
กอบสุขยินดีลงช่องเอสดีไม่รู้ช่อง3ให้ชะลอละครเย็น
11 พ.ย. 2558
กอบสุขเผยทั้งผกก.และคนเขียนบทหายากพอๆกันโชคดีละครเขี้ยวราชสีห์และบุญหล่นทับมีบทพอสมควรแล้วจึงเดินหน้าต่อได้ไม่รู้ช่อง3ให้ชะลอละครเย็น
ดูเหมือนว่า ในช่วงที่ตลาดละครมีการแข่งขันกันสูง ส่งผลให้เหล่าผู้จัดละครประสบปัญหา ในด้านของบุคลากร เช่นผู้กำกับ และคนเขียบทโทรทัศน์ เมื่อพบกับ “กอบสุข จารุจินดา” ผู้จัดละครอารมณ์ดี คงต้องถามไถ่ว่า ประสบปัญหาดังกล่าวมากน้อยขนาดไหน และมีวิธีรับมืออย่างไรบ้าง.เจ้าตัวเผย
“ผู้กำกับในช่อง ต้องจองตัวนานนะ ผู้กำกับใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยมี ถามว่า ระหว่างคนเขียนบทกับผู้กำกับ หายากพอๆ กันเลย (หัวเราะ) แต่โดยละครของเรา ที่เปิด2 เรื่อง เขี้ยวราชสีห์กับบุญหล่นทับ เราพยายามทำบทให้เยอะๆ ก่อน แล้วมาเปิดกล้องช่วงหน้าหนาว พฤศจิกายนและธันวาคม เพราะถ้าเป็นหนังบู๊มันจะยาก หากต้องไปเจอฝน อย่างเรื่องที่แล้ว ก็ต้องใช้เวลาตั้ง1ปีเลยนะ (เวลาที่จะปิดกล้อง) เอาจริงๆ นะ มันติดในเรื่องของตัวแสดงจริงๆ ตัวนำไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนใหญ่ติดคิวตัวแวดล้อมนะ เนื่องจากเขารับกันหลายเรื่อง แล้วก็เรื่องของบท (ล่าสุดมีข่าวออกมาว่าช่อง3 มีการชะลอการผลิตละครเย็น) อันนี้เราไม่รู้นะ คงต้องไปถามผู้จัดละครรายอื่น แต่ของเราก็เปิดนะ เราทำไปเพราะ 2 เรื่องนี้อนุมัติไปแล้ว อีกอย่างเราก็ยังไม่ได้เสนอเรื่องใหม่ด้วย ถามว่ากังวลไหม สำหรับเราๆ ไม่ค่อยมีแอฟเฟกท์นะ เพราะว่ากว่าเราจะเปิดเรื่องใหม่ ก็คงปีหน้าอีกหลายเดือนเลย” กอบสุขบอก
ถามว่า ณ ตอนนี้มีละครที่ยังไม่ออกอากาศอีกกี่เรื่อง ด้านผู้จัดอารมณ์ดีเผยว่า
“มีอีก2 เรื่องก็คือเจ้าจอมกับบุษบาท่าตลาด ถ้าถามเรา เราก็อยากให้ละครเราเข้าฉายนะ แต่แล้วมันก็อยู่ที่ความเหมาะสมนะ มันเป็นเรื่องจังหวะ แต่เราก็เครียดนะ คนทำงานอยากให้ละครออกอากาศ (มีความเป็นไปได้หรือไม้ ที่จะเอาละครที่ยังค้างไปลงช่องเอสดี) อันนี้มันพ้นหน้าที่ของเราแล้วนะ มันเป็นหน้าที่ของช่อง เราทำดีที่สุด เราเหมือนช่างตัดเสื้อ ที่เขาจะสั่งตัดแขนยาวหรือแขนสั้น แล้วเขาจะเอาไปขึ้นตู้โชว์เมื่อไหร่ เป็นเรื่องของเขาแล้ว (ต้องไปช่วยผลิตละครช่องเอสดีหรือเปล่า) อยากทำเลย เราอยากไปช่วยอะไรที่เขาไม่มี เราอยากไปช่วยสร้างบ้านอีกหลังนะ เรามองว่าถ้าเขาให้เราทำ เราทำ ถือว่าเราได้ทำงาน และเราอยู่ในที่่ที่เขาต้องการน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่านะ” กอบสุขกล่าวปิดท้าย
“มีอีก2 เรื่องก็คือเจ้าจอมกับบุษบาท่าตลาด ถ้าถามเรา เราก็อยากให้ละครเราเข้าฉายนะ แต่แล้วมันก็อยู่ที่ความเหมาะสมนะ มันเป็นเรื่องจังหวะ แต่เราก็เครียดนะ คนทำงานอยากให้ละครออกอากาศ (มีความเป็นไปได้หรือไม้ ที่จะเอาละครที่ยังค้างไปลงช่องเอสดี) อันนี้มันพ้นหน้าที่ของเราแล้วนะ มันเป็นหน้าที่ของช่อง เราทำดีที่สุด เราเหมือนช่างตัดเสื้อ ที่เขาจะสั่งตัดแขนยาวหรือแขนสั้น แล้วเขาจะเอาไปขึ้นตู้โชว์เมื่อไหร่ เป็นเรื่องของเขาแล้ว (ต้องไปช่วยผลิตละครช่องเอสดีหรือเปล่า) อยากทำเลย เราอยากไปช่วยอะไรที่เขาไม่มี เราอยากไปช่วยสร้างบ้านอีกหลังนะ เรามองว่าถ้าเขาให้เราทำ เราทำ ถือว่าเราได้ทำงาน และเราอยู่ในที่่ที่เขาต้องการน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่านะ” กอบสุขกล่าวปิดท้าย