บันเทิง

เอกเขนกดูหนัง : Monster Hunt

เอกเขนกดูหนัง : Monster Hunt

13 ส.ค. 2558

เอกเขนกดูหนัง : Monster Hunt : โดย...ณัฐพงษ์ โอฆะพนม

 
        เป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ในวงการหนังของจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อ Monster Hunt หนังแอนิเมชั่นกึ่งไลฟ์แอ็กชั่นสัญชาติจีนทำรายได้ถล่มทลายตั้งแต่ออกฉายเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ครองอันดับหนึ่งบนตารางหนังทำเงินของจีนหลายสัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งตอนนี้ก็สร้างสถิติเป็นหนังจีนที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลเอาชนะแชมป์เก่าอย่าง Lost in Thailand ลงได้อย่างราบคาบ
 
        จะว่าไป ตัวหนังถือว่ามีความเสี่ยงอยู่มากในตลาดหนังของจีนแผ่นดินใหญ่ ตั้งแต่ทุนสร้างที่สูงมากร่วมสองร้อยห้าสิบล้านหยวน การวางสถานะเป็นหนังแอนิเมชั่นกึ่งไลฟ์แอ็กชั่นสัญชาติจีนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หรือรูปลักษณ์ตัวละครที่ออกแบบมาเป็นการ์ตูนจ๋า ทั้งๆ ที่หนังวางช่วงเวลาที่เกิดขึ้นในโลกโบราณยุคที่มนุษย์กับเหล่าอสูรกายสามารถอยู่ร่วมกันได้ นั่นหมายถึงว่าอสูรร้าย ต้องดูน่าหวาดกลัว กริ่งเกรง อย่างที่เคยเห็นกันบนภาพเขียนโบราณของจีน แต่สุดท้ายความประดักประเดิดเหล่านี้ กลับหลอมรวมผสมผสานอย่างกลมกลืน กลายเป็นหนังอบอุ่นน่ารักอย่างที่ไม่เคยปรากฏในหนังจีนเรื่องไหนมาก่อน องค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้หนังเดินทางมาถึงจุดนี้คือบทที่ถูกเขียนโดยตัวผู้กำกับ รามัน ฮุย นั่นเอง
 
        Monster Hunt ผูกอารมณ์ขันเข้ากับการผจญภัย พร้อมกับเรื่องราวที่ขับเคลื่อนเดินหน้าไปพร้อมๆ กันอย่างเหมาะเจาะ การวางตัวเองเป็นหนังเด็กดูง่าย ไม่มีโครงสร้างที่ซับซ้อนยากแก่การเข้าใจ (นั่นเป็นเหตุหนึ่งว่าทำไม เหล่าตัวอสูรร้ายถึงถูกออกแบบมาได้น่ารักน่าชังนัก) ที่สำคัญ หนังใส่รีวิวประกอบเพลงลงไปอย่างสร้างสรรค์ หลายๆ ฉากที่ดูแล้วน่าจะเต็มไปด้วยการต่อสู้รุนแรง กลับทำออกมาได้น่ารักใสซื่อดูแล้วไม่รู้สึกเลี่ยน เอียนเพราะโลกสวยด้วยซ้ำไป หนึ่งในนั้นคือฉากสองอสูรองครักษ์เอาตัวรอดจากนักล่าปีศาจมาได้ด้วยการขับกล่อมลำนำเพลงรัก
 
        ด้วยความที่ผู้กำกับ รามัน ฮุย คลุกคลีตีโมงอยู่กับงานแอนิเมชั่นของค่ายดรีมเวิร์คส อยู่นานหลายปี คาแรกเตอร์เจ้าปีศาจน้อยจึงได้รับอิทธิพลมาจากเจ้าเชร็คยักษ์เขียวจนแทบจะถอดแบบกันมาเลยทีเดียว (รามัน ฮุย นั่งแท่นผู้กำกับร่วมของ Shrek the Third มาแล้ว)
 
