
คมเคียวคมปากกา - ฟ้าแลบแปลบปลาบ ขุนดาบลาแล้ว
เขียนต้นฉบับวันจันทร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ แรมสิบสามค่ำ เดือนแปด (ฝนตกแดดออก)
ถ้าอยู่กรุงเทพฯ คงรู้ข่าวการอำลาของขุนดาบเรืองนาม และได้ไปร่วมอาลัยเหมือนพี่ๆ น้องๆ แต่นอกจากอยู่ไกล ยังรู้ข่าวช้า มัวแต่เดินทาง ไม่ได้ติดต่อใคร โทรศัพท์บ้านก็โดนพายุ ใช้ไม่ได้หลายวัน ปกติถ้าไม่ออกไปไหน แค่เข้าท่อง “เว็บไซต์” ก็พอได้ข่าวความเคลื่อนไหวบ้าง
อย่างไรก็ตาม การเดินทางยุคนี้ ในกระเป๋าเดินทางนอกจากมี โทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิทัล ยังมีคอมพิวเตอร์พกพา (หัวใจก็มีด้วยแหละน่า) จึงเช้าหนึ่งที่เมืองหนองคาย ฝนตกรินๆ หลังจากถล่มหนักเมื่อกลางค่ำคืน ได้อาศัย “ไวร์เลส” ของหนองคายรีสอร์ท ใกล้สถานีรถไฟ ตรวจสอบข่าวสารบ้านเมือง ตลอดจนข่าวสารชีวิต กระทั่งพบข่าวสารย้อนหลังจากเพื่อนๆ
เมื่อคืนฟ้าแลบแปลบปลาบ ฟ้าร้องสะเทือนเลื่อนลั่น จึงรุ่งเช้าได้คิดถึงบทกวีสำนวนนี้
“ฟ้าแลบแปลบปลาบ ขุนดาบมาแล้ว คมขาววาวแวว ย่างเท้าสะเทือน
จากไปไกลอยู่ กลับสู่อ้อมเพื่อน อีกไม่กี่เดือน คงถึงวันดวล
กลับมาคราวนี้ ไม่มีลมหวน หวานอมสมควร สู้กันถึงตาย
เตรียมตัวเตรียมใจ คงไม่เสียหลาย เสือไม่ทิ้งลาย อย่าลืมดื่มรอ”
ครับ บทแรกเราท่องจำกันมานาน แต่ฉบับเต็มนั้น ได้รับก่อนหน้านี้จากเพื่อน - ขจรฤทธิ์ รักษา ผู้คุ้นเคยดีกับเจ้าของบทกวี ขจรฤทธิ์ลงรายละเอียดดังนี้
“เป็นบทกวีฉบับสมบูรณ์ ที่ แคน สังคีต เขียนใส่ไปรษณียบัตรถึง เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ก่อนที่จะเดินทางกลับมาจากอเมริกาเมื่อประมาณ ๓๐ ปีที่แล้ว”
กลอนสี่ คำสั้น ความกระชับ บนแผ่นไปรษณียบัตรเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้น นอกจากปรากฏในความทรงจำผู้สนใจบทกวี ยังแพร่กระจายอยู่ตาม “แอทแทชไฟล์” ของใครต่อใคร บทกวีนี้ แสดงถึงคมกวีของกวีท่านนี้ กลอนสี่จัดคำแจกความได้ดี เป็นพื้นฐานของกาพย์ยานี กลอนแปด หรือกลอนเก้า ที่เขาถนัด อาทิ “จำเพื่อลืม ดื่มเพื่อเมา เหล้าเพื่อโลก สุขเพื่อโศก หนาวเพื่อร้อน นอนเพื่อฝัน” หรือ ”หยิบความรัก มาถักเป็น เส้นสายสร้อย เอาความชัง มานั่งร้อย เป็นสายสิญจน์” หรือ “แด่พธู ผู้ผ่านไป ในอดีต แด่สังคีต แห่งสินธู และภูเขา”
หากสังเกต จะพบว่ากวีท่านนี้นิยมเว้นวรรคกลอน เพื่อช่วยผู้อ่านในการอ่านออกเสียงอย่างมีจังหวะ เวลาอ่านบทกวีของเขาจะรู้สึกกระฉับกระเฉง อร่อยรสคำ อร่อยรสความ
ความเชี่ยวชาญด้านภาษาไทยควบคู่กับภาษาอังกฤษ ทำให้การใช้ภาษาไทยของเขาดีเยี่ยม ขณะที่การแปล หรือการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ก็ทำได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน ชื่อหนังสือแปลบางเล่มของเขาเป็นภาษากวีในตัว อาทิ “ฟ้าสาง ดาวสูญ”
คำนึงคำนวณ ในหัวของเขาช่างกว้างใหญ่ไพศาล สามารถบรรจุข้อมูลความรู้ถ่ายทอดเป็นหนังสือจำนวนมาก ทั้งในนามปากกา และนามจริง พิมาน แจ่มจรัส ใครได้อ่าน “เพลงไฟ พายุฝัน” จะพบสีสันระยิบระยับในวิถีชีวิตชาติหนึ่งของเขา มีทั้งร้อยกรองและร้อยแก้วให้อ่านหลายรสชาติ มิตรผู้หนึ่งของเขา - ดร.สมควร กวียะ เรียกเขาว่า “หิ่งห้อยตัวหนึ่งจากลุ่มน้ำตาปี”
ในฐานะคนนิยมกาพย์กลอน ยอมรับชื่นชมชั้นเชิงกลอนของเขา เคยสารภาพกับเขาว่าได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของเขาไม่น้อย ตอนผมเขียนร้อยกรองชุด “สายลมที่พัดมาจากความหลัง” และ “ดวงใจจึงจำนรรจ์” ซึ่งเขารู้สึกยินดี ที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ๆ
โดยส่วนตัว แม้มิได้ใกล้ชิดสนิทสนมในวิถีชีวิตจิตใจ แต่เคารพนับถือเรียก “พี่แคน” เสมอ ยามมีวาสนาได้ร่วมวงกินดื่มเป็นครั้งคราว ผมรู้ข่าวเจ็บไข้ได้ป่วยของเขาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนใกล้ชิด โดยเฉพาะขจรฤทธิ์ ซึ่งทั้งเขียนบทความและส่งข้อมูลดีๆ ให้ ถ้อยคำหนึ่งที่ผมชอบมาก ขจรฤทธิ์บอก “พี่แคนเขียนด้วยลายมือเล็กๆ เหมือนมดไต่” ก่อนเสียชีวิตไม่นานนัก
“ตายเพื่อเกิด เกิดเพื่ออยู่ อยู่เพื่อตาย ชีวิตสำราญ โลกนี้แจ่มใส”
ครับ “ฟ้าแลบแปลบปลาบ ขุนดาบลาแล้ว” ณ ที่นี้ ขอคารวะ แคน สังคีต ขุนดาบอักษร ผู้เป็นแรงบันดาลใจนิรันดร!
"ไพวรินทร์ ขาวงาม"