
ข้ามผ่านมรสุมชีวิตสู่วันใหม่กับหัวใจดวงเดิมของโอม-อัชชา
18 ก.ย. 2558
ข้ามผ่านมรสุมชีวิตสู่วันใหม่กับหัวใจดวงเดิมของ โอม อัชชา : สกู๊ปบันเทิง
ในขณะที่กำลังก้าวขึ้นสู่จุดที่ดีที่สุด ในเรื่องของการทำงาน แต่กลับเป็นช่วงซึ่งมรสุมชีวิตมากมายถาโถมเข้ามาหา “โอม” อัชชา นามปาน พระเอกมากฝีมือ ทั้งเรื่องสุขภาพไม่ดี และ “พ่อ” มีอาการป่วยจากโรคมะเร็ง จนต้องหยุดพักงานละครไปกว่า 6 เดือน “บันเทิง คม ชัด ลึก” จะพาไปค้นพบแง่มุมดีๆ จากสถานการณ์สุดช็อกในชีวิตของผู้ชายคนนี้
000ช่วงที่พักงานไป ได้ดูแลสภาพร่างกายจิตใจตัวเองอย่างไร
ก็อยู่บ้าน อยู่กับคุณพ่อมากกว่า โดยกลไกธรรมชาติเราต้องดูแลสภาพร่างกายจิตใจของเราอยู่แล้ว จากเมื่อก่อนเราไม่ค่อยได้อยู่กับครอบครัว ก็ทำให้เรามีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น อะไรที่เราไม่เคยได้ทำ ก็ได้ทำด้วยกัน แล้วคุณพ่อก็ดีขึ้น ทุกอย่างเป็นไปตามอัตโนมัติ เพราะช่วงที่ผมหยุดงานไปประมาณครึ่งปี ถือว่าผมได้พักนานที่สุดตั้งแต่ทำงานในวงการมา
000อาการคุณพ่อที่ป่วยเป็นอย่างไรบ้าง
ดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามอาการทุก 3 เดือน ต้องดูแลเรื่องอาหารและระวังอย่าให้คุณพ่อล้ม พยายามไม่ให้มีอาการแทรกซ้อน แต่คุณพ่อก็ดื้อ (ยิ้ม) ตอนนี้ถือว่ายังแข็งแรง เดินและออกกำลังกายได้ เพราะ 10 ปีที่อยู่ในวงการ ผมไม่เคยมีเวลาดูแลคุณพ่อเลย ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน เมื่อก่อนพ่อทำงานรับราชการต้องอยู่ต่างจังหวัดตลอด ผมมีเวลาอยู่กับพ่อค่อนข้างน้อย พอมารู้ว่าท่านไม่สบาย ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ผมมีแต่ความคิดที่วุ่นวาย คิดแค่ว่าที่ผ่านมา ผมไม่มีเวลาได้อยู่กับท่านเลย
000ที่ผ่านมาสุขภาพของ โอม น็อกไป เพราะเคยพึ่งยานอนหลับตลอด
ใช่ เพราะผมทานยานอนหลับมาตลอด จนร่างกายน็อกไป เมื่อก่อนเวลาไปทำงานต่างจังหวัด ผมนอนไม่หลับก็ทานยา พอกินนานไป ร่างกายสะสมจนดื้อยา กลายเป็นกินแล้วนอนไม่หลับ ซึ่งยานอนหลับถ้ากินแล้วไม่หลับ มันจะเบลอ สมองช้า ผมคิดว่ายานอนหลับอันตรายมากกว่าอย่างอื่นอีก พอสะสมมากเข้า เวลาต้องไปทำงาน เหมือนเรานอนไม่พอ อาการเหมือนคนหลับที่ต้องถูกปลุกขึ้นมาทำงานตลอดเวลา จำอะไรไม่ได้ หลังจากนั้นก็เข้าโรงพยาบาลไป 7 วัน
000มีเวลาได้ทบทวนสิ่งที่ผ่านมา
ผมทบทวนตลอดในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตของผม งานกำลังพีคมาก แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเหมือนมีอะไรมาเตือนสติว่า นี่แหละคือชีวิตของคน ถ้าเราใช้ชีวิตบนความประมาท สุดท้ายจะเป็นอย่างนี้ อย่างน้อยเราเรียนรู้ได้เร็ว และกลับมาได้
000ช่วงที่หนักๆ ในชีวิต คนรอบข้างให้กำลังใจอย่างไร
เราคิดว่าตัวเองเศร้า เราแย่แล้ว แต่คนรอบข้างแย่กว่า โดยเฉพาะคุณแม่ ท่านกินไม่ได้ นอนไม่หลับเหมือนกัน แต่ไม่ได้เอ่ยปากบอกใคร คุณแม่เป็นห่วงเรามากมายมหาศาล ผมสงสารคุณแม่มาก ผมอยากจะบอกว่าในเวลาที่เราคิดว่าตัวเองแย่ แต่คนที่รักเราเป็นทุกข์และแย่กว่าเรามาก เรื่องที่ผ่านมาถืิอว่าเป็นประสบการณ์ ถ้าผมไม่ได้เจอและผ่านจุดนั้นไป ผมอาจจะยังใช้ชีวิตที่เถลไถลอยู่ พอมันเกิดขึ้นแล้ว ผมรู้สึกไม่อยากทำอะไรที่บั่นทอนการทำงานอีก ต้องขอบคุณทุกอย่างที่เกิดขึ้น
000เรียนรู้ชีวิตในวงการบันเทิงมากขึ้นไหม
เยอะเลย เมื่อก่อนผมไม่เคยชอบทำงานตรงนี้ เพราะผมเดินสายกีฬามาตลอดเล่นกอล์ฟ แต่พอทำมาจนถึงจุดหนึ่ง เรารู้สึกว่า การแสดงเป็นงานที่เรารักเหมือนกันนะ รู้สึกอยากจะทำงานตรงนี้ให้ดี ให้คนเห็นผลงานของเราแล้ว เขายิ้ม เขาหัวเราะ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมรักงานแสดงเพราะเราทำได้ ช่วงที่เราทำไม่ได้ ก็คิดเหมือนกัรว่า เราคงไม่เหมาะกับงานนี้หรือเปล่า อะไรที่เราไม่รู้ เราจะไม่ชอบ แต่พอเรารู้และเข้าใจ จะเริ่มชอบมันไปเอง
000เรื่องหัวใจไม่ค่อยเปิดเผยเท่าไหร่
ผมไม่ได้เปิดเผย แต่ไม่ได้ปิดบังอะไร เรื่องส่วนตัวผมคิดว่า ทุกคนคงไม่อยากให้ใครรู้ ทุกคนมีเรื่องส่วนตัว ที่เราไม่จำเป็นต้องบอกว่า เราคบคนโน้น คบคนนี้อยู่นะ ถ้ามีคนเห็นก็ตามนั้น เมื่อก่อนอาจจะมีคิดเรื่องนี้บ้าง แต่พอเราได้ไปปฏิบติธรรม เราคิดว่าชีวิตง่ายขึ้น ได้รู้ว่าความสุขของเราอยู่ตรงไหน
000มีภาพผู้หญิงในอนาคตของ โอม ไหม
มีภาพนั้นนะ แต่ถามว่ามีภาพครอบครัวอยู่ในหัวเลยไหม ตอนนี่้ยัง ไม่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปถึงตรงนั้น เรายังอยากใช้ชีวิตของเรา ไม่ได้หมายความว่า ผมจะใช้ชีวิตเป็นเพลย์บอย เพียงแต่เราอยากใช้ชีวิตที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับใคร มีคนเข้ามาได้ แต่ต้องมีอิสระนะ ไม่ใช่มาจี้ติด ผมจะไม่เอาเลย ไม่ชอบใครมาตามติด หรือแสดงความเป็นเจ้าของ ผมจะดีดตัวเองออกมาเลย เพราะผมเป็นคนที่อยู่กับตัวเองค่อนข้างเยอะ และมีความสุขกับครอบครัวมากกว่า รักอิสระ รักสันโดษ ไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่นเท่าไหร่ มาทำงานคือทำงาน และกลับบ้านไปทำอะไรที่เราชอบและรักมากกว่า
000เป็นคนไม่ค่อยเปิดให้คนใหม่ๆ เข้ามา
เรียกว่าไม่ได้เปิดรับทุกคน จะเปิดเฉพาะกับคนที่เข้ามาดีกับเราจริงๆ ตอนนี้ยังไม่อยากเจออะไรวุ่นวาย ยิ่งโลกโซเชียลเดี๋ยวนี้เยอะ ผมจะไม่ค่อยอ่าน ไม่ดู เพราะวุ่นวายมาก ช่วงที่เป็นข่าวเยอะๆ ผมไม่เสพเลย ปิดรับ ใครจะมาพูดอะไร ขอให้พูดแต่เรื่องดีๆ เรื่องไม่ดีไม่ต้องพูดดีกว่า (หัวเราะ) เพราะพูดแล้วจะยิ่งบันทอนจิตใจ เพราะคนเราไม่สามารถรับอะไรได้ทุกเรื่อง ต้องมีส่วนที่ฟังแล้วจี๊ดและเครียด เลยต้องปิดรับบ้าง
นี่แหละ ผู้ชายชื่อ “โอม” อัชชา
.........................................
(หมายเหตุ ข้ามผ่านมรสุมชีวิตสู่วันใหม่กับหัวใจดวงเดิมของ ‘โอม’ อัชชา : สกู๊ปบันเทิง)