
เพื่อนร่วมทางปริศนาผู้น่าตื่นตะลึง
02 เม.ย. 2558
เพื่อนร่วมทางปริศนาผู้น่าตื่นตะลึง : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ
“กับความคาดหวังทั้งหลายของฉันที่ถูกทิ้งร้างไปเนิ่นนาน
และอนาคตกาลที่ฉันไม่อาจมีส่วนร่วมได้อีก
เพราะเหตุใดฉันจึงได้มาพบเธอ มันช่างเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้
...เธอคือเพื่อนร่วมทางปริศนาผู้น่าตื่นตะลึงของฉัน”
นี่คือความหมายท่อนแรกของบทเพลง My Stunning Mystery Companion ของนักร้องนักแต่งเพลงชาวแคลิฟอร์เนียชื่อ แจ็กสัน บราวน์ (Jackson Browne) เป็นเพลงรักแสนไพเราะที่เขาแต่งให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็น "เพื่อนร่วมทางปริศนาผู้น่าตื่นตะลึง" ของเขา
คำว่า Stunning นั้น ถ้าแปลให้ตรงความหมายมากขึ้นก็ต้องแปลว่า "สวยจนน่าตื่นตะลึง"
หญิงสาวคนไหนกันหนอที่ได้รับการบรรยายจากสุดยอดนักแต่งเพลงคนหนึ่งของยุคนี้ ด้วยวลีที่บอกว่าเธอคือ My Stunning Mystery Companion ของเขา
เรื่องนั้นก็น่าสนใจอยู่ ...แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือ ทำไมเนื้อเพลงๆ นี้ถึงได้ดูอ่อนระโหยโรยแรง แต่กลับแฝงไว้ด้วยความโรแมนติกอย่างร้ายกาจขนาดนี้
แจ็กสัน บราวน์ เป็นผู้ชายประเภทที่อาจทำให้หญิงสาวตกหลุมรักได้อย่างไม่ยากเย็น
ย้อนเวลากลับในยุคทศวรรษ 70 เขาเป็นหนุ่มน้อยหน้าหวานที่มีฝีมือแต่งเพลงระดับเทพ คนหมู่มากน่าจะรู้จักเพลงดังระดับโลกเพลงหนึ่งที่เขามีส่วนร่วมแต่งก็คือ Take It Easy ของ The Eagles ที่ทำให้พญาอินทรีวงนี้เป็นวงคันทรีร็อกสุดคลาสสิกมาจนถึงปัจจุบัน ผลงานอีกหลายชิ้นของ แจ็กสัน บราวน์ ยังเข้าขั้นบทกวีชั้นดี มุมมองของเขาช่างลุ่มลึก ฉลาดเฉลียว บางก็ครั้งเศร้าสร้อยสุดแสน แต่อย่างไรเขาก็มักจะแฝงความเป็นนักฝันผู้มีความปรารถนาดีมอบให้โลกใบนี้อยู่เสมอ
อัลบั้มของ แจ็กสัน บราวน์ ชุดแรกๆ อย่าง For Everyman (1973), Late for the Sky (1974) และ The Pretender (1976) ถูกยกย่องจากนักวิจารณ์ว่าเป็นงานชิ้นเยี่ยม เป็นงานระดับมาสเตอร์พีซของแวดวงคันทรีร็อกและเวสโคสต์ร็อก อัลบั้มสุดคลาสสิกอีกชุดของเขาคือ Running on Empty (1977) ซึ่งเป็นงานเพลงคอนเซ็ปต์อัลบั้มเกี่ยวกับชีวิตนักดนตรีทั้งชุด
บราวน์ยังเป็นคนดนตรีที่ให้ความสนใจเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อม และการเมืองอย่างยิ่ง เขาแต่งเพลงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ไว้หลายเพลง แถมยังมีส่วนร่วมกับกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ อธิบายให้เห็นภาพก็คือนอกจากเขาจะได้เป็นหนึ่งในนักแต่งเพลงที่มีชื่ออยู่ใน Rock and Roll Hall of Fame แล้ว เขายังเคยได้รางวัลในด้านการต่อสู้เพื่อสังคมมาหลายรางวัลอีกด้วย
กล่าวโดยสรุปก็คือ แจ็กสัน บราวน์ เป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ แน่นอน
แต่ชีวิตรักของหนุ่มในฝันคนนี้กลับไม่ราบรื่นนัก
ตั้งแต่ยังเป็นนักแต่งเพลงหน้าใหม่ไฟแรงในช่วงต้นยุค 70 แจ็กสัน บราวน์ ก็เคยคบกับสาวสวยในระดับท็อปของวงการบันเทิงมาแล้วหลายคน มีทั้งนักร้อง นางแบบ และกระทั่งดารา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องความสัมพันธ์และชีวิตคู่เอาเสียเลย เขาจบความสัมพันธ์กับโจนี มิทเชลล์ สุดยอดนักแต่งเพลงสาวแห่งยุคอีกคนได้ไม่สวยนัก พอบราวน์หันไปคบกับนางแบบสาว ฟิลลิส เมเยอร์ อยู่พักใหญ่จนได้แต่งงานกัน แต่ภรรยาคนแรกของเขาก็จบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตายไม่กี่เดือนหลังแต่งงานกัน (เธอเคยมีพฤติกรรมพยายามฆ่าตัวตายมาตั้งแต่ก่อนที่จะมาแต่งงานกับบราวน์เสียอีก) หลายปีต่อมาเขาก็สมรสกับนางแบบสาว ลีนน์ สวีนีย์ แต่ไม่นานเขาก็หย่ากับเธอแล้วหันไปคบดาราสาว ดารีล ฮันนาห์ อย่างจริงจังแทน แม้จะไม่ได้แต่งงานกันแต่คราวนี้ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์จะไปได้ดี เพราะทั้งคู่ดูจะสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน และเขากับเธอก็ดูจะเป็นคู่ขวัญของสื่อมวลชนเสียด้วย แต่ในที่สุดความสัมพันธ์ของแจ็กสันกับดารีลจบลงอย่างเลวร้ายอีกแล้ว คราวนี้เลวร้ายถึงขนาดมีคดีฟ้องร้องกันวุ่นวายเลยทีเดียว
ปี 1993 แจ็กสัน บราวน์ ออกอัลบั้มชื่อ I'm Alive ที่อุทิศให้การจบความสัมพันธ์อันยาวนานของเขากับ ดารีล ฮันนาห์
ข่าวส่วนตัวของ แจ็กสัน บราวน์ เงียบหายไปหลายปี จนถึงอัลบั้มชื่อ The Naked Ride Home (2002) เราจึงได้ฟังเพลงที่เขาเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนอีกที ในอัลบั้มนี้เอง บทเพลง My Stunning Mystery Companion ก็ถูกวางไว้เป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้ม เป็นตำแหน่งทิ้งท้ายที่ราวกับจะเป็นการสารภาพความในใจต่อใครบางคนอย่างแท้จริง
คนรักคนปัจจุบันของบราวน์ไม่ได้เป็นดาราหรือนางแบบอีกแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาและเธอออกงานสังคมด้วยกันจึงไม่ค่อยมีใครรู้จักว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครกันแน่ จนมีนักข่าวคนหนึ่งเขียนอธิบายหญิงสาวข้างกายของ แจ็กสัน บราวน์ คนนี้ว่าเป็น "เพื่อนร่วมทางปริศนาผู้น่าตื่นตะลึง" จึงทำให้เขาประทับใจกับวลีนี้จนหยิบเอามาแต่งเป็นบทเพลงมอบให้กับเธอ
หญิงผู้เป็นแรงบันดาลใจคนนี้มีชื่อว่า ไดอานา โคเฮน (Dianna Cohen)
แจ็กสัน บราวน์ พบกับผู้หญิงท่าทางทะมัดทะแมง ผมสีทองหยิกเป็นลอน ชื่อ ไดอานา โคเฮน ในวันที่เขาและเธอเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ทั้งคู่ดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะไอดานาก็เป็นนักกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและเป็นศิลปินที่รณรงค์เรื่องมลภาวะจากขยะพลาสติกอย่างจริงจัง เธอจริงจังถึงขนาดที่เคยถูกเชิญไปพูดบนเวที TED Talks ในหัวข้อนี้มาแล้ว
จนถึงวันนี้ แจ็กสัน บราวน์ คบหาเป็นคนรักกับไดอานา โคเฮน มานานหลายปีโดยไม่ได้แต่งงานกัน เราไม่อาจรู้เบื้องลึกของความสัมพันธ์นี้ได้ แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในบทเพลงนี้ก็บอกร่องรอยบางอย่างอยู่เหมือนกัน
“ตอนนี้ฉันจดจำสาเหตุที่ฉันร้องไห้ไม่ค่อยได้เสียแล้ว
ฉันได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ แล้วอดีตก็เลือนหาย
บางทีเธออาจล้อเล่น เมื่อเธอบอกว่า
เธอจะทนอยู่กับฉันแค่สิบปี แล้วจะไม่ทนต่อไป
บางทีเธออาจจะได้สิ่งที่ดีที่สุดของฉันไปแล้ว
แต่เธอก็จะลองดูอีกสักสิบปี...เพื่อความแน่ใจ”
ครั้งหนึ่ง ในการแสดงสดที่บันทึกเอาไว้ในอัลบั้ม Solo Acoustic, Vol. 2 (2008) ในตอนท้ายโชว์เขาบอกให้คนดูตะโกนขอเพลงได้ คนดูตะโกนชื่อเพลงหลากหลายของเขาออกมา แต่แล้วบราวน์ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ...เขาลืมเล่นเพลงสำคัญเพลงหนึ่ง! ซึ่งก็คือเพลง My Stunning Mystery Companion นั่นเอง ทั้งที่ก่อนโชว์เขาตั้งใจเป็นอย่างดีว่าจะต้องเล่นเพลงนี้ เพราะคนรักของเขาอุตส่าห์นั่งเครื่องบินข้ามรัฐมาเพื่อชมโชว์นี้โดยเฉพาะ
นี่อาจเป็นความรักที่ไม่หวือหวา และกระทั่งอาจไม่โรแมนติก แต่กระนั้นความรู้สึกของ แจ็กสัน บราวน์ ที่มีในเพลงนี้กลับถูกเปิดเปลือยจนหมดหัวใจ บทเพลงนี้จึงฟังดูจริงใจ และผ่อนคลายมากกว่าเพลงรักหลายๆ เพลงที่เขาเคยแต่งมา
“กับความคาดหวังทั้งหลายของฉันที่ถูกทิ้งร้างไปเนิ่นนาน
และชีวิตที่มีแต่จะต้องการอะไรๆ มากขึ้นทุกที
ไม่มีข้อสงสัย เธอคือเหตุผลที่ทำให้ฉันยังคงยืนอยู่
..เพื่อนร่วมทางปริศนาผู้น่าตื่นตะลึงของฉัน”
หลังจากผ่านความสัมพันธ์ที่ผิดหวังมาหลายครั้งหลายคราวในวัยหนุ่ม มาถึงตอนนี้ แจ็กสัน บราวน์ อาจจะค้นพบว่า แท้จริงแล้วความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างคนสองคนก็อาจจะเป็นดั่งในเพลงนี้
คือเป็นปริศนา เป็นเพียงเพื่อนร่วมทาง แต่ก็งดงามจนน่าตื่นตะลึง
.......................................
(หมายเหตุ เพื่อนร่วมทางปริศนาผู้น่าตื่นตะลึง : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ)