
เล่นหูเล่นตา:'บุรีรัมย์หนาวมาก(1)'
26 ม.ค. 2558
'บุรีรัมย์หนาวมาก (1)' : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม
“พี่ครับ ตั๋วเขาเขียนว่าเครื่องออก 5 โมง 45 ครับ”
อ้าว … เอาดีๆ ค่ะ คุณตำรวจ! ไฟล์ทที่จองไว้ขากลับไปสนามบินดอนเมืองมัน 4 โมง 25 (16.25 น.) นี่คะคุณ แต่ก็นะ ค่าโดยสารเครื่องบินราคาประหยัด จะเลื่อนจะเลท จะยกเลิกมันก็ต้องทำใจ ถ้าอยากจะเอาแต่ใจต้องกล้าจ่ายแพงๆ จะได้สมความปรารถนาโดยไม่ต้องภาวนา อธิษฐาน หรือบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอแค่อย่างเดียว … “เงินน่ะมีมั้