บันเทิง

เปิดมุมมองวิธีคิดกับดาวดวงใหม่‘ชิปปี้-ศิรินทร์’

เปิดมุมมองวิธีคิดกับดาวดวงใหม่‘ชิปปี้-ศิรินทร์’

16 พ.ค. 2558

เปิดมุมมองวิธีคิดกับดาวดวงใหม่สดใสตามสไตล์ "ชิปปี้" ศิรินทร์ : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... การะเกด อัศวเสนา ภาพ... วริศรา วุฒิกุล

 
          จากบทนางร้ายกลับใจใน เดอะ ซิกเซ้นท์ 2 วันนี้ "ชิปปี้" ศิรินทร์ ปรีดียานนท์ ขึ้นแท่นเป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องแรกในละคร "สุดแค้นแสนรัก" ละครกระแสแรงที่หลายคนกำลังพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ บันเทิง "คม ชัด ลึก" จึงพาไปทำความรู้จักนางเอกน้องใหม่อนาคตไกล ที่มีความคิดแบบคนรุ่นใหม่ที่ไม่ธรรมดา
 
 
@@ขึ้นแท่นนางเอกเรื่องแรก
00บทบาทในละคร "สุดแค้นแสนรัก" เป็นอย่างไรบ้าง
          เล่นเป็นคุณหมอชื่อ "หทัยรัตน์" เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจ เป็นผู้หญิงเพอร์เฟกท์ สวย เก่ง ครบ และเป็นคนที่มั่นคงในความรัก คบกับ "ยงยุทธ" รับบทโดย "พี่เพื่อน" คณิน ชอบประดิถ มาเป็น สิบๆ ปี แล้วเหมือน "ธนา" รับบทโดย "อาโป" ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ เขาจะจีบเราตั้งแต่ที่เราเด็กๆ และเราปฏิเสธมาตลอด เพราะเราเป็นผู้หญิงที่มั่นคง เป็นคนตรงๆ ถ้าไม่คือไม่ 
 
 
00ต้องเข้าฉาก และได้เล่นละครกับนักแสดงมากฝีมือในเรื่องหลายคนเป็นอย่างไรบ้าง
          ตื่นเต้น ดีใจ เพราะเรื่องนี้ มีผู้ใหญ่หลายท่านมาก หลายคนถามว่าเกร็งไหม กดดันไหม สำหรับหนู หนูไม่รู้สึกอย่างนั้น เพราะว่าพี่ๆ เขามีประสบการณ์มากกว่า เขาส่งอารมณ์ให้เราได้ถึงอารมณ์มากกว่า รู้สึกสบายใจ ในเรื่อง หนูไม่ได้มีปะทะกับใคร จะเป็นผู้ชายที่ต้องปะทะกัน แต่จะมีจุดพลิกผันในเรื่อง มีจุดเปลี่ยน หนูมีเข้ากับพี่ต๊งเหน่ง (รัดเกล้า อามระดิษ) บ้าง ซึ่งโอเคนะ หนูรู้สึกว่า เราได้เล่นตามที่ผู้ใหญ่ส่งอารมณ์มาให้ รู้สึกชอบและสนุกกับคาแรกเตอร์นี้ ส่วนฉากกุ๊กกิ๊กไม่ค่อยมี ด้วยความที่เป็นละครพีเรียด ส่วนใหญ่จะเป็นดราม่า เวลาเห็นผู้ใหญ่เล่นกันแล้วสุดยอดมาก ไม่รู้สึกว่าเขาแสดง แต่รู้สึกว่ามันคือเรื่องจริง ส่วนฝั่งของเด็กจะเป็นแสนรัก เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักมากกว่า สุดแค้นก็แสนจะแค้น พอมันได้ผสมกัน หนูว่ามันเป็นความลงตัวที่พอดีของ "สุดแค้นแสนรัก"
 
 
00ได้พลิกบทบาทจากละครเรื่องแรกอย่างไรบ้าง
          พลิกบทบาทจาก "เดอะ ซิกเซ้นส์ 2" เยอะมาก ในสุดแค้นแสนรักจะต่างจากชีวิตจริงของชิป เพราะชิปเป็นเด็กซนๆ ในเรื่องต้องเป็นหมอ ซึ่งชีวิตจริงเรียนสถาปัตย์ อายุเพิ่งจะ 21 พอเป็นคุณหมอต้องมีมาด เรียบร้อย พูดจาแบบเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจริงๆ หนูเป็นคนที่ง้องแง้ง พูดจาไม่รู้เรื่อง แต่รู้สึกว่าหลังจากได้มาเล่นละครเรื่องนี้ ตัวเองพูดชัดขึ้น โตขึ้น อาจจะเป็นเพราะว่า เวลาเข้าฉาก ด้วยความที่มันเป็นละครดราม่า เราจะซนไม่ได้ ต้องมีสมาธิ ทำให้เรากลายเป็นคนมีสมาธิมากขึ้นในการใช้ชีวิต
 
 
00กระแสตอบรับในบทบาทนี้
          ในระหว่างการทำงานในกองนี้มีตัวละครหลายรุ่น แล้วรุ่นหนูก็จะมีหลายคน เหมือนเรา มีเพื่อนเยอะคุยกันภาษาเดียวกัน เฮฮาสนุกสนานตลอด หนูรู้สึกว่าตรงนี้มันทำให้งานราบรื่น และทำให้กองสนุกทุกครั้งเวลาหนูมากองก็ไม่เคยเบื่อเลย  ในตัวละครหลายๆ ตัวละครในเรื่อง มันก็สื่อถึงชีวิตประจำวันของคนแต่ละคน มันก็จะมีข้อคิดที่แทรกเข้าไปในการกระทำของตัวละครนั้นๆ ว่าตัวคนไหน มีความคิดแบบไหน การกระทำแบบไหน สุดท้ายตัวละครนั้นก็จะได้รับผลกรรมในสิ่งที่ตัวเองทำมา อาจจะเป็นกรรมดี กรรมไม่ดี ตรงนี้มันเป็นอะไรที่แสดงให้เห็นได้ชัดมากในละคร  คือแค่เปิดดูคนดูก็ได้กำไรแล้ว กับกระแสตอบรับหลายๆ ทาง ที่เข้ามาหนูขอบคุณมากๆ ที่ติดตามละครเรื่องนี้กัน
 
 
@@ผลงานเรื่องใหม่
00พลิกมารับบทบาทนางเอกโดนฉุดกระชากลากถูกใน "แรงตะวัน" เป็นอย่างไร
          หนูรับบทเป็น เคท เล่นคู่กับพี่อั้ม (อธิชาติ ชุมนานนท์) ที่รับบทเป็นภู คาแรกเตอร์ค่อนข้างจะคล้ายกับตัวจริงตรงที่ไม่ค่อยยอมคน ซ่า แสบ เป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ ซึ่งชีวิตจริง หนูเป็นคนชอบการแต่งตัวอยู่แล้ว ในเรื่องจบแฟชั่นดีไซเนอร์จากเมืองนอก ซึ่งหนูเคยเรียนที่เมืองนอกมาเหมือนกัน มีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกับชีวิตจริงของเรา ในเรื่องเราจะมีหลานคนหนึ่ง ซึ่งเรารักหลานมาก และหลานจะเป็นตัวแปรของภูกับเคท เรื่องนี้โดนฉุดกระชากลากถูเยอะมาก ถ่ายไปช้ำไปทั้งตัวเลย แขนเขียวช้ำ คอเคล็ด โดนทุ่ม จับขึ้นเหวี่ยงทุกอย่าง พี่อั้มเขาชอบ เขาดูมีความสุขมาก เราเป็นฝ่ายโดนกระทำทุกอย่าง โดยที่เราทำอะไรเขาไม่ได้ ในเรื่องพี่อั้มเขาจะเป็นเหมือนมาเฟีย มีอะไรจะมาลงที่เรา เพราะว่าเราเป็นคนไม่ยอมคน ยิ่งเราไม่ยอม และแรงใส่เขา เขายิ่งแรงกลับมา สนุกดีนะ เพราะว่าเคท เป็นตัวละครที่มีความน่าสนใจ ร่วมงานกับพี่อั้มสนุก พี่เขาเป็นคนขี้แกล้ง ซึ่งเราทำอะไรพี่เขาไม่ได้ เลยเอาคืนในฉากแทน มีตบหน้าพี่เขา ตบจริงเลย เพราะพี่เขาบอกเองว่า ให้ตบจริงเลย (หัวเราะ)
 
 
00เรื่องนี้หลายคนบอกว่าจะโหดยิ่งกว่า "จำเลยรัก"
          หลายคนบอกว่าเรื่องนี้คล้ายๆ กับเรื่องจำเลยรัก ซึ่้งหนูไม่เคยดู แต่เคยได้ยิน มีคนบอกว่าตอนนั้นพี่แอฟ (ทักษอร เตชะณรงค์) ช้ำมากเหมือนกัน ผู้จัดการันตีว่า เรื่องนี้จะโหดกว่าจำเลยรัก ด้วยความที่ในเรื่องพี่อั้มเขาเป็นคนมาปมมาตั้งแต่เด็ก ในเรื่องความรุนแรง พอเขาโตมาก็จะใช้ความรุนแรง ในชีวิตจริงพี่อั้มเขาเป็นคนบ้าพลังอยูู่แล้ว น่าจะเป็นละครที่พี่อั้มน่าจะแฮปปี้กับการแสดงมากๆ ได้ลงกับหนู (หัวเราะ) ส่วนเลิฟซีน หนูไม่แน่ใจ แต่น่าจะมีพอสมควร เพราะเวลาโมโหแรง เวลารักน่าจะแรงเหมือนกัน
 
 
00จากเรื่องแรกรับบทร้าย จับพลัดจับผลูขึ้นแท่นนางเอกอย่างต่อเนื่อง รู้สึกอย่างไร
          จริงๆ ชิปไม่ได้คิดอะไรนะ ตั้งแต่ที่ได้เล่นเรื่องซิกเซ้นส์ หนูรู้สึกมีความสุข สนุกกับมัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นนางเอก หนูไม่ได้เข้าวงการมาเพื่อที่จะเป็นนางเอก แต่เราสามารถที่จะเล่นเป็นบทไหนก็ได้ เรารู้สึกแฮปปี้ ขอแค่ได้แสดง ถ้าเกิดว่าเราได้ตั้งเป้าหมายว่า เราต้องเป็นนางเอกอย่างเดียว มันจะผิดหวัง
 
 
00หลายคนมองว่าเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองมากคนหนึ่ง
          หนูไม่ทราบเหมือนกัน และไม่ได้มองว่า หนูฝีมือดีนะ แต่ส่วนหนึ่ง หนูเป็นคนไม่ได้ห่วงสวยอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าเล่นอะไร หนูรู้สึกว่า หนูต้องทำให้ได้และต้องทำให้ดี เลยไม่ได้เหลิงไปกับคำชม เพราะหนูคิดว่าเราต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่อย่างงั้นแล้ว วันหนึ่งอาจจะมีคนเข้ามาแทนที่เรา เราต้องทำหน้าที่การเป็นนักแสดงของเราให้ดีที่สุดไว้ก่อน
 
 
@@ก้าวแรกของวงการ
00เริ่มเห็นแววงานในวงการบันเทิงมาตั้งแต่เมื่อไหร่
          จริงๆ มีคนบอกตลอดตั้งแต่เด็กๆ แล้ว มีคนชวนไปเดินแบบ แต่พ่อไม่ให้ทำต่อ กลัวลูกเหนื่อย ท่านเป็นห่วงมาก ท่านยังเคยบอกเลยว่า ไม่เป็นไร อยู่กับพ่อไปจนแก่เลยก็ได้ พ่อเลี้ยงได้ ตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กไฮเปอร์ เป็นเด็กซนๆ งานกิจกรรมโรงเรียนจะเข้าร่วมด้วยตลอด เวลามีงานโรงเรียนจะขอลงมือทำตลอด พอเข้ามหาวิทยาลัย ได้เป็นดาวมหาวิทยาลัย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเล่นละคร วันหนึ่งพอมีโอกาสแล้ว เราก็คว้าไว้ อาจจะเป็นเพราะว่า เราไม่รู้ว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร อยากที่จะลองทำอะไรหลายอย่าง เพื่อให้รู้ว่าจริงๆ เราอยากทำอะไรกันแน่
 
 
00จุดเริ่มต้น เข้าวงการบันเทิงมาได้อย่างไร
          มีโมเดลลิ่งติดต่อมาว่า สนใจลองมาถ่ายรูปดูไหม เลยลองไปดู ได้มีโอกาสไปแคสโฆษณา แล้วก็ได้มาเรื่อยๆ จนได้มีโอกาสไปแคสละครซิกเซ้นส์ 2 เป็นเรื่องแรก แล้วเขาหายไปเลย เราก็คิดแล้วว่า คงไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ได้ แบบงงๆ ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้เล่นละคร มีความรู้สึกว่า ไม่อยากทำ แต่ว่าได้ตกลงกับเขาไปแล้ว ก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด พอได้ทำ ตอนแรกๆ ไม่ชอบเลย เพราะตอนนั้นเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ด้วย เป็นช่วงที่เครียดมาก เขารับน้องกัน แต่หนูไม่ได้ไปรับน้องเลยสักวัน เพราะทำงานทุกวัน กลายเป็นว่าหนูไม่มีเพื่อนเลย ช่วงนั้นแย่ แต่พอมาถึงช่วงเวลาที่เริ่มเรียน เริ่มได้เจอเพื่อนมากขึ้น มาตอนนี้มีเพื่อนแล้ว และรู้สึกชอบงานแสดง วันไหนที่เราไม่ได้ไปเรียน เพื่อนจะคอยบอกว่า มีงานอันนี้นะ ตอนนี้อยู่ปี 3 แล้ว อาจจะจบช้ากว่าเกณฑ์นิดหน่อย เพราะดร็อปเอาไว้ เราต้องแบ่งทั้งการทำงาน และเรียน ก็ไม่เป็นไร ช้ากว่าเกณฑ์นิดหน่อย อีกอย่างเราไม่อยากรีบเรียนแล้วคะแนนไม่ดี และละครจะออกมาไม่ดีด้วย ถ้าเป็นแบบนั้น ช้าๆ แต่ว่าทำให้ได้ดีทั้ง 2 อย่างดีกว่า
 
