
'แว่น VR จุดเริ่มต้นของการทำคนเป็นโรคจิต'
17 มี.ค. 2558
'แว่น VR จุดเริ่มต้นของการทำคนเป็นโรคจิต' : คอลัมน์ หนุ่ยรู้โลกรู้ โดย... พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์
จั่วหัวด้านลบหน่อยนะครับฉบับนี้ พอดีผมได้ลองใช้งาน แว่น VR หรือ "Virtual Reality" เทคโนโลยีใหม่ที่หวังเปลี่ยนโลกออนไลน์ให้กลายเป็นโลกเสมือนได้จริงจังดั่งจินตนาการฮอลลีวู้ด ที่ให้ไว้ในหนังยุค'90 อย่าง "Virtuosity" ในสมัยที่ Russell Crowe ยังเล่นเป็นผู้ร้าย (และ Denzel Washington ยังหนุ่มมาก!)
ต้องยอมรับครับว่า ความพยายามในการทำ "แว่น VR" มีมานานมากแล้ว และทำได้เพียงแค่ระดับ "ของเล่น" เท่านั้น เป็นเพียงงานทดลองที่ออกวางขายและก็สร้างเสียงฮือฮาไม่ได้ เนื่องมาจากความ "ไม่จริง" ของมัน ซึ่งเป็นแค่ "หน้าจอเล็กๆ เหลี่ยมๆ ฝังไว้ในแว่น" ... แต่ล่าสุดโลกก็ได้ฮือฮากับโปรเจกท์ "Oculus Rift" แว่น VR ของมหาเนิร์ดชาวเกมเมอร์อย่าง Palmer Luckey หนุ่มผู้โชคดี (และหัวดี) สมชื่อสกุล ทำโปรเจกท์สร้างโลกเสมือนได้สมจริงในระดับที่โลกต้องทึ่ง ถึงขนาดที่ Mark Zuckerberg เจ้าของ Facebook (ซึ่งก็เนิร์ดไม่แพ้กัน) ทุ่มเงินระดับ 2,000 ล้านเหรียญ ซื้อกิจการ Oculus? เพื่อดันให้ Palmer Luckey สามารถทำฝันให้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนใส่กันเหมือนถุงเท้านักเรียนคาร์สันได้จริง :)
ผมได้แว่นใหม่ที่ Oculus? ถูกว่าจ้างให้พัฒนาเทคโนโลยีให้ นั่นก็คือ Samsung GearVR? โปรเจกท์สุดล้ำที่วางขายแล้วในอเมริกา ทาง Gadzbox.com ได้สอยเข้ามาในราชอาณาจักรไทยแล้วเพื่อเทสต์ ราคาเพียง 200 เหรียญเท่านั้น เหตุผลก็เพราะมันเป็นเพียงแค่ "กรอบแว่น" เราต้องซื้อ GalaxyNote4 มาสอดใส่เป็นจอแสดงผลอีกต่อหนึ่งถึงจะทำให้เราเข้าสู่โลก Virtual Reality ได้... ซึ่งทันทีที่สวมใส่เข้ากับดวงตาก็อ้าปากค้างทันที มันคือโลกเสมือนที่เราเกลือกตามองได้ 360 องศาจริงๆ หันซ้ายขวา-บนล่างไปทางไหนก็เห็นภาพจากมุมมองอื่นรอบตัวได้เหมือนชีวิตจริง กล่าวคือ "มันไม่มีกรอบของจอภาพสี่เหลี่ยม" มากำหนดมุมมองเราได้อีก ภาพที่ได้คือภาพเต็มตาด้วยฤทธิ์อำนาจของ "เลนส์นูน" ที่ดูดสายตาเราเข้าไปติดจอภาพ GalaxyNote4 สีสด (เสียวสายตาเสียเหมือนกันนะครับ SuperAMOLED แสดงผลสีสันได้ถึง 65 ล้านสี!!) เคล็ดลับของมันนอกจากเลนส์นูนคือการแสดงผลซอฟต์แวร์ออกเป็นภาพคล้ายกัน 2 ภาพแล้วใช้ "ความใกล้" บังคับลูกตาเราให้มองภาพ 2 ภาพนี้ "ซ้อนกัน" ..เมื่อภาพ 2 ภาพซ้อนกันแล้วเกิดอะไรขึ้นครับ? ยุคหนึ่งคุณคงจำโปสเตอร์กราฟฟิกจุดยึกยือๆ ที่แปะไว้หน้าร้านหนังสือล่อให้ "คนทำตาเหล่เป็น" มามองเห็น "ไดโนเสาร์ลอยได้" ที่ซ่อนอยู่ในภาพ ..นั่นแหละครับหลักการเดียวกันเลย! ไอ้เด็กเนิร์ดนั่นมันไม่ได้คิดอะไรใหม่เลยครับ แต่มันเผือกคิดออกว่าทำอย่างไรมนุษย์จึงจะหลุดเข้าสู่โลกเสมือนนี้ได้โดยสมบรูณ์ ..สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของเรื่องนี้คือ "การออกแบบซอฟต์แวร์ของ Oculus" นั่นเอง รูปแบบที่ถูกนำมาสื่อในโลกเสมือนทำให้ผมนึกถึง "ภาพของโลกโซเชียลในอนาคต" เลยครับ Oculus ทำแอพสถานที่ท่องเที่ยวแบบ 360 องศาให้เราสำรวจโลกรอบตัวได้ (แต่ยังเดินไม่ได้นะครับ) แอพโรงหนังก็ให้เราเห็นหนังบนจอผ้าใบสี่เหลี่ยมท่ามกลางบรรยากาศของโรงหนังจริงๆ หลากหลายดีไซน์ ยามเราหันไปข้างๆ นี่เจอเก้าอี้เต็มเลยครับ ..ทีนี้คุณลองจินตนาการตามผมนะ "แว่นนี้มันออนไลน์ได้ แล้ว Facebook ก็เป็นเจ้าของมัน แล้วไอ้ Facebook เนี่ยมันมีสมาชิกอยู่ 1,300 ล้านคนทั่วโลก วันหนึ่งประกาศบริการใหม่ว่า ใครใส่แว่น Oculus Rift เล่น Facebook ได้ ก็แปลว่า แอพท่องเที่ยว, แอพโรงหนัง, แอพเกม ฯลฯ ที่เคยมีเราเล่นอยู่เพียงผู้เดียว มันจะมี "ร่างอวตารของเพื่อนคนอื่นๆ เข้ามาอยู่ในโลกเสมือนนี้ด้วยไงครับ!!!" น่าขนลุกนะ และมันจะเป็นเช่นนั้นแน่นอน เพราะการลงทุน 2,000 ล้านเหรียญ หรือกว่า 6 หมื่นล้านบาท เข้าทุ่มซื้อกิจการครั้งนี้คงไม่เป็นเพียงแค่การสร้างเครื่องเล่นเกมแบบใหม่เท่านั้นเป็นแน่...
ผมทดสอบระบบ Oculus บนแว่นซัมซุง GearVR? อยู่นาน 30 นาที ผมเพลิดเพลินกับมันอย่างมาก ยิ้มแย้มรับกับภาพมหัศจรรย์บนใบหน้า ในสมองคิดถึงแต่โลกอนาคตอีกไม่ไกลที่คงจะมหัศจรรย์ไปกว่านี้ เมื่อ "ทุกๆคนออนไลน์พร้อมๆ กัน" พร้อมความกังวลเล็กๆ ว่า เมื่อโลกออนไลน์มันสมจริงขนาดนี้แล้ว "คนที่จะเสพติดโลกโซเชียลแบบแยกแยะไม่ออก" คงจะเกิดขึ้นอีกมากและเป็นปัญหาสังคมตามมา (คนเล่นเกมไล่ล่าแล้วอินจัดจนมาไล่ฆ่าคนคงมีให้เห็นอีกแน่!) ...ผมถอดแว่นนี้ออกท่ามกลางแสงไฟฉากสีเหลืองรายการ TheRevieWER ผมทรุดลงไปบนโต๊ะแทบจะทันที ภาพจากโลกจริงมันแทงเข้ามาในลูกตาที่เพิ่งผ่านการท่องโลกเสมือนไปไม่นาน ความรู้สึกไม่ต่างจาก "นีโอหลุดออกจากโลก Matrix" มอร์เฟียสคืออาจารย์ศุภเดชที่อยู่ด้านข้างถึงกับต้องถามว่า "ไหวไหมเพื่อน!?" ...
ผมทดสอบระบบ Oculus บนแว่นซัมซุง GearVR? อยู่นาน 30 นาที ผมเพลิดเพลินกับมันอย่างมาก ยิ้มแย้มรับกับภาพมหัศจรรย์บนใบหน้า ในสมองคิดถึงแต่โลกอนาคตอีกไม่ไกลที่คงจะมหัศจรรย์ไปกว่านี้ เมื่อ "ทุกๆคนออนไลน์พร้อมๆ กัน" พร้อมความกังวลเล็กๆ ว่า เมื่อโลกออนไลน์มันสมจริงขนาดนี้แล้ว "คนที่จะเสพติดโลกโซเชียลแบบแยกแยะไม่ออก" คงจะเกิดขึ้นอีกมากและเป็นปัญหาสังคมตามมา (คนเล่นเกมไล่ล่าแล้วอินจัดจนมาไล่ฆ่าคนคงมีให้เห็นอีกแน่!) ...ผมถอดแว่นนี้ออกท่ามกลางแสงไฟฉากสีเหลืองรายการ TheRevieWER ผมทรุดลงไปบนโต๊ะแทบจะทันที ภาพจากโลกจริงมันแทงเข้ามาในลูกตาที่เพิ่งผ่านการท่องโลกเสมือนไปไม่นาน ความรู้สึกไม่ต่างจาก "นีโอหลุดออกจากโลก Matrix" มอร์เฟียสคืออาจารย์ศุภเดชที่อยู่ด้านข้างถึงกับต้องถามว่า "ไหวไหมเพื่อน!?" ...
เรื่องแว่น VR นี่ไม่มีคำตอบอื่นให้อีกแล้ว นอกจากคำว่า "ต้องลองเอง" ครับ..
.......................................
(หมายเหตุ 'แว่น VR จุดเริ่มต้นของการทำคนเป็นโรคจิต' : คอลัมน์ หนุ่ยรู้โลกรู้ โดย... พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ )