
ผิงรับโกรธจัดตัดขาดไฮโซตั๋ม
13 ก.พ. 2558
"ผิง"ประกาศขอตัดขาดสถานะญาติกับ"ไฮโซตั๋ม"แจง"แม่"เป็นภรรยาคนที่สองของพ่ออย่างถูกต้องตามก.ม.ไม่ใช่ภรรยาน้อยยันพ่อไม่ได้ขู่ตัดนิ้วคู่กรณี
จากกรณีฟาดฟันกันผ่านวาทะในอินสตาแกรมของอดีตนักแสดงสาว "ผิง-พิมพ์พาภรณ์ ลีนุตพงษ์" กับ"ไฮโซตั๋ม-วิชชุดา" ซึ่งเป็นเครือญาติกันในตระกูล "ลีนุตพงษ์" โดยผิงออกมาโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม มีใจความส่วนหนึ่งว่า "ขอแจ้งนะคะ ว่าผู้หญิงคนนี้ ถึงจะเป็นญาติ ใช้นามสกุลร่วมกัน แต่ไม่เคยคุยกันแม้แต่ประโยคเดียว เอาง่ายๆ ว่า ไม่นับญาติด้วย" จากนั้นไฮโซคู่กรณีได้โพสต์ตอบโต้ สรุปใจความได้ว่า ครอบครัวของผิงเป็นเพียงลูกภรรยาน้อย และไม่ขอนับญาติเช่นเดียวกัน ทำเอาศึกสายเลือดครั้งนี้เดือด มีโอกาสเจอตัวขณะมาอัดรายการ "คนดังนั่งเคลียร์" ณ สตูดิโอช่อง 2 อาร์เอส สองถามได้ความดังนี้
"เรื่องเกิดจากว่า เมื่อทางโน้นมีข่าวเลิกกับผู้ชาย และมีเรื่องสินบนตำรวจอะไรเข้ามา ผิงโดนโทรศัพท์มาถามเยอะมากทั้งวันเลย ผิงรำคาญ เราเลยโพสต์ตัดรำคาญไปว่า เราจะไม่ยุ่งกับเขานะ แต่มันเลยกลายเป็นว่าเขาคงเดือด ทางเขาก็บอกว่าไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน ก็ดีแล้ว เพราะต่างฝ่ายต่างไม่อยากยุ่งจริงๆ ตอนเห็นข้อความ ถ้าเขาเขียนสั้นๆ แค่ไม่อยากยุ่งผิงจะโอเค เพราะเราคิดตรงกัน แต่มาบอกว่าคุณแม่เป็นเมียน้อย เป็นภรรยาคนที่ 2, 3, 4, 5 ของคุณพ่อ คือคุณแม่เป็นภรรยาคนที่สองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คำว่าเมียน้อยกับภรรยาคนที่สอง มันไม่เหมือนกัน คนไทยต้องใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องนะ (โกรธมั้ย) โกรธเพราะใครมาว่าแม่เรา ก็ต้องโกรธเพราะมันไม่ใช่ความจริง พูดอย่างนี้คุณพ่อก็เสียไปด้วย เหมือนเป็นผู้ชายเช้าชู้ มีหลายเมียพร้อมกัน หรือแอบแม่เราไปมี ท่านทั้งคู่เป็นคนที่มีหน้ามีตาทางสังคม ถามว่าเคลียร์กันหรือยัง คุณพ่อให้มาขอโทษตามที่ข่าวออกไป แต่เขาปฏิเสธที่จะมาขอโทษ ก็ไม่เป็นไร ตามนั้น" ผิงกล่าว
ถามต่อว่า ทางไฮโซตั๋ม ให้สัมภาษณ์ว่า พ่อของผิง ขู่ว่าถ้าไม่มาขอโทษจะตัดนิ้ว อดีตดาราสาวกล่าวว่า เป็นเพียงการเปรียบเปรย
"ไม่ใช่หนังจีนกำลังภายในนะ (หัวเราะ) ต้องอธิบายว่า ตอนคุณพ่อพูด อารมณ์เหมือนตอนผู้ใหญ่ดุเด็กมากว่า เดี๋ยวตีตายเลย แต่เอาจริงๆ ไม่มีใครตีใครตายหรอก ที่คุณพ่อใช้คำว่านิ้ว เพราะนิ้วเป็นสิ่งที่เขาใช้พิมพ์ในเรื่องหยาบคายและไม่ถูกต้อง พ่อใช้คำนี้ เพื่อให้เขาเข้าใจว่าคุณกำลังใช้นิ้วในทางที่ผิดอยู่นะ เหมือนลุงดุหลาน ถ้าเผื่อเขาจะแปลเป็นอย่างอื่น เราคิดว่าคงไม่คุยด้วยแล้ว ใครจะเอามืดอีโต้เดินไปที่บ้าน พอเถอะเพลีย เหนื่อย ตอนนี้ถือว่าต่างคนต่างอยู่ เพราะหลังจากเกิดเรื่อง เขาไม่เคยมาขอโทษคุณพ่อคุณแม่เลย คุณพ่อแค่งงว่าเขาสอนกันมายังไง ถามว่าจะฟ้องร้องมั้ย จริงๆ ทนายอยากให้ดำเนินคดี ก็ปล่อยไปตามขั้นตอน เพราะเราไม่ได้รีบมาก ได้คุยกับทนาย แต่ยังไม่ได้ตั้งข้อหา ซึ่งทนายส่งมาให้ดูว่ามีอะไรบ้าง คิดดูก่อนว่าเพลียไม่เพลีย เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้ต้องการคำขอโทษ เพราะมันคงไม่จริงใจแล้ว" ผิงกล่าวทิ้งท้าย