        แม้หนังจะเต็มไปด้วยความซื่อใส เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยในครอบครัวก็ตาม (อย่างน้อย ก็ไม่มีฉากที่ตัวละครคนไหนถูกฆ่าตายอย่างทารุณสักฉากเดียว) แต่ รามัน ฮุย ก็แอบจิกกัดวัฒนธรรมการบริโภคของจีนโดยเฉพาะเมนูเปิบพิสดาร ซึ่งถือว่าเป็นกลวิธีที่ชาญฉลาดและน่ายกย่องเอามากๆ จึงไม่แปลกใจที่หนังเรื่องนี้จะทำรายได้ถล่มทลายเพราะความที่หนังเข้าถึงคนทุกเพศทุกวัย และทำตัวได้กลมกลืนกับยุคสมัย ตั้งแต่น้ำเสียงของการเล่าเรื่องประวัติศาสตร์โบราณ (คนเฒ่าคนแก่ชอบ) ภาพลักษณ์และลีลาท่วงท่าในหนังถอดแบบมาจากหนังกำลังภายในอันเฟื่องฟูในยุค 70-80’s (คนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ ยังต่อติด) ไปจนถึงการเล่นกับเทคนิคซีจีล้ำสมัยในยุคดิจิทัลครองโลกแบบนี้ ก็ดูจะเป็นที่สนอกสนใจของเด็กรุ่นใหม่
 
        หนังสัญชาติจีนแผ่นดินใหญ่ถือว่ามาไกลโขจากจุดเริ่มต้น ไม่เพียงสายอาร์ตที่ได้การยอมรับในระดับนานาชาติมานานนับสิบปีแล้ว หนังที่วางตัวเองในเชิงพาณิชย์ ก็ดูจะไปได้ไกลโดยเฉพาะการฉวยกลุ่มคนดูแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในบ้านกลับมาเป็นของตัวเองได้อย่างน่าชื่นชมในรอบหลายปี (แม้หนังทำเงินสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในจีนจะตกเป็นของหนัง Fast&Furious7 จากฮอลลีวู้ดก็ตาม) โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ หนังจีนมากกว่าครึ่ง ทำรายได้ติดอยู่ในระดับท็อปเท็นบนตารางหนังทำเงินบ็อกซ์ออฟฟิศของประเทศจีนเอง อาทิ Monkey King: Hero is Back ไซอิ๋ว ภาคล่าสุด และ Lady of the Dynasty เรื่องราวของสนมเอกหยางกุ้ยเฟย ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหญิงงามที่สุดของแผ่นดินจีน ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นตำนานและประวัติศาสตร์ที่คนจีนรู้จักกันดีอยู่แล้ว ในขณะที่ Monster Hunt เป็นเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่ทำรายได้มากกว่าไซอิ๋วและหยางกุ้ยเฟยหลายเท่าตัว ที่สำคัญ ตัวหนังเองมาไกลเอามากๆ ทั้งในแง่ความกล้าที่จะบุกเบิกเทคนิคใหม่ๆ มารับใช้เนื้อหาได้อย่างสร้างสรรค์ (ซึ่งอันที่จริง Monster Hunt สามารถทำเป็นหนังแอนิชั่นเพียวๆ ก็ได้ไม่น่าเกลียด) การสร้างตัวละครให้แตกต่างจากขนบดั้งเดิม ตั้งแต่การลบภาพอสูรร้ายในจินตนาการหรือตัวละคร ที่มักให้ค่าความยิ่งใหญ่ของชายผู้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศเหนือใคร หญิงสาวที่สุดต้องแพ้พ่ายความแข็งแกร่งของชายชาตรี ทว่าหนังเรื่องนี้กลับเดินตรงกันข้าม พร้อมสลับขั้วเปลี่ยนข้างอย่างสนุกและมีชั้นเชิง ถ้าเราเคยดูหนังแอนิเมชั่นของดิสนีย์พิกซ่าร์ หรือว่าดรีมเวิร์คส อย่างสนุกสนานและประทับใจแค่ไหน ความรู้สึกเหล่านั้นคงไม่ต่างจากที่เราได้ดู Monster Hunt จบลงไปแม้แต่น้อย