
จีระพันธ์คอมเม้นต์ตรงประกวดร้องเพลงหลอกคนดู
28 ต.ค. 2558
จีระพันธ์ คอมเม้นต์ตรงประกวดร้องเพลงหลอกคนดู : ลูกทุ่ง
จีระพันธ์ วีระพงษ์ ร่ายยาว กรรมการตัดสินเพลงลูกทุ่งอย่าหลอกคนประกวด รู้แก่ใจคนจะเป็นนักร้องเสียงต้องดีอย่าดันทุรังเอาใจเจ้าของรายการจนลืมตัวตนของการประกวดที่แท้จริง
มานะ ศิลปดนตรี หรือ จีระพันธ์ วีระพงษ์ ต้นฉบับเพลง "ไก่นาตาฟาง” ออกโรงซัดตรงถึงการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งที่กลายเป็นคอนเทนท์ยอดนิยมของรายการทีวีในขณะนี้ว่า
“ผมเป็นลูกทุ่งตัวจริงนะครับไม่ใช่ลูกทุ่งที่เขาเป็นๆ กันทุกวันนี้ บางคนถามว่าลูกทุ่งมันมีขีดแค่นี้หรือเปล่า จริงๆ ลูกทุ่งเป็นวัฒนธรรม เป็นธรรมชาติโดยเฉพาะการร้องเพลงลูกทุ่งเป็นวัฒนธรรมจริงๆ ลูกทุ่งแต่ละคนจะสังเกตได้ว่าเขาร้องกันอย่างไรถึงเป็นอมตะ ที่ตัดสินกันตามหน้าจอทีวีทุกวันนี้ เขาคิดได้แค่นั้น แต่จริงๆ มันมีอะไรมากกว่านั้นอีก คนจะเป็นนักร้องต้องมีเสียงดี ถือเป็นหลักเลยเสียงต้องมาก่อน เมื่อเสียงมาได้แล้วองค์ประกอบค่อยเริ่ม กรรมการเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมี พูด เมื่อเขารู้ได้เท่านี้ เขาก็ทำได้เท่านี้ คนที่จะคอมเม้นต์คนประกวดคุณต้องแนะนำเขาได้บอกเขาได้ว่าการร้องต้องร้องยังไง ผมไม่เห็นใครสอนเลย มีแต่พูดอะไรที่มันไม่เกี่ยวกับการร้องทั้งนั้น"
ผู้สื่อข่าวถามถึงนอกเหนือจากเสียงแล้ว คิดว่ามีอะไรที่ขาดหายไปจากการประกวดยุคนี้เมื่อเทียบกับยุคการประกวดตามงานวัดและคลื่นวิทยุ นักร้องจากเมืองกรุงเก่า อธิบายแบบขวานผ่าซากทันทีว่า
“เวลาร้องต้องให้อารมณ์จินตนาการไปกับเนื้อเพลงเรื่องราวของเพลง ซึ่งคือการตีความหมายของเพลง แต่สมัยนี้เขาใช้ตีบทความ และมองเป็นธุรกิจมาก คือไม่ได้ว่าใคร เขาอาจจะคิดได้แค่นั้น รู้แค่นั้น เด็กที่มาประกวดบ้างทีเราจะเห็นว่า พอมาเจอพวกเรา เขาถูกคนระดับอย่างนี้คอมเม้นต์มาแล้วเขาต้องดีแล้ว ผมมีถ้วยประกวด แต่มันดีแค่ตรงนั้นที่เขาประกวดกัน ไม่เหมือนการประกวดสมัยก่อน ที่คนคอมเม้นต์เขาติ เขาสอนแบบตรงๆ เด็กจึงได้รับการแนะนำที่ถูกกับตัวเขา นักร้องสมัยก่อนถ้าเป็นเวทีใหญ่ๆ เขาไปทั่วประเทศแบบปากต่อปาก แต่เดี๋ยวนี้มันดีมันชนะแค่เวทีแค่รายการนั้น พอไปเจอเวทีอื่นไปไม่เป็นเลย"
เมื่อถามว่านักร้องมาจากการประกวดสมัยนี้แทบเดินชนกันตาย แต่ไม่มีใครก้าวมาสู้นักร้องลูกทุ่งอาชีพได้เลย คิดว่ามาจากความล้มเหลวตั้งแต่ประกวดหรือไม่ นักร้องเจ้าของเสียงต้นฉบับเพลง “เมษาเศร้า” “มาดามดิงดอง” บอกว่า
“คนสอนต้องชี้ให้ได้ว่าการร้องระหว่างห้องทำยังไง สมัยก่อนครูเพลงต่างๆ เขาก็สอนได้ ร่องเสียงแบบนี้ ควรหาเพลงแนวไหนให้ นักร้องของเขา คนนี้จะต้องหาแนวเพลงอย่างไหนให้เขาร้อง นักร้องสมัยนี้บางทีได้เพลงดี แต่มันไม่ใช่ แต่พอเปลี่ยนมันพลิกไปดังเลย อันนี้สำคัญ บางคนร้องลูกทุ่งดีๆ ค่ายจับไปร้องอะไรก็ไม่รู้บอกว่า ขยายตลาด ไม่ต้องแล้วตลาดลูกทุ่งมันกว้างที่สุดแล้ว นักร้องวันนี้จึงไม่มีความอมตะ ตัวผมร้องเพลงมาทุกแนว ที่ดังๆสุดท้ายผมมาร้องระพิน เขาปอดใหญ่ แต่พอผมมาร้องครูฉลอง ภู่สว่างบอกว่า ไม่ได้เอ็งต้องร้องให้เป็นธรรมชาติของตัวเอง นี่คือการร้องลูกทุ่งแท้ๆ สมัยผมครูฉลองแกสอนทุกเม็ด สอนเอื้อน สอนขยี้ กลเม็ดต่างๆ มันถึงออกมาดี แต่เสียงสำคัญที่สุดต้องเอาเสียงออกมาให้เต็มที่ก่อนแล้วค่อยอย่างอื่นตามมา ตอนผมร้องเลียนแบบ ระพิน ภูไท คือเราไม่เคยตอนนั้น เวลาร้องก็ต้องอิงคนดังครูแกบอกเลยนักร้องลูกทุ่งที่ดีอย่าร้องให้เหมือนเขา ต้องเป็นธรรมชาติของตัวเองให้มากที่สุดมันจะออกมาเป็นแนวของตัวเอง เสียงที่เป็นตัวเอง"