เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
ทุกย่างก้าวของชีวิตคิดในแบบสาวติสต์ นุ่น ศิรพันธ์ : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... เบญจภรณ์ อำไพรัตนพล ภาพ... วริศรา วุฒิกุล
จากสาวนัยตาคม ผิวเข้ม และมีเสน่ห์มาก ในบทบาทของ “ดากานดา” กับภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อนสนิท” ผ่านมากว่า 10 ปี ชื่อของ “นุ่น” ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ยังอยู่ในวงการบันเทิงในฐานะนักแสดงคุณภาพ ตอนนี้เธอกำลังรับบทบาทสุดท้าทายจากละครเรื่อง “ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด” ทาง “ช่องวัน” วันนี้ บันเทิง “คม ชัด ลึก” มีโอกาสพูดคุย ถ่ายทอดทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ผ่านมาของเธอคนนี้
@ ตัวแทนหญิงแกร่ง
000กระแสตอบรับของ บุญรอด เป็นอย่างไรบ้าง
นุ่นไม่ค่อยได้ออกไปไหน ช่วงนี้จะอยู่แค่บ้านกับออฟฟิศ จะได้รับกระแสจากคุณแม่ เพราะคุณแม่เป็นอาจารย์ แล้วโรงเรียนเปิดเทอมก็จะมีอาจารย์ หรือผู้ปกครองท่านอื่นๆ ที่ได้ดูกัน มาแซวๆ บางทีนุ่นไปซื้อของก็จะโดนแซวว่า ดีนะ ไม่ต้องทาตัวดำ นุ่นก็จะบอกว่า “พี่คะ นุ่นทาตัวหลายรอบมาก” (หัวเราะ) แต่ในเรื่องดูไม่ค่อยดำ แค่ทำให้ผิวเข้มขึ้น ไม่ได้จงใจให้ดำจนดูผิดปกติไป นุ่นอยากบอกว่าเรื่อง ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด อาจจะทำมาแล้วหลายเวอร์ชั่น แล้วบางคนยังมีภาพจำในแต่ละเวอร์ชั่นที่ชอบอยู่ แต่เวอร์ชั่นนี้เราจะมีสไตล์ของเราเอง ทั้งคนเขียนบทและผู้กำกับคิดกันมาแล้ว มีการตีความใหม่ เพราะถ้าทำทุกอย่างก๊อบปี้ของเดิมหมด เราก็ไม่ควรเอามาทำใหม่นะ
000ความยากของ บุญรอด ในเวอร์ชั่นที่ นุ่น เล่นอยู่ตรงไหน
อย่างแรกแค่เป็นละครพีเรียด ก็ถือว่ายากแล้ว เพราะมันจะมีกรอบอะไรบางอย่างที่เราต้องปฏิบัติตาม อย่างที่สองคือภาษาที่ใช้ ซึ่งเป็นภาษาโบราณ บางคำพูดเราต้องฝึกให้คุ้นชิน อีกอย่างหนึ่งคือนักแสดงทุกคน ทั้งพี่แก้ว (อภิรดี ภวภูตานนท์) พี่เข็ม (ลภัสสรดา ช่วยเกื้อ) พี่หมู (พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ) ซึ่งพลังเยอะมาก เพราะในบทบุญรอด ต้องมีพลังเท่ากับเขา แล้วบางจังหวะเหมือนเราต้องกดเขาได้ด้วย
000คำพูดเชือดเฉือดเวลาด่ากัน มีนอกบทบ้างไหม
ของนุ่นไม่ค่อยมี แต่คนที่แอดวานซ์แล้ว และเก่งมากอย่างพี่แก้ว พี่ธงธง ในบทพูดน้อยนะ แต่แกจะแอดวานซ์เติมเอง เราต้องคอยรับรีแอ๊กชั่นของเขาให้ได้ เหมือนต้องไปผจญภัยหน้าเซตว่าใครจะปล่อยของอะไรมาอีก อย่างคำด่าภาษาโบราณ เวลาเล่นเราก็ต้องทำตัวให้คุ้นชินกับมัน ซึ่งพี่แก้วเป็นนักแสดงที่เก่งมากจริงๆ เวลาเข้าฉากกับพี่แก้ว สมมุติบทมีแค่ “นี่กูเป็นแม่มึงนะ” แล้ว นุ่นจะตอบแค่ว่า “ทำไม ฉันก็เป็นลูก” บทต้องจบแค่นี้ แต่พี่แก้วพูดต่อมาว่า “โอ๊ย เดี๋ยวนี้มึงเถียงกูเหรอ หัวมึงเนี่ย ใครใช้ให้มึงทำผมทรงนี้” คือพอด่าแบบนี้มา นุ่นก็คิด “เอ้อ! จะพูดต่อยังไง” (หัวเราะ) เหมือนเราต้องมีสมาธิ ต้องไว แล้วรับให้ทัน เป็นการฝึกสติมากๆ
000วิลลี่ แมคอินทอช บอกว่า นุ่นเป็นนักแสดงที่ต้องร่วมงานด้วยก่อนตาย
โห้...เขาชอบอำ นี่คงเป็นประโยคที่เขาอำ (ยิ้ม) สมัยก่อนพี่วิลลี่คือณเดชน์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ในยุคนี้นะ ซึ่งตอนนี้เขายังสมาร์ทและเท่อยู่ เขาเป็นคนอารมณ์ดี ชอบปล่อยมุก แต่ไม่คิดว่ามุกแกจะเยอะขนาดนี้ ปล่อยตลอดเวลา อย่างบทบุญรอดกับสุนีย์ (เข็ม) ต้องด่ากัน 2 หน้ากระดาษ A4 ทุกคนต้องจำให้แม่น แต่บทของนายช่างของพี่วิลลี่พูดน้อยมาก พอแกไม่เครียดก็จะเล่นกับเพื่อน แหย่คนโน้น คนนี้ เราต้องบอกพี่วิลลี่ว่า “ไหว้แล้วพี่ ขอแป๊บหนึ่ง” (ยิ้ม) แต่จริงๆ สิ่งที่แกทำ คือความตลก อยากให้คนที่ทำงานร่วมกันอารมณ์ดี
000คนจะรู้สึกว่า บุญรอด เป็นตัวแทนของผู้หญิงสู้ชีวิต และต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี
จริงๆ นุ่นชอบความรู้สึกของการต่อสู้กับคำพูดของคนอยู่แล้ว การโดนดูถูก ไม่เท่ากับเรายอมแพ้ การโดนดูถูกคือการที่เราต้องเอาชนะอุปสรรคและปัญหาที่เข้ามา คำพูดคนยังไม่สำคัญ เท่ากับการที่บุญรอดเป็นคนล้มแล้วลุก บางทีเขาก็พลาด แต่เขาลุกขึ้นมาสู้
000ละครอีกเรื่องของนุ่น คือ “มิติรักผ่านเลนส์” ช่อง “พีพีทีวี”
อันนั้นเป็นโปรเจกท์ที่คนทำเรื่องนี้เป็นรุ่นพี่มช. (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) แล้วเขาได้ทำละคร และโชคดีเป็นบทที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่ละครยาวนะ เป็นละครสั้น ในฐานะที่นุ่นเป็นนักแสดงอิสระ และการทำงานของเรามีหลายเหตุผล จริงๆ อันนี้คืองานช่วย แต่บทของเขาน่าสนใจ บทมันตลกมาก นุ่นต้องเล่นเป็นเด็กอายุ 16 แต่หน้าแก่ ภายนอกคือผู้หญิงอายุ 30 กว่า แต่ข้างในคือเด็กอายุ 16 แล้วไปชอบเพื่อนวัยเดียวกัน พอนั่งด้วยกันจะรู้สึกแปลกๆ เพราะเราดูหน้าแก่กว่า นุ่นว่าน่าสนใจ นุ่นต้องย้อนวัยเป็นเด็กอายุ 16 ในยุคนี้ด้วยนะ มันท้าทายมาก พล็อตแปลกด้วย มันเหมือนละครอินดี้เล็กๆ และขอคิวนุ่นแค่ 5 คิวเอง ซึ่งพอหมดละครเรื่องนี้ นุ่นจะหยุดงานจนกว่าจะถึงกลางปีหน้า (2559) ถึงจะกลับมารับงานอีกที
@@ สาวรักษ์โลก
000มีธุรกิจ “อีโค่ ช็อป” แบ่งกันดูแลอย่างไรกับ “ท็อป” พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร สามี
จริงๆ นุ่นดูแลทุกอย่างของบริษัท เหมือนเราปรุงอาหารจนจัดใส่จานแล้วนะ สุดท้ายคือให้ท็อปชิมว่า ผ่านไหม เขาเหมือนเป็นบอสเราอีกที (หัวเราะ) เขาชอบแซวว่านุ่นเป็น ซีอีโอ แต่มู้ด แอนด์ โทน ของงานทุกอย่าง ท็อปเป็นคนเป๊ะมาก เขานั่งตรวจสไลด์งานทุกแผ่นที่นุ่นทำ และการแก้ของเขาคือ สมมุติในหนึ่งประโยคต้องเคาะเว้นวรรค 2 ทีเพื่อให้คนอ่าน อ่านง่าย นี่คือวิธีการตรวจงานของเขา หรือประโยคภาษาไทยต้องไม่มี คอมม่า (,) คือนางเป๊ะมาก เป็นคุณชายละเอียด
000ธุรกิจ อีโค่ ช็อป ตอนนี้โตไปถึงไหนแล้ว
เราเพิ่งไปดูงาน “เวิลด์ เอ็กซ์โป“ ที่ ”อิตาลี” ด้วยกันมา ซึ่งทุก 4 ปี จะมี 1 ครั้ง ปีที่แล้วเราไปเมืองจีนมา เขาพูดเรื่องการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ครั้งล่าสุดที่เราไปเขาพูดเรื่องของอาหาร และความหลากหลายทางชีวภาพ สุดท้ายคือสิ่งที่ในหลวงทรงทำมาตลอด อย่างการปลูกพืชผสมผสาน แต่ทั้งโลกเพิ่งเอามาพูดในปีนี้ ทั้งๆ ที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็ก พอเขาพูดขึ้นมานุ่นคิดในใจ “กูรู้นานแล้ว” ทำไมเราต้องบินไปถึงอิตาลีเนี่ย (หัวเราะ) และร้านขายของออร์แกนิกในต่างประเทศ คือร้านของคนเก๋ๆ
เมื่อก่อนเราจะรู้สึกว่าคนที่กินอาหารเพื่อสุขภาพต้องใส่เสื้อม่อห้อม สะพายย่าม แต่ในเมืองนอกร้านที่ขายอาหารเพื่อสุขภาพ คือร้านที่ชิค (Chic) มาก คนขายเปรี้ยว และทันสมัยมาก ใครมาที่ร้าน อีโค่ ช็อป ตรงหอศิลป์กรุงเทพฯ จะเห็นว่านุ่นเริ่มมีอาหารออร์แกนิกมาวางขายแล้ว มีของใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง ยาสีฟัน สบู่ แชมพู ผงซักฟอก แต่เป็นออร์แกนิกหมดเลย ทำจากธรรมชาติ
@@เริ่มต้นชีวิตคู่
000ทำงานเยอะขนาดนี้ เลยไม่มีเวลาสวีท
ใช่ โชคดีที่เราแต่งงานกัน ตอนที่เรากำลังจะขยายธุรกิจ ท็อปคงคิดแหละว่า กำลังจะขยายธุรกิจถึงแต่ง (หัวเราะ) เพราะพอบริษัทขยายตัว เราต้องใช้เวลาในการคุยกันเยอะขึ้น เรื่องสวีทน้อยมาก กลับบ้านคุยแต่เรื่องงานกันตลอด และเขาไว้วางใจให้นุ่นดูแลในส่วนต่างๆ ไป ส่วนเขาจะไปดูแลงานตึกใหม่ที่เรากำลังจะสร้างที่นานา เหมือนในหนึ่งตึก จะมีหลายธุรกิจในนั้น แต่ไม่ได้ใหญ่มาก มีห้องพักด้วย
000ชีวิตหลังแต่งงงานจริงๆ เป็นอย่างไรบ้าง
ดีนะ มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น เหมือนเราเจอด้านเลวร้ายของกันและกันมาแล้ว นุ่นก็มีด้านมืด แต่ด้านดีเราก็มี ท็อปก็เหมือนกัน 8 ปี ที่ผ่านมา เราไม่ได้โชว์แต่ด้านดีของกันและกัน เราเห็นกันมาทุกมุมแล้ว พอแต่งงานเลยไม่ได้รู้สึกว่า เราต้องปรับอะไรมาก แค่ปรับบ้าน (หัวเราะ) เพราะออฟฟิศตอนนี้กำลังรอสร้างตึกใหม่อยู่ เลยกลับมาอยู่บ้านนุ่นเพื่อทำงาน แต่พอ กลางคืนนุ่นก็เก็บของไปอยู่บ้านท็อป อยู่ทั้ง 2 บ้าน แต่เรารู้สึกว่าโชคดีนะ เพราะทำอย่างนี้เหมือนเรา ไม่ได้ห่างพ่อแม่ของนุ่น หรือป๊าม้าของท็อปเลย
000นุ่น มีความเป็นแม่บ้านเพิ่มขึ้นไหม
นุ่นมีความเป็นแม่บ้านต่ำมาก ปกตินุ่นตื่นมาก็ดูแลตัวเอง กินกาแฟคนเดียว แต่เดี๋ยวนี้คือ ต้องทำให้ท็อปด้วย เพราะหม่าม้าของท็อป ดูแลเขาดีมาก เขาจะต้องกินข้าวตอนเช้า แต่ถ้าเป็นนุ่น เราซื้อขนมปังร้านสะดวกซื้อก้อนเดียวนุ่นอยู่ได้แล้ว แต่ถ้าเป็นท็อปเขาต้องมีข้าว หรือหากไม่มีข้าวต้องมีขนมปังปิ้งทาแยม พอตอนกลางวัน เราก็ต้องหาข้าวให้เขาทาน ซึ่งนุ่นไม่ได้ทำนะ แต่คือจะไปซื้อมาให้เขา ก่อนที่เราจะออกไปทำงาน พอจะกลับบ้านก็จะโทรหาเขาว่า อยากกินอะไรเดี๋ยวซื้อกลับไปให้ จะเป็นอย่างนี้ เหมือนไลฟ์สไตล์เราต้องเปลี่ยนไปด้วย
000เรื่องวางแผนมีลูกเห็นนุ่น กับ ท็อป บอกว่า ต้องรออีกสักหน่อย
ใช่ ตอนนี้เรายังมีหลายอย่างที่ต้องทำ โฟกัสที่เรื่องงานก่อนดีกว่า ขอใช้ชีวิต 2 คนไปก่อน
@@ 10 ปีกับงานที่รัก
000นุ่นเรียนรู้การใช้ชีวิตในวงการบันเทิงแบบไหน
นุ่นมองว่า ตอนนี้ไม่ใช่แค่วงการบันเทิงนะ แต่ชีวิตตอนนี้อยู่ยากจริงๆ อาจเพราะด้วยระบบโซเชียลที่เข้ามา ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราอยู่ยากมากขึ้น เมื่อก่อนตอนที่เราทำงาน เราจะเจอพี่ๆ นักข่าวในกอง สังคมจะมีจรรยาบรรณ มีจริยธรรม หรือมีบางอย่างที่คอยดูแลกันอยู่ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าขอบเขตนี้ขยายมากขึ้น
000ทุกคนสามารถพูด สามารถแสดงออกถึงแนวความคิดรูปแบบไหนก็ได้ผ่านโซเชียล
เรารู้ว่าในการทำงาน ไม่เคยมีอะไรที่ถูกใจคนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่กระแสที่กลับเข้ามา จะรุนแรงกว่าเมื่อก่อนเยอะ ถ้าดีก็ดี หรือถ้าโหดร้าย ก็โหดร้ายมากขึ้น เหมือนเราทุกคนมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองน้อยลง อยู่ยากนะ แต่จะอยู่ยังไง คือต้องอยู่ให้เป็น นุ่นเลยเลือกจะไม่รับ ทุกวันนี้นุ่นเสพโซเชียลน้อยมาก นุ่นแค่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่นุ่นทำได้ และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น นุ่นไม่ได้มองว่า ตัวเองจะอยู่วงการถึงเมื่อไหร่ เพราะมันคือสิ่งที่นุ่นรัก นุ่นคงทำตราบเท่าที่เราอยากทำ และมีคนเห็นคุณค่าในตัวเราว่า สามารถจะไปเติมเต็มงานของเขาได้ เรารู้ถึงความเป็นไปในวงการ แค่อยู่ให้เป็น และฉลาดในการอยู่แค่นั้น
000การเป็นนักแสดงอิสระ ต้องเลือกเปิดรับงานที่เข้ามาอย่างไร
หลักๆ ตอนนี้ สิ่งที่นุ่นคิดคือการสร้างรากฐานครอบครัว หนึ่งในรากฐานครอบครัวคือบริษัท เพราะนุ่นใช้เวลากับสิ่งที่นุ่นรักในวงการบันเทิงมา 10 ปีแล้ว ต่อไปคือครอบครัว และเวลาในส่วนที่เราต้องจัดสรรคืองานในวงการ นุ่นแค่ถามตัวเองว่า งานที่เข้ามาเราอยากทำหรือเปล่า แค่นั้นเอง ถ้าอยากทำก็รับ นุ่นว่าเราแก่แล้วนะ งานก็ไม่ได้เยอะมากหรอก เดี๋ยวอีกสักแป๊บ นุ่นอาจจะต้องเล่นเป็นแม่แล้ว (หัวเราะ)
@@ 10 ปีกับก้าวแรกของ “เพื่อนสนิท”
000อยากให้พูดถึง หนังเรื่อง “เพื่อนสนิท” ที่เป็นก้าวแรกในการทำงานของนุ่น
เราเพิ่งผ่านการเลี้ยงฉลอง 10 ปี ของหนังเรื่องนี้ไป และนี่คือคนกลุ่มแรกที่มาเจอกัน เรามาแบบไม่มีใครเป็นที่รู้จักเลย น้องเอ๋ (มณีรัตน์ คำอ้วน) ไอ้ซันนี่ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ตอนนั้นทุกคนแต่งตัวเหมือนอยู่บ้านมาเวิร์กช็อปกัน เป็นก้าวแรกที่เราเริ่มมาพร้อมกัน และได้เห็นเพื่อนแต่ละคนเติบโตไปในเส้นทางของตัวเอง ต่อให้ไม่เจอกันมานานหลายปี แต่มิตรภาพยังอยู่ พอกลับมาเจอกันมันต่อติด ทำให้เรารู้ว่าสุดท้ายชีวิตมีแค่นี้แหละ เพื่อนสนิท เคยพีคมากในวันที่มันฉายอยู่ในโรงหนัง วันหนึ่งมันก็ซาลงไป แต่ยังดีที่หนังเรื่องนี้ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน
000เพื่อนสนิท สำหรับ นุ่น คืออะไร
เพื่อนสนิทสำหรับนุ่น คือคนที่เราแชร์ช่วงเวลา แชร์ด้านที่ดีและไม่ดี เป็นคนที่สนับสนุนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันก็ได้ เพื่อนสนิทในชีวิตจริง ไม่จำเป็นต้องโทรหากันหรือคุยกันตลอดเวลา เรามีพื้นที่ของกันและกันได้ นุ่นว่าทุกคนรู้แหละ ว่าใครคือเพื่อนแท้ของเรา นิยามแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ถ้าถามนุ่น คิดว่าทุกคนคงมีคนนั้นอยู่ในใจ นุ่นก็มี
อยู่ให้เป็น และอยู่อย่างฉลาด นี่แหละผู้หญิงชื่อ “นุ่น” ศิรพันธ์
.......................................
ชื่อ : ศิรพันธ์ วัฒนจินดา
ชื่อเล่น : นุ่น
เกิด : 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2525
การศึกษา : ปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ
ผลงานละครที่ผ่านมา : นางสาวผ้าขี้ริ้ว, บ่วง, บางระจัน
ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา : เพื่อนสนิท, 9 วัด, ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 3-4
ผลงานปัจจุบัน : ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด
.......................................
(หมายเหตุ ทุกย่างก้าวของชีวิตคิดในแบบสาวติสต์ ‘นุ่น’ ศิรพันธ์ : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... เบญจภรณ์ อำไพรัตนพล ภาพ... วริศรา วุฒิกุล )
ข่าวที่เกี่ยวข้อง