‘Big Game เกมล่าประธานาธิบดี’ผลงานล่าสุด‘จาลมารี เฮเลนเดอร์’ | คมชัดลึก

 

           “Big Game" (บิ๊กเกม เกมล่าประธานาธิบดี) หนังแอ็กชั่น-ผจญภัย ที่ได้รับคำวิจารณ์ในเทศกาลหนังโตรอนโต ว่า “สนุก ลุ้นระทึก ตื่นเต้น” ผลงานการกำกับ และเขียนบทโดย จาลมารี เฮเลนเดอร์ และได้ แซมมวล แอล แจ็คสัน นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง รับบทเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ต้องฝ่าเกมการไล่ล่าครั้งยิ่งใหญ่ ร่วมด้วย ออนนิ ทอมมิลา ในบท โอสคาริ เด็กหนุ่มชาวฟินแลนด์ผู้ปกป้องประธานาธิบดี โดย จาลมารี เฮเลนเดอร์ ผู้กำกับและเขียนบทได้ให้สัมภาษณ์ถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า

 

 

@ คุณได้ความแรงบันดาลใจในการสร้างเรื่อง Big Game มาจากไหน

 

           มันนานมาแล้วตอนนั้น ผมกับเพทรี เพิ่งเสร็จจากการกำกับ เราก็คิดถึงภาพยนตร์ที่จะทำกันเอาไว้ล่วงหน้า มันยากที่จะอธิบายว่าตอนนั้นคิดพล็อตเรื่องนี้มาได้ยังไง เพราะเรามีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเกี่ยวกับตัวเนื้อเรื่อง มันยากที่จะบอกว่าจุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงไหน แต่ท้ายที่สุดเราก็ได้ความคิด เรื่องเครื่องบิน แอร์ ฟอส วัน ตก แล้วก็ค่อยๆ ปรับแต่ง เรื่องราวจนมาเป็นภาพยนตร์ Big Game

 

 

@ เรื่องราวเป็นอย่างไรสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้

 

           มันเป็นเรื่องของชายผู้ที่มีอำนาจมากคนหนึ่งของโลก ไปพบกับคนที่มีอำนาจน้อยที่สุดในโลก แล้วทั้งคู่ก็ออกไปผจญภัยร่วมกันเพื่อหาตัวตนของแต่ละคน มันเป็นความคิดพื้นๆ อำนาจน้อยก็เปรียบเหมือนเด็กที่กำลังออกไปล่าสัตว์ การล่าสัตว์เป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่เขาอยากจะเป็น เมื่อพ่อเขาอายุ 13 ปี พ่อของเขาล้มหมีในป่าได้ เด็กชายจึงอยากจะเจริญรอยตามและพาประธานาธิบดีเข้าป่าไปด้วย จริงๆ นะ ผมไม่ควรเล่าเลย เดี๋ยวก็รู้ตอนจบหมด

 

 

@ หลังจากภาพยนตร์เรื่อง Rare Exports คุณคิดอย่างไรกับการมาร่วมงานกับดาราใหญ่อีก อย่าง แซมมวล แอล แจ็คสัน

 

           ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ผมเดาว่าเขาก็ชอบเรื่องนี้ ไม่งั้นเขาไม่ตกลงมาเล่นหรอก และเขาก็ทำงานกับออนนิได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร นั่นเป็นหัวใจของภาพยนตร์เลยล่ะ

 

 

@ คุณอธิบายถึงตัวแสดงประธานาธิบดีในภาพยนตร์เรื่อง Big Game ได้ไหม

 

           คนอเมริกันชอบเขามาก นั่นเป็นจุดแรกที่เราเลือกเขา ความนิยมของเขาสูงขึ้น และคนไม่ติดภาพ ถ้าเขาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ทุกคนเลือกเขา มันเป็นเรื่องเดียวกัน กับโอสคาริ ทุกคนในหมู่บ้านรวมทั้งพ่อของเขา สงสัยในความสามารถของเด็กหนุ่มว่าจะทำอะไรได้ พวกเขามีความเหมือนกันที่จุดเริ่มต้น

 

 

@ คุณคิดอย่างไรกับการนำนักแสดงมาจากที่ต่างๆ

 

           มันไม่ได้ราบรื่นหรอก เมื่อเราเริ่มพัฒนาภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมไม่คิดว่าผลมันจะออกมาดีอย่างนี้ เรามีดาราใหญ่ เรามีนักแสดงที่เก่ง มันอัศจรรย์มากแล้ว โดยเฉพาะจิม บรอด แนนท์ เขาเหมาะที่จะเป็นฮาร์เบิร์ท จริงๆ ตอนแรกผมไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นจิม บรอด แนนท์ ผมว่าเขาเป็น ฮาร์เบิร์ท จริงๆ มารับบทตัวเอง มันประหลาดมาก

 

 

@ คุณคิดว่าคนดูจะคาดหวังอะไรจากสถานที่ถ่ายทำอย่างบาวาเรีย

 

           เขาจะได้มุมมองแบบมหากาพย์ ความรู้สึกแบบวิวของตะวันตก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเรามาถ่ายที่บาวาเรีย ผมชอบภูเขาและชอบภาพมุมกว้างของวิวทิวทัศน์แต่ว่าในฟินแลนด์เราไม่มีภูเขาสูง แต่เรามีป่าที่สวยงาม แต่ที่เยอรมันเรามีทั้งป่าและภูเขา มันเลยเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับถ่ายทำเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ตามที่จินตนาการเอาไว้

 

 

@ คุณคิดอย่างไรกับภาพที่ออกมา

 

           ผมคิดว่าหลักๆ คือเด็กอายุ 13 เป็นตัวนำเรื่อง มันควรจะเป็นภาพยนตร์สำหรับเด็ก แต่ก็ไม่ใช่ คนร้ายทุกคนสมจริง มีจริง มันน่าจะได้อารมณ์แบบภาพยนตร์ Die Hard มันเป็นการผสมผสานเรื่องที่ดี มันไม่ใช่ภาพยนตร์อย่าง Home Alone ที่จะมีเด็ก แล้วก็มีเรื่องสนุกๆ กับคนร้ายที่ดูไม่เต็มเต็ง คนร้ายของเราเป็นคนร้ายจริงๆ สมจริง เลวจริงๆ ซึ่งมันน่าสนใจที่ภาพยนตร์ที่นำเด็กมาเป็นตัวนำ จะไม่ค่อยนำเสนอภาพนี้

 

 

@ แล้วการเมืองล่ะมีประเด็นอะไรไหม

 

           ผมว่ามันมีการเมืองไม่มาก ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่าความปรารถนาของชายที่อยากจะแข็งแรงดูเหมือนว่าเขาทั้งคู่จะมีปัญหาเรื่องอำนาจ ผมว่านี่มันเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าการเมือง มันไม่ใช่เรื่องการเมืองล้วน แต่มันเป็นเรื่องของมุมมองของคนมากกว่า

 

 

@ คุณจะแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าอย่างไร

 

           มันเป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นที่ดี มันไม่แค่สนุกมันอบอุ่นหัวใจด้วย มันสำคัญมาก สำหรับภาพยนตร์มันเป็นตำนาน มันดูย้อนยุค ให้อารมณ์ในยุค 80 เป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นแบบ Fast and Furious. ที่มีเรื่องราวที่น่าอบอุ่นใจ

 

           เข้าฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์