงแกร่งที่มีทักษะดีเยี่ยมเป็นคนฉลาดและเก่งเอามากๆ ซึ่งสามารถแก้ปัญหายากๆ ได้ เป็นบทของผู้หญิงในฝันของฉันเลย เป็นบทที่ฉันอยากจะเป็นในชีวิตจริงฉันอยากจะเป็นผู้หญิงแกร่ง ซึ่งมันก็ดีเลย ถ้าได้รับบทนี้ เป็นผู้หญิงที่เราไม่ค่อยเห็นในสังคมสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เราจะเห็นแต่ผู้ชายที่แกร่งแต่ว่าผู้หญิงมีน้อยมาก ที่จะแกร่งได้อย่างในบท และตอนนี้ ก็มีหนังที่ผู้หญิงเป็นฮีโร่ออกมาให้เห็นบ้าง ซึ่งมันก็เยี่ยม ถ้าได้ลองรับบทแบบนี้ดู

 

 

      ฉันเตรียมพร้อมทุกวันเลย ฉันเข้ายิมและฝึกซ้อมการต่อสู้กับสตั๊นต์แมน เรียนขับรถแบบผาดโผน ในช่วงหนึ่งถึงสองอาทิตย์แรก ฉันต้องฝึกเรื่องเหล่านี้ทุกวัน แม้ว่าจะยังไม่ได้ถ่ายทำแต่มันเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนถ่ายทำจริง ซึ่งจะหินกว่านั้น มันเป็นงานที่หนักมาก ฝึกซ้อมทุกวัน ไม่มีวันหยุด น่าจะประมาณ 6 อาทิตย์ได้ มันหนักมากและทุกวันจะฝึกจนดึก มันยากมาก ฉันเกลียดภาพยนตร์ที่มีบทตอนกลางคืน(หัวเราะ) เพราะว่าฉันจะไม่ค่อยมีสติตอนกลางคืน และจะง่วงตลอดเวลา

 

 

      ค่ะ แต่ว่าฉันก็มีทักษะบางอย่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะฉันฝึกมาเยอะเหมือนกันในหนังเรื่องก่อนๆ โรงเรียนแห่งแรก ที่ฉันฝึกคือ 007 Quantum of Solace และก็มีเรื่องอื่นอย่าง Centurion ที่ใช้ร่างกายออกกำลังค่อนข้างเยอะ สิ่งที่ต้องทำคือฟื้นสิ่งต่างๆ ที่เคยเรียนรู้มามันก็ดีมาก อย่างเช่นฉันรู้ว่าจะยิงปืนยังไง ฉันรู้ว่าการขับรถแบบผาดโผนเป็นแบบไหน ขับยังไงให้รถหมุน 360 องศา ก็แค่ต้องเอาทักษะที่เคยทำกลับมา แต่ว่ามันก็ยาก ถ้าฉันไม่ได้ทำแบบนั้นทุกวัน ฉันต้องเตรียมร่ายกายให้พร้อมด้วยมันก็ใช้เวลาไม่นานมากนักไม่ถึงเดือน ฉันคิดว่านักแสดงที่ฉันเคยร่วมงานด้วย อย่าง แดเนียล เครก หรือ ทอมครูซ ก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เพราะพวกเขารับบทในหนังแอ็กชั่นเกือบทุกเรื่อง และหลังจากหนังเรื่องนี้ ฉันก็จะไปรับบทในแนวดราม่า มันก็ไม่ได้ใช้ร่างกายอะไรมาก จริงๆฉันก็ไม่ได้ใช้ร่างกาย หรือออกกำลังอะไรหนักๆ มาตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2014 จะว่าไปมันก็หนักและเหนื่อยมาก แต่มันก็สนุก ฉันชอบนะ

 

 

      ฉันคิดว่ามันไม่มีจริงหรอก คนที่จะดีไปทั้งหมดทุกอย่าง เพราะคนเราไม่ได้หลุดออกมาจากโลกแห่งนิทาน เรามีบุคลิกต่างๆ เป็นของตัวเอง และทุกคนต่างมีสีเทาอยู่ ซึ่งมันสมจริงเอามากๆ ไม่มีใครดีพร้อม และมันก็น่าสนใจมากที่ได้รับบทคนที่มีข้อบกพร่อง เป็นคนที่ไม่ได้วิเศษไปกว่าคนอื่นๆ ฉันว่าก็ดีนะ ถ้ามองอีกแบบ การที่เรารู้จักคำว่าเลวมันก็ทำให้เรารู้ว่าความดีคืออะไร และเมื่อคุณเห็นข้อเสียของตัวละคร มันก็ยิ่งทำให้ตัวละครนั้นน่าสนใจและดึงดูดมากขึ้น ฉันคิดว่ามันคงจะดูขัดๆ ถ้าตัวละครสมบูรณ์ดีพร้อมเพอร์เฟกท์ มันไม่ใช่แน่ๆและเมื่อฉันอ่านบท ตัวละครมีความขัดแย้งและมีปัญหา มันน่าสนใจกว่าเพราะว่าไม่มีใครดีพร้อม ทุกคนต่างมีความร้ายอยู่ในตัวกันทั้งนั้น

 

 

      มันสนุกหลายแบบนะ แต่สำหรับฉันชอบฉากที่ตัวเองถูกทรมานมากที่สุด เพราะบรรยากาศมันมืด และเป็นฉากที่สงบมาก เพราะไม่มีตัวอะไรบินผ่าน หรือเคลื่อนไหวเลย มันเงียบจริงๆ และมันหลอนๆ ด้วย สถานที่ถ่ายทำก็แสนจะมืดแถมถ่ายทำตอนกลางคืน และเจมส์ก็แสดงได้ดีมาก เขาน่ากลัวมากน่ากลัวแบบเงียบๆ จนหลอน ฉันชอบฉากแบบนี้ ฉันชอบงานแสดงของเขามาก มันเหมือนเรากำลังทำสงครามประสาทกันมันเยี่ยมมาก

 

 

      เรื่องต่อไป เป็นอะไรที่แตกต่างจากหนังเรื่องนี้แบบสุดๆไม่มีการฝึกอะไรทั้งสิ้น เป็นหนังอิตาเลียน เรื่อง La Corrispndenzaที่ฉันถ่ายทำในช่วงฤดูร้อน เป็นหนังดราม่า ที่เกี่ยวกับความรักระหว่างหญิงสาวอายุน้อย ที่ไปพัวพันกับชายหนุ่มสูงวัย ซึ่งเป็นครูของเธอ ทั้งคู่แอบเป็นชู้รักกันรับบทโดย เจอรามี่ ไอออนส์ ฉันรับบทเป็นนักเรียน เขารับบทเป็นครู มันเป็นหนังที่เศร้ามากๆ

 

 

 

      ตอนจบของเรื่องมันยังไปต่อได้อยู่ ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่า หนังจะได้รับการตอบรับดีแค่ไหน ถ้าทุกคนชอบผลตอบรับดีก็น่าจะจุดประกายให้มีภาคต่อ