 
@@ความภาคภูมิใจ
00ได้มาเป็นนางเอกที่เริ่มมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก พ่อกับแม่ภูมิใจมากแค่ไหน
          จริงๆ คุณพ่อไม่อยากให้ลูกสาวทำงานในวงการ เขาหวง เห็นคนมาแตะตัวลูกได้อะไรแบบนี้ ท่านจะเป็นห่วงตลอด ด้วยความที่เราเป็นลูกสาวคนเล็ก และยิ่งมาทำงานแบบนี้ ยิ่งเป็นห่วงเป็นพิเศษ แต่เขาเข้าใจในเรื่องการทำงานมากขึ้น พอได้เห็นผลงานของเราออกไป เขาน่าจะภูมิใจ แต่เขาไม่ค่อยพูด ส่วนคุณแม่ หนูมีอะไรจะคุยกับคุณแม่ตลอดอยู่แล้ว ท่านจะคอยสนับสนุน ถ้าเราทำอะไรที่มีความสุข ท่านยินดีที่จะสนับสนุน แต่หนูก็จะทำทุกอย่างให้ดี ทำให้เขาภูมิใจในตัวเรา ทำให้เขาเห็นว่าเราสามารถดูแลตัวเองได้ พอได้มีโอกาสในตรงนี้แล้ว เราอยากที่จะทำมันให้ดีที่สุด
 
 
@@การเปลี่ยนแปลง
00ตั้งแต่เข้าวงการชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
          ไม่หรอก ในสายตาของคุณพ่อและคุณแม่ หนูยังคนเป็นเด็กสำหรับท่าน ยังคงอ้อนคุณพ่อ คุณแม่เหมือนเดิม เวลาที่อยู่ข้างนอก หนูอาจจะดูโต แต่พออยู่บ้าน อยู่กับพ่อแม่ ยังคงง้องแง้งเป็นเด็ก หนูคิดว่า ไม่ได้เปลี่ยนไปมากในเรื่องการใช้ชีวิต แต่ว่าอาจจะเป็นเรื่องของเวลา การบริหารเวลา อาจจะไม่ค่อยมีเวลาให้กับชีวิตส่วนตัวหรือว่ากับทางบ้านมากเท่าที่ควร อาจจะมีเวลาน้อยลงกว่าคนอื่น แต่โดยรวมแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ยังคงใช้ชีวิตปกติ ยังออกไปเดินห้าง ไปทำอะไรเหมือนคนปกติ แต่เราก็รู้ว่าอาจจะมีคนจับตามองมากขึ้น เราอาจจะไม่ได้ทำอะไร ในสิ่งที่เราอยากจะทำ หรือทำตัวแบบไม่สนใจใครก็ไม่ได้แล้ว เราต้องแคร์คนรอบข้างมากขึ้น 
 
 
000มองถึงอนาคตอย่างไรบ้างกับการทำงานในวงการ
          หนูไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นที่ 1 หรือต้องเป็นเหมือนกับใคร แค่ตั้งใจทำหน้าที่ของเราไป จะเกิดอะไรขึ้นปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลา และความสามารถของเรา ไม่ได้รีบ ไม่ได้คาดหวังกับอะไรมาก ไม่อย่างงั้นเราอาจจะแย่เอง  ตอนนี้สิ่งที่อยากทำให้สำเร็จ คือ ละครแต่ละเรื่องที่ออกมา อยากให้คนดูได้ดู และมีความสุข สนุกไปกับละครที่เราเล่น แค่นี้หนูพอใจแล้ว
 
.......................................
 
ผู้หญิงคนนี้ : "ชิปปี้" ศิรินทร์ ปรีดียานนท์
เกิด : 23 กรกฎาคม 2536
การศึกษา : กำลังศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาการออกแบบและการสื่อสาร ชั้นปีที่ 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ภาคอินเตอร์)
ผลงานที่ผ่านมา : เดอะซิกเซ้นส์ 2
ผลงานล่าสุด : สุดแค้นแสนรัก
 
.......................................
(หมายเหตุ เปิดมุมมองวิธีคิดกับดาวดวงใหม่สดใสตามสไตล์ "ชิปปี้" ศิรินทร์ : บันเทิงวันเสาร์  เรื่อง...  การะเกด อัศวเสนา  ภาพ...  วริศรา วุฒิกุล)