พบกับ‘เฉินคุน’แสดง-โปรดิวเซอร์ใน‘จงขุย’ | คมชัดลึก

 

             ภาพยนตร์เรื่อง "จงขุย ศึกเทพฤทธิ์พิชิตมาร" เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ด้วยทุนสร้างกว่า 1,000 ล้านบาท สร้างขึ้นมาจากตำนานของจีน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ให้ผู้ชมได้ชมกันเป็นครั้งแรก โดยบอกเล่าเรื่องราวของจงขุย ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นที่จะสอบจอหงวน แต่ต้องพบกับความผิดหวัง ก็เลยฆ่าตัวตาย และได้ถูกชุบชีวิตใหม่ เพื่อปราบเหล่ามารทั้ง 3 โลก โดยมีนักแสดงมากความสามารถอย่าง เฉินคุน มารับบทเป็นเทพปราบมารจงขุย แถมเขายังควบตำแหน่งเป็นโปรดิวเซอร์อีกด้วย ซึ่งนักแสดงหนุ่มได้ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานในครั้งนี้ว่า 

 

 

 

@ เพราะอะไรคุณถึงตัดสินใจรับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ 

 

             ปีเตอร์ เปา (ผู้กำกับ) นัดเจอผมเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ วันนั้นเขาเอาบทมาลองให้ผมอ่านและเล่าถึงแรงบันดาลใจที่เขาอยากจะทำ ผมรู้สึกสนใจมาก เพราะสิ่งที่ปีเตอร์เล่าออกมานั้นมันเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นและสนุกมาก บวกกับเรื่องราวของจงขุยเคยถูกสร้างเป็นซีรีส์โทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน ผมยังเคยมีโอกาสได้ชมอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีใครเคยหยิบมาทำเป็นภาพยนตร์มาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่คนดูจะได้เห็นจงขุยในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ มันเป็นสิ่งน่าสนใจมากครับเลย ทำให้ผมตัดสินใจรับร่วมงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ และขอปีเตอร์ร่วมเป็นโปรดิวเซอร์ด้วยครับ 

 

 

 

@ คาแรกเตอร์ที่คุณได้รับในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างไร

 

             เรื่องนี้ผมรับบทเป็นตัวละครจงขุย เรียกได้ว่าเป็นฮีโร่ของเรื่อง ในพาร์ทของอดีตจงขุยเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและเพียรพยายามที่จะสอบจอหงวนให้ได้ แต่แล้วตัวเขาเองกลับสอบตกเพราะโดนกลั่นแกล้ง ด้วยความเสียใจเขาจึงเอาหัวโหม่งแผ่นป้ายทองคำจนเสียชีวิต และถูกอาจารย์ชุบชีวิตขึ้นมาเพื่อเป็นมือปราบมารคอยช่วยเหลือผู้คนในเมือง คาแรกเตอร์ตอนแรกจะเป็นคนหนุ่มหน้าตาธรรมดา แต่พอมาเป็นมือปราบมารหน้าตาของจงขุยจะดุดันมากขึ้น ส่วนเวอร์ชั่นที่กลายร่างเป็นมารจงขุยจะดูอัปลักษณ์ นิสัยเลือดร้อนมุทะลุ สายตาดุร้าย ในเรื่องผมต้องใช้เวลาในการแต่งตัวนานกว่า 4 ชั่วโมงกว่าจะออกมาเป็นตัวละครตัวนี้ได้ มีทั้งการแต่งหน้าเอฟเฟกท์ ใส่วิกผมปลอม ติดหนวด ต้องม็อกตัวให้ผิวคล้ำนอกจากนี้ยังถ่ายทำด้วยเทคนิคพิเศษที่ต้องใช้เวลาในการถ่ายทำมากกว่าการถ่ายหนังธรรมดาถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

 

 

 

@ แล้วในฐานะโปรดิวเซอร์คุณรับหน้าที่ดูแลทางด้านไหนบ้าง

 

             ในพาร์ทโปรดิวเซอร์ ส่วนมากผมจะรับหน้าที่ในการช่วยประสานงานเรื่องต่างๆ หากทีมงานมีเรื่องติดขัดตรงไหน ผมจะลงไปช่วยดูแลให้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณในการถ่ายทำ และช่วยดูแลตรวจสอบเอกสารบัญชีต่างๆ ครับ งานโปรดิวเซอร์นี่ไม่ง่ายเลยนะครับ หลังทำหนังเรื่องนี้เสร็จน้ำหนักผมลงไป 5 กิโลเลยครับ (หัวเราะ)  

 

 

 

@ อยากให้พูดถึงนางเอกในเรื่องอย่างหลี่ปิงปิง 

 

             ว้าว!!! เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ ผมเชื่อว่านักแสดงชายทุกคน อยากร่วมงานกับเธอ (ยิ้ม) หลี่ปิงปิง เป็นผู้หญิงที่สวยและฉลาด เธอทุ่มเทให้งานอย่างเต็มร้อย และเธอยังเป็นคนมีความสามารถที่หลากหลายมาก ยิ่งเวลาที่เธอแต่งชุด เป็นปีศาจหิมะ แล้วเธอดูเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายเลย บ่อยครั้งที่ทีมงานเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด เวลาที่ดูหลี่ปิงปิงเข้าฉาก (หัวเราะ) เธอเป็นผู้หญิงที่มีแรงดึงดูดสูงมากเลยทีเดียวครับ ถือว่าเป็นการร่วมงานที่น่าประทับใจมากสำหรับผม 

 

 

 

@ อยากให้พูดถึงการร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังอย่าง ปีเตอร์ เปา และจ้าวเทียนอี้

 

             ผู้กำกับทั้งสองคนนี้ ถือว่าเป็นผู้กำกับฝีมือดีอันดับต้นๆ ของวงการ แต่ละคนจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะทางในแบบของเขา อย่าง ปีเตอร์ เปา เรื่องมุมกล้อง หรือการถ่ายภาพของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แถมยังมีรางวัลออสการ์การันตีอีกด้วย (รางวัลออสการ์ สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์ Crouching Tiger, Hidden Dragon) แน่นอนว่าคุณจะได้เห็นภาพสวยๆ และอลังการในภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่วนจ้าวเทียนอี้ เป็นผู้กำกับที่ละเมียดละไม ในการทำงาน เขารู้ว่านักแสดงคนไหนมีศักยภาพยังไง แล้วเขาจะดึงจุดเด่นของนักแสดงคนนั้นออกมาเสริม ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูมีพลังมากยิ่งขึ้น

 

 

 

@ คุณคิดว่าจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ คืออะไร 

 

             อันดับแรกเลย คือเรื่องราวของจงขุย ที่ครั้งนี้ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ครั้งแรก และยังเป็นภาพยนตร์ร่วมทุนสร้างระหว่างประเทศจีน ออสเตรเลีย และ สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนสร้างกว่า 200 ล้านหยวน และยังได้ทีมเทคนิคพิเศษชื่อดัง อย่าง Weta Workshop มาดูแลการออกแบบ และการสร้างฉากด้วยเทคนิคพิเศษให้เราด้วย แถมยังมีนักแสดงชื่อดัง อย่างหลี่ปิงปิง  วินสตัน เชา  หยางซือชาน เปาเป่ยเอ๋อ และจิงเคอจุนอี้ มาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมรับรองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการภาพยนตร์อย่างแน่นอน