บันเทิง

ศึกเดือด!!ธุรกิจโฆษณากติกา‘ข้อห้าม’ของพรีเซ็นเตอร์

ศึกเดือด!!ธุรกิจโฆษณากติกา‘ข้อห้าม’ของพรีเซ็นเตอร์

12 ก.พ. 2558

ศึกเดือด!!ธุรกิจโฆษณา กติกา‘ข้อห้าม’ของพรีเซ็นเตอร์

               เป็นยุคที่เหล่าซูเปอร์สตาร์โกยรายได้จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา ซึ่งรายได้จากตรงนี้ ถือว่าเป็นรายได้จำนวนมหาศาลเลยก็ว่าได้ แต่ข้อกำหนดในการได้รายได้นี้มา ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะแยะมากมาย อย่างที่รู้กันดีว่าการแข่งขันในเรื่องธุรกิจในยุคนี้ เป็นอะไรที่เข้มข้นดุเดือดเลือดพล่านเหลือเกิน

               ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีที่เกือบจะถึงขั้นการฟ้องร้องกัน ระหว่างโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ "เชอร์รี่ โมบาย" ที่เลือก "มิน" พีชญา วัฒนามนตรี เป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ในละครเรื่อง "ล่ารักสุดขอบฟ้า" ทางช่อง 7โทรศัพท์ที่สาวมินใช้เข้าฉากกลับเป็นโทรศัพท์ยี่ห้ออื่น ทำให้ "เชอร์รี่ โมบาย" เกิดความไม่พอใจ เลยเตรียมฟ้องร้องเรียกเงินกว่า 10 ล้านบาท ในฐานผิดสัญญา เนื่องจากมินในฐานะพรีเซ็นเตอร์ กับโปรโมทโทรศัพท์อื่นออกสื่อ แต่เรื่องนี้ก็จบลงด้วยดี หลังจากเคลียร์กันลงตัว

               ทว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นอุทาหรณ์ในเรื่องนี้คือ เรื่องของสัญญาที่ทางพรีเซ็นเตอร์ต้องตกลงกับเจ้าของสินค้า ซึ่งในสัญญาพื้นฐาน จะมีเรื่องของการที่นักแสดง ศิลปินที่รับพรีเซ็นเตอร์สินค้านั้นแล้ว ห้ามใช้สินค้าประเภทเดียวกัน  ออกสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะสิ่งพิมพ์หรือในทีวี และอีกหนึ่งข้อคือ ศิลปิน ดารา ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ห้ามเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าอื่นที่อยู่ในประเภทใกล้เคียงกัน ระยะเวลาแล้วแต่จะระบุในสัญญาที่ตกลงกัน นี่เป็นแค่ข้อสัญญาคร่าวๆ เพราะยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมาย

               นอกจากนี้ในชีวิตประจำวันจะเห็นว่าเหล่าศิลปิน ดารา เมื่อเวลาจะดื่มน้ำก็จะมีการนำฉลากของสินค้าออกโดยอัตโนมัติ เพื่อความสบายใจกับตัวเองและตัวเจ้าของสินค้า เพื่อป้องกันในกรณีที่อาจจะมีคนเผลอถ่ายรูปแล้วนำไปออกสื่อ แต่อย่างกรณีของสินค้าที่ใช้อย่างเช่นรถ หรือโทรศัพท์ ทางผู้จัดการดารา หรือตัวดารา หากติดในเรื่องของพรีเซ็นเตอร์ ก็จะไม่อนุญาตให้มีการถ่ายรูปสินค้าที่ใช้ที่ไม่ตรงกับพรีเซ็นเตอร์ที่ตัวเองรับไว้ เพื่อไม่ให้ออกสื่อ เพราะหากมีการผิดสัญญาตามที่ตกลงกัน อาจจะไม่มีการฟ้องร้อง แต่ก็จะเป็นการถอดพรีเซ็นเตอร์ และต้องจ่ายค่าเสียหายตามที่ตกลงกันในสัญญา ซึ่งก็นี้มีอยู่หลายกรณี
 
               โดย "ปิ๊ก" ฌาณฉลาด ทวีทรัพย์ ผู้จัดการส่วนตัวของ "เจมส์" จิรายุ ตั้งศรีสุข หนึ่งในเจ้าพ่อพรีเซ็นเตอร์คนหนึ่งของเมืองไทย ได้กล่าวถึงเรื่องการรับงานพรีเซ็นเตอร์ว่า "จริงๆ โฆษณาของเจมส์อาจดูเหมือนเยอะ คงเป็นเพราะเขาซื้อมีเดียเยอะ แต่จริงๆ แล้ว เจมส์ เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าน้อยมาก ทุกวันนี้มีแค่เอไอเอส โตโยต้า ยูนิโคล่ และเมืองไทยประกันชีวิตเท่านั้น แล้วบังเอิญว่าละครที่เจมส์ถ่ายจะเป็นละครพีเรียดซะส่วนใหญ่ เลยไม่มีปัญหา อย่างตอนนี้มีเรื่องหนึ่งในทรวง และปดิวรัดา ก็เป็นละครย้อนยุค ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีอะไรที่เจมส์เป็นพรีเซ็นเตอร์เลย เราก็เลยไม่เคยประสบปัญหาเรื่องจับสินค้าเวลาเข้าฉาก แต่ทางสถานีก็มีการคุยเรื่องนี้มาโดยตลอดว่าจะมีวิธีแก้ปัญหาหรือมีทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

               ถ้าหากวันหนึ่งเจมส์ต้องไปแสดงละครร่วมสมัย เราก็จะต้องมีการแจ้งกับผู้จัดว่าเราเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าอะไรบ้าง หากบทที่เจมส์เล่นจำเป็นต้องขับรถเราก็ต้องให้เขาขับรถที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เว้นแต่ว่าสินค้าตัวนั้นมันไม่มีจริงๆ ก็คงต้องอลุ่มอะล่วยกัน ต้องมีการพูดคุยเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับทั้ง 2 ฝ่าย แต่จริงๆ แล้วที่กองละครเขาก็จะทราบเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนะ ซึ่งเขาจะเป๊ะมาก สมมุติเราเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องดื่มเขาก็จะเตรียมให้เลยเวลาเข้าฉาก ส่วนเวลาทั่วๆ ไปเราก็จะมีระวังบ้าง แต่เท่าที่ผ่านมาคนอื่นจะทำให้หมด ขนาดน้ำดื่มเขายังเอาฉลากเครื่องดื่มออกให้เลย" ปิ๊กกล่าวแจง
 
               ขณะที่ "เอ" ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้จัดการชื่อดังของ "อั้ม" พัชราภา ไชยเชื้อ และ ณเดชน์ คูกิมิยะ เคยบอกถึงการรับงานพรีเซ็นเตอร์ว่า ในส่วนตัวของ ณเดชน์ หากจะรับงานพรีเซ็นเตอร์จะเลือกพรีเซ็นเตอร์ที่เขาสามารถใช้จริง และจะไม่รับพรีเซ็นเตอร์ ที่ซ้ำซ้อนในตัวสินค้ามีลักษณะคล้ายๆ กัน รวมถึงการพูดคุยกันในเรื่องของรายละเอียดในข้อสัญญาจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่แฮปปี้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย