หมื่นแสนความรู้สึกถึงผู้ชายชื่อ 'สิงห์' | คมชัดลึก

 

                      “อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ดีให้มีคุณค่า ตายให้คนคิดถึง” หมื่นแสนข้อความจากใจเพื่อนพ้องศิลปินและแฟนเพลง ร้อยเรียงพรรณนาถึงผู้ชายร่างเล็ก กับร้อยยิ้มจริงใจบนใบหน้าของ "สิงห์ มุสิกพงศ์" มือกีตาร์ฝีมือดีแห่งวง “Sqweez Animal (สควีซ แอนนิมอล)” ที่สร้างความ “เสียใจ” ต่อการตัดสินใจ “จบชีวิต” ตัวเองจาก “ที่สูง” บนห้องพักของคอนโด ย่านทองหล่อ ทิ้งให้ร่างดิ่งลงกระแทกพื้นคอนกรีตเบื้องล่าง 

 

 

 

 

                      สิงห์คงเลือกที่จะ “จากไป” ด้วยหัวใจของเขาเอง หากแต่คนที่ยัง “อยู่” กลับเฝ้าเคลือบแคลงสงสัย และซ้ำเติมดวงวิญญาณของผู้จากไปอย่างไม่รู้ตัว

 

                      “อย่าคิดมากนะที่รัก เราอยากไปมานานแล้ว ชีวิตสิงห์ได้รักคนที่ดีที่สุดในชีวิตมาแล้ว มันพอแล้วครับ” ข้อความสุดท้ายในจดหมายสั่งเสียถึงคนรัก ที่ถูกระบุว่าเป็นของสิงห์ ได้ส่งต่อผ่านโลกออนไลน์ไปอย่างรวดเร็ว และไม่ว่าสิงห์จะตัดสินใจจบชีวิตลงด้วยเหตุผลใดก็ตาม หลายคนตัดสินพิพากษาไปแล้วว่า เกิดจากพิษของ “ความรัก” เพราะข้อความเหล่านั้น ในจดหมายของเขา

 

 

 

                      เป้าหมายจึงถูกพุ่งไปยัง “เฟย์” พรปวีณ์ นีระสิงห์ นักร้องวัยรุ่นวง “เฟย์ ฟาง แก้ว” แฟนสาวของสิงห์ เธอกลายเป็น “จำเลย” ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ในขณะที่สภาพจิตใจคงบอบช้ำไม่ต่างจากคนที่เลือกจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เฟย์ยังคงเก็บตัวเงียบท่ามกลางกระแสข่าวถาโถม มีเพียงภาพ “สีดำ” สุดท้ายถูกโพสต์ผ่านอินสตาแกรมฝากทิ้งเอาไว้ให้คนเห็นคาดเดาความรู้สึกของเธอไป

 

                      จากเรื่องความรักลุกลามไปถึงเรื่องภายใน “ครอบครัว” ของสิงห์ ซึ่งถูกยกนำมาถกเถียง ตอกย้ำ ซ้ำเติม ในโลกออนไลน์ หลายครั้ง “การเมือง” ยังถูกดึงมาเป็นประเด็นกล่าวพาดพิงถึง วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ผู้เป็นพ่อ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

 

                      เรื่องบางอย่าง ต่างกรรม ต่างวาระ ต่างคน ต่างความคิด แต่บางครั้งอย่าใช้การ “เหมารวม” ทุกอย่างเป็นตัวตัดสินรวมกับทุกสถานการณ์ หากมองในฐานะมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง แค่ว่าชายคนที่ยังมีชีวิตอยู่คือ “พ่อ” และคนที่จากไปคือ “ลูก” พ่อที่ต้องสูญเสียลูกไป จะ “ทุกข์” สักเพียงใด คงเกินพอแล้ว...

 

 

 

 

                      เมื่อเรื่องราวของผู้จากไปยังบานปลายไม่รู้จบ คนเป็นจึงต้องออกมากระทำบางอย่าง “ก้อง” คริษฐ ยุวบูรณ์ เพื่อนหนุ่มนักบริหารในวงการเพลงของสิงห์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “karit yuvvaboon” ระบุเป็นข้อความภาษาอังกฤษว่า “Taken from my bestfriend's phone plese stop all the bitching about his family once ans for all please share" แปลว่า "เอามาจากโทรศัพท์ของเพื่อนรัก โปรดหยุดทำร้ายครอบครัวของเขาด้วย รบกวนแชร์ต่อ"

 

                      ภายใต้ข้อความนี้ มีข้อความที่ถ่ายจาก "โทรศัพท์มือถือของสิงห์" ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 29 กรกฎาคม 2558 เวลา 15.13 น. ก่อนที่เขาจะตัดสินใจจากไป โดยสิงห์เขียนข้อความถึงก้องในทำนองว่า ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง และเห็นแก่ตัว เมื่อสิ่งที่รักที่สุดจากไป พร้อมพูดถึงเรื่องในครอบครัว ก่อนจะฝากไปถึงพ่อแม่ พี่น้องว่า รักมาก 

 

                      จากข้อความนี้ที่ดูคล้ายว่าเจตนาของเพื่อนที่โพสต์ เพื่อจะเป็นการชี้แจงและปกป้องครอบครัวของสิงห์ หากแต่กลับมีประเด็นเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่องของครอบครัวที่ทำให้มนุษย์ผู้มีสัญชาตญาณความ “อยากรู้อยากเห็น” เป็นทุนเดิม ทวีความสงสัยมากขึ้น เพราะสิ่งที่เร็วกว่า “คำพูด” ของคน ในโลกยุคออนไลน์ คือการแชร์สิ่งใดก็ตามผ่านสื่อโซเชียลมีเดียโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองว่า บุคคลที่ถูกพูดถึงจะมีความรู้สึกอย่างไร 

 

                      อีกหนึ่งเรื่องของคนเป็น ที่อยู่ในสถานะ “คนนอก” แต่กลับมีเอี่ยวกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ คือการออกมาแสดงความคิดเห็นของ “แตงโม” ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ เริ่มต้นด้วยการโพสต์รูปในอินสตาแกรม ไว้อาลัยให้สิงห์กับข้อความขึ้นต้นว่า “เข้าใจ” ก่อนจะเรียงร้อยถ้อยคำ บางส่วนต่อไปนี้ว่า

 

                      "ฟ้าหลังฝนของเธอในวันนี้ ไม่สดใสอย่างที่คิดเลยวะ ไม่ได้ร้องไห้เพราะเห็นข่าวสิงห์เต็มทั่วไปหมด แต่ร้องไห้เพราะเหตุผลของสิงห์ ดึงเธอลงไปในความรู้สึกนั้นอีกครั้ง ส่วนตัวเข้าใจสิงห์ เข้าใจ บางคนเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของโลกใบนี้ แต่บางคนเป็น “โลกทั้งใบ” ของคนบางคน” การทำแบบนี้ ไม่ใช่การโยนความผิดหรืออยากให้ใครได้รู้สึกว่า “ไม่มีเราแล้วเค้าจะรู้สึก” มันไม่ใช่เลย เพียงแต่ในบางช่วงอารมณ์ ที่เค้าเรียกกันว่า “ชั่ววูบ” นั้น เราคิดแค่ว่าถ้าอะไรๆ มันหนักเกินไปนัก เราจบที่ตัวเรา ทุกอย่างอาจจะดีกว่า ตอนที่มีเรา”

 

 

 

 

                      หลายคนที่ติดตามข่าวบันเทิง คงทราบดีว่า แตงโม เคยเป็นหนึ่งในนักแสดงที่คิดจบชีวิตลง ด้วยการ “กินยาฆ่าตัวตาย” เมื่อไม่นานมานี้ แต่มีคนมาช่วยไว้ทัน ภายหลังจึงทราบว่า เธอป่วยเป็นโรค “ซึมเศร้า” ซึ่งจากข้อความดังกล่าว กลับสร้างดราม่าขึ้นมามากมาย จนนักแสดงสาวปรี๊ดแตก เขียนข้อความจัดเต็มตอกกลับชาวโซเชียลมีเดีย

 

                      คนในสังคมบันเทิงรู้ถึงข้อดี ข้อเสีย และอิทธิพลของสื่อโซเชียลมีเดียดีว่า “อนิจจา ด่าใครก็ได้ แต่อย่าด่าคนในโลกโซเชียล โกรธใครก็ได้ อย่าโกรธ นักเลงคีย์บอร์ด เสียสติกับใครก็ได้ แต่โปรดอย่าเสียจริตกับโลกเสมือนจริง บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต”

 

                      เรื่องนี้นักแสดงสาวรู้ แต่เธออาจขาดความยับยั้งชั่งใจ และเป็นคนหนึ่งที่ “ชอบเล่น” กับ “ความรู้สึก” ของคนบนโลกโซเชียลเสมอ สุดท้ายข้อความไว้อาลัยให้สิงห์ กลับกลายเป็นระเบิดเวลาทางอารมณ์ของเธอเอง

 

                      อาชีพ “ศิลปิน นักร้อง นักแสดง” คนภายนอกอาจไม่ทราบว่า เป็นอาชีพที่มีแรงกดดันมหาศาล มากกว่าอาชีพอื่นๆ มากมาย เพราะเป็นงานที่เผยแพร่ในวงกว้าง มีคนจับตามอง คลั่งไคล้ สนับสนุน แต่ในขณะเดียวกัน กลับเป็นอาชีพที่หาความสงบได้น้อย อุปสรรคจากงานและคนร้อยพ่อพันแม่ ความคาดหวัง และความผิดหวังมากเป็นทวีคูณ คือสิ่งที่พวกเขาต้องแบกรับ

 

 

 

 

                      จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิตปี 2556 พบว่า คนไทยมีอัตราการฆ่าตัวตายกว่า 3,900 คนต่อปี เฉลี่ยคนไทยฆ่าตัวตาย 1 คน ทุก 2 ชั่วโมง โดยช่วงอายุที่ฆ่าตัวตายมากที่สุดคือ 30-39 ปี โดยผู้ชายฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าผู้หญิง 3.8 เท่า โดยเกือบ 90% ของผู้ฆ่าตัวตายต้องการความช่วยเหลือในด้านสุขภาพจิตขณะนั้น โดย 2 ใน 3 มีอาการของโรคซึมเศร้าที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยและการรักษา ที่สำคัญคือ จากการศึกษาในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา พบว่า นักเขียนและศิลปิน เมื่อเทียบกับประชากรทั่วไปมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่า 8-10 เท่า และมีโอกาสฆ่าตัวตายมากกว่าคนทั่วไป 6-18 เท่า

 

                      มองภาพรวม ส่วนใหญ่ศิลปิน หรือ นักแสดง มักจะมีความอ่อนไหวทางอารมณ์มากกว่าคนปกติ และความอ่อนไหวพวกนี้ จะส่งผลดีต่อการทำงาน ที่เล่นกับความรู้สึกของมนุษย์ แต่เวลาเศร้าจะซึมลึก และหดหู่ง่าย เพราะมีความละเอียด ลึกซึ้ง และอ่อนไหวมากเกินไป

 

                      หลายคนเจอปัญหาสะสมมาก แต่แสดงออกได้น้อย เพราะโดยอาชีพต้องคอยมอบความสุขให้ผู้อื่นเสมอ เป็นอาชีพที่ “ได้มาก” แต่ก็ “เสียมาก” นับเป็นราคาที่ต้องจ่าย การจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างแข็งแรง ต้องอาศัยภูมิต้านทานในจิตใจที่เข้มข้นมาก มีคนรอบข้างที่ดี คอยให้ความช่วยเหลือ

 

                      อาชีพ “ศิลปิน” มองภายนอกช่างน่าอิจฉา แต่กว่าจะขึ้นไปยืนอยู่เพื่อให้ได้มา พวกเขาต้องแลก และสูญเสียอะไรไปบ้าง คงไม่มีใครรู้ และช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด กำลังใจจากคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะแสดงให้เห็นว่า พวกเขามี “คุณค่า” กับคนรอบข้าง และคนที่รักเขาด้วยใจจริง มากแค่ไหน

 

 

 

 

 

------------------------

 

(หลายอารมณ์กระแสโซเชียล หมื่นแสนความรู้สึกถึงผู้ชายชื่อ 'สิงห์' : โดย...ทีมข่าวบันเทิง)