
'Beauty and the Beast'The Original Broadway Musical Spectacu
27 ก.พ. 2558
'Beauty and the Beast' The Original Broadway Musical Spectacular : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม
ขออนุญาตเปลี่ยนบรรยากาศจากการแนะนำหนังมาชักชวนกันไปดูละครเวทีครับ Beauty and the Beast เปิดแสดงตั้งแต่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะเล่นกันไปจนถึง 15 มีนาคมนี้ ใครที่เคยดูในเวอร์ชั่นหนังแอนิเมชั่น เมื่อปี 2534 คงจำกันได้ว่าโฉมงามกับเจ้าชายอสูรสร้างปรากฏการณ์ให้โลกของหนังแอนิเมชั่นเอาไว้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นแอนิเมชั่นเรื่องแรก ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เป็นแอนิเมชั่นเรื่องแรกของดิสนีย์ที่สร้างในระบบ 3D Animation และยังเป็นแอนิเมชั่นเรื่องแรกของดิสนี่ย์ที่ถูกนำมาสร้างใหม่ในรูปแบบละครเวทีอีก 4 ปีต่อมา
จากเทพนิยายของฝรั่งเศสกับเรื่องราวที่ว่าของเจ้าชายผู้ต้องคำสาปกลายร่างเป็นอสูรร้ายหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ที่เฝ้ารอคอยรักแท้เพื่อแก้คำสาปกับสาวน้อยแสนสวยผู้รักการอ่าน ที่บุกเข้ามายังปราสาทต้องห้ามของเจ้าชายเพื่อช่วยพ่อที่พลัดหลงเข้ามาจากการหลบหนีการตามล่าของหมาป่า จนความดีงามของเธอกลายเป็นรักแท้แก้อาถรรพณ์คำสาปได้ในท้ายที่สุด
ความโดดเด่นของ Beauty and the Beast ฉบับละครเวที นอกจากเรื่องราวสนุกสนานและความรักโรแมนติกแสนประทับใจที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นแอนิเมชั่นต้นฉบับแล้ว ความตระการตาของรูปแบบการแสดงละครเพลง ทั้งฉาก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย แสง สี เสียง โดยเฉพาะความไพเราะของบทเพลงมากมายกว่า 20 เพลง ผ่านการขับขานของนักแสดงมากความสามารถ ส่งผลให้ "โฉมงามกับเจ้าชายอสูร" ฉบับละครเวที สมบูรณ์และได้อรรถรสที่แปลกต่างไปจากแอนิเมชั่นคลาสสิกที่เราเคยรู้จัก จึงไม่น่าแปลกใจที่ละครบรอดเวย์เรื่องนี้เปิดแสดงมายาวนาน จนถึงวาระครบรอบ 20 ปี ของการเปิดแสดงครั้งแรกในรูปแบละครเวทีปีนี้
หากเสน่ห์ของเทพนิยาย คือความมหัศจรรย์ที่กิดขึ้นจากการผจญภัยของตัวละคร โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ของคณะละครบรอดเวย์ก็พยายามรักษาเสน่ห์แห่งมายานั้นไว้ เราจึงได้เห็นการใช้เทคนิคแสง เสียง เข้ามาช่วยสร้างอรรถรสในการบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่วินาทีแรกที่เจ้าชายต้องคำสาปกลายเป็นอสูรร้าย จนวินาทีสุดท้ายที่กลับกลายคืนร่างเป็นมนุษย์พร้อมเหล่าคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ มีการใช้ศิลปะการแสดงของหุ่นชักเข้ามาช่วยเติมสีสัน ไม่ว่าจะเป็นฉากแปลงร่างเป็นแม่มดของหญิงชรา และฝูงหมาป่า ที่คอยไล่ทำร้ายมอริซ พ่อของเบลล์ สาวสวยผู้กุมหัวใจเจ้าชายอสูร ที่ทำให้เธอได้พบกับเขาในเวลาต่อมา
งานออกแบบลีลาและท่าเต้น เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของการแสดงชุดนี้ ฉากเล็กๆ บางฉากกลับน่าจดจำจากการท่วงท่าการเต้นรำที่สนุกสนาน ผ่านการออกแบบมาอย่างสวยงาม เป็นจังหวะจะโคนไล่ล้อไปกับเสียงเพลงอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นฉากในโรงเหล้ากับเพลง คาสต็อง (Gaston) ที่ว่าด้วยความสรวลเสเฮฮาในโรงเหล้าของพรานหนุ่มกับผองเพื่อน แก้วเบียร์ในมือแต่ละคน กลายเป็นส่วนหนึ่งของลีลาการเต้นรำ ที่ออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ มีทั้งความพร้อมเพรียงและสวยงามในท่วงท่า เช่นเดียวกับฉากในห้องรับแขกของปราสาทเจ้าชาย เมื่อเหล่าเครื่องครัว ของใช้ บ่าวไพร่ เตรียมการต้อนรับสาวน้อยเบลล์ ในฐานะแขกคนสำคัญของพวกเขา ผ่านเพลง Be Our Guest ถือเป็นความอลังการของโชว์แบบคาบาเร่ต์ ที่สวยงามทั้งท่วงท่าลีลาประกอบเพลง ฉากและแสงไฟมลังเมลือง ความงดงามตระการตาของเครื่องแต่งกาย และเสียงร้องที่ทรงพลังจากมวลหมู่นักแสดง ทำให้ฉากนี้ยิ่งใหญ่ตระการตาเหนือกว่าฉบับแอนิเมชั่นเสียด้วยซ้ำ รวมทั้งฉากฮิวแมน อะเกน (Human Again) เพลงที่เหล่าคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์เปล่งเสียงร้องด้วยความดีใจที่ความหวังในเป็นมนุษย์ กลับคืนมาอีกครั้งเป็นความอลังการของโชว์ร่วมสมัยแบบคาบาเร่ต์ที่นำมาผสมกลมกลืนในเรื่องเล่าเทพนิยายได้อย่างสวยงามลงตัว ที่สำคัญเป็นความสนุกสนานที่อดไม่ได้หากจะทำให้ผู้ชมกระทืบเท้าโยกตัวไปตามจังหวะเสียงเพลง
ด้วยเครดิตเจ้าของรางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมโทนี่อวอร์ดความงดงามของเสื้อผ้าตัวละครออกแบบโดยผสมผสานแฟชั่นยุควิคตอเรียนซึ่งถือเป็นศิลปะแนวโรแมนติกแต่ละชุดนั้นสวยงามอ่อนหวานเข้ากับเรื่องราวและบุคลิกตัวละครเป็นอย่างดี
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้โฉมงามกับเจ้าชายอสูรยังคงความคลาสสิกมาถึงปัจจุบันก็คือเพลงธีมเพราะๆ อย่าง Beauty and the Beast เพลงป๊อปบัลลาดที่เวอร์ชั่นละครเวทีครั้งนี้ ยังรักษาอรรถรสจากต้นฉบับของ อลัน เมนเคน และโฮเวิร์ด แอชแมน (ที่เสียชีวิตก่อนหน้าที่เวอร์ชั่นภาพยนตร์จะออกฉายเพียงไม่กี่เดือน) อย่างครบถ้วน และได้ฟังกันอย่างเต็มอิ่มถึง 2 ครั้ง 2 ครา ในสองอารมณ์ที่แตกต่างกันไป และยังมีเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่ซึ่งไม่เคยปรากฏอยู่ในเวอร์ชั่นหนังแอนิเมชั่น คือเพลง Home ที่ทั้งไพเราะและมีความหมายงดงาม เพลง Human Again ซึ่งเดิมทีฉากนี้ถูกตัดออกไปในหนังแอนิเมชั่นต้นฉบับ แต่เมื่อนำมาใส่อยู่ในละครบรอดเวย์และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ดิสนีย์จึงนำเพลงนี้กลับมาใส่ในหนังอีกครั้งในเวอร์ชั่นดีวีดีที่ทำออกจำหน่ายในปี 2545 และอีกหนึ่งเพลงที่เพราะมาก ซึ่งถูกเขียนขึ้นมาใหม่และนำไปใช้ในการแสดงตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา คือ ?A Change in Me ต่อมาถูกนำไปใส่ในอัลบั้มของนักร้องสาว โทนี่ แบร็กซ์ตัน และกลายเป็นเพลงแจ้งเกิดของเธอในเวลาต่อมาเลยทีเดียว
เป็น Beauty and the Beast ที่สนุกสนานและประทับใจสมบูรณ์แบบไม่แพ้แอนิเมชั่นต้นฉบับและเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปี ของละครเวทีที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
.......................................
(หมายเหตุ 'Beauty and the Beast' The Original Broadway Musical Spectacular : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)