
ถึงเพื่อนที่ชื่อ'เสี่ยอู๊ด'
04 พ.ย. 2558
ถึงเพื่อนที่ชื่อ เสี่ยอู๊ด : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... นันทพร ไวศยะสุวรรณ์
“อยากมีมิตรที่ได้ดี เราจงมีลาภยศสุขสรรเสริญ...อยากมีมิตรจิตจำเริญ เราจงเมินสรรเสริญสุขลาภยศ”
คำคมข้อคิด จากบัณฑิต ม.3 เมื่อ 6 ก.ค. 2558
บัณฑิต ม.3 ที่โพสต์คำคมอย่างสม่ำเสมอในเฟซบุ๊กส่วนตัว ก็คือ “เสี่ยอู๊ด” สิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระเครื่องชื่อดัง ที่จากไปด้วยวัยเพียง 44 ปี
ดิฉันขอพูดเต็มปากว่าไม่ได้รู้จักเสี่ยอู๊ดอย่างผิวเผินแน่ และไม่ได้รู้สึกอับอายที่ี่รู้จักกับคนที่เคยเป็นนักโทษด้วย!
เพื่อนก็คือเพื่อน...
สิ่งที่ไม่ดี เขาก็ได้รับการลงโทษแล้ว
ความดีงามที่เขาเคยทำ ก็ยังปรากฏให้เห็น
ชดเชยหรือทดแทนกันได้หรือไม่นั้น อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน
ชีวิตคนเราเปรียบเหมือนเหรียญสองด้านเสมอ
ดิฉันรู้จักเสี่ยอู๊ด ขณะเป็นบรรณาธิการข่าวสังคม-บันเทิง คม ชัด ลึก และเสี่ยอู๊ดได้ติดต่อผ่านโต๊ะพระเครื่อง เพื่อจะให้ข้อมูลและเอกสารต่างๆ กับนักข่าวสายบันเทิง ยืนยันความสัมพันธ์กับนักร้องหนุ่มรูปงาม
เสี่ยอู๊ดขอร้องให้ลงไปพบที่รถ เพราะกลัวคนจะเห็น กลัวจะเอิกเกริก แต่ขอให้ไว้ใจ เขาไม่คิดร้าย...
เสี่ยอู๊ดระบายความอึดอัดใจที่นักร้องหนุ่ม (ขณะนั้น) ไม่ยอมรับว่ารู้จัก หรือเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขา ซึ่งเขารู้สึกเสียหาย เพราะเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายแอบอ้าง
ดิฉันได้แต่รับฟัง และบอกไปว่า เรื่องอย่างนี้ลองไปคุยกันเองก่อนดีมั้ย หรือถ้าจะต้องลงข่าวจริงๆ เราก็จะไม่ทำด้านเดียวเด็ดขาด ต้องสัมภาษณ์อีกฝั่งหนึ่งด้วย
จากนั้น เราก็ไม่พบกันอีก และไม่มีการเคลื่อนไหวจากทั้งสองฝ่าย
กระทั่ง เสี่ยอู๊ดตัดสินใจจัดแถลงข่าว พร้อมโชว์ภาพกับคู่กรณีแบบช็อตต่อช็อต ในทุกๆ ที่ที่ไปด้วยกัน
และไม่ต้องแปลกใจ ว่าทำไมวันรุ่งขึ้นข่าวนี้จะขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์หัวสีทุกฉบับ ข่าวบันเทิงทุกช่อง ตามมาด้วยแท็บลอยด์ และนิตยสารรายสัปดาห์-รายเดือนอีกพักใหญ่
เสี่ยอู๊ดพูดกับดิฉันหลังจากนั้นว่า...เขาตัดสินใจผิด!
แค่จะแสดงให้สังคมเห็นว่า เขาเป็นฝ่ายถูก แต่ทว่า ข่าวนี้กลับไม่ได้ทำให้ใครดูดีขึ้นมาเลย
เพราะงานนี้ ไม่ได้ทำลายเฉพาะตัวของนักร้องหนุ่มเท่านั้น แต่ยังทำร้ายตัวเขาเองด้วย ทั้งในแง่ความรู้สึกและชื่อเสียงที่สั่งสมมา
เสี่ยอู๊ดบอกว่า...สงสารนักร้องที่เขารักมากกว่า
เรื่องบิ๊กบิึ้มในชีวิตค่อยๆ หายไป พร้อมกับเรืื่องราวใหม่ๆ ของดารา-นักร้องหนุ่มที่ดาหน้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเสี่ยอู๊ดไม่เว้นแต่ละวัน คู่ขนานไปกับการสร้างพระเครื่องรุ่นแล้วรุ่นเล่า ซึ่งมียอดสั่งจองทะลุเพดานทุกครั้ง
เสี่ยอู๊ดกลายเป็น “คนดัง” ใน 2 หมวดข่าว คือสายบันเทิง และสายพระเครื่องไปโดยปริยาย
ดิฉันเคยสัมภาษณ์-ถ่ายภาพ เพื่อทำหนังสือชีวิตที่หวือหวาใน 2 ด้านนี้ ซึ่งตกลงกันว่าจะต้องเปิดเผย ทั้งด้านมืดและด้านสว่าง!
วันนั้น ดิฉันต้องอ้าปากค้างกับเรื่องราวที่สุดโต่งของเขา และคิดว่าหนังสือเล่มนี้ต้องขายดีแน่ๆ
แต่ท้ายที่สุดคุณเชื่อมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น...เสี่ยอู๊ดที่หลายคนเกลียดเขาเพราะชอบกินที่ลับไขที่แจ้ง ได้โทรมาขอไม่ให้เอ่ยชื่อดาราที่มีความสัมพันธ์กับเขาทั้งหมด ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่ายกเลิกการทำหนังสือไปเลย!
ถามว่าดิฉันโกรธมั้ย เสียดายหรือเปล่า ที่เสียเวลาตามสัมภาษณ์ นั่งถอดเทปเป็นวันๆ...
ตอบเลยว่า “ไม่” แถมยังนับถือ “ใจ” ของเขาที่ไม่อยากทำลายใครอีกต่อไป
เรื่องราวของ “เสี่ยนักรัก-นักสร้างพระ” คนนี้ยังมีอีกมากมาย ทั้งความอัจฉริยะในการค้าขาย ความเป็นศิลปิน-นักออกแบบพระเครื่อง เป็นนักเขียน-เจ้าบทเจ้ากลอน มีความจำแม่นยำ และมีวาทศิลป์เป็นเลิศ (เสี่ยอู๊ดเล่าว่าเคยถูกอุ้มมาแล้ว แต่พูดจนเพชฌฆาตกลับใจได้ เอากับเขาสิ)
เสี่ยอู๊ดสร้างวัดวาอาราม และโรงเรียนมานับไม่ถ้วน สร้างศูนย์มะเร็งที่ลพบุรี และสาธารณประโยชน์มากมาย ให้ทุนการศึกษานักเรียน รวมทั้งบริจาคทรัพย์สินให้องค์กรต่างๆ อยู่เสมอ
แม้เขาจะต้องโทษติดคุกนานถึง 5 ปี โดยไม่ได้ลดหย่อนแม้เพียงวันเดียว แต่เขาก็อยู่มาได้ แม้ครั้งหนึ่งเกิดแพ้ใจตัวเองกินยาฆ่าตัวตายในนั้นมาแล้วก็ตาม
ครั้งนี้อาการ “แพ้ใจ” เกิดขึ้นอีกครั้ง และไม่มีโอกาสเกิดเป็นหนที่ 3 แล้ว แต่ก็คิดว่าเป็นหนทางที่เขาเลือกแล้วจริงๆ
หลับให้สบายเถอะนะเพื่อน
.......................................
(หมายเหตุ ถึงเพื่อนที่ชื่อ “เสี่ยอู๊ด” : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... นันทพร ไวศยะสุวรรณ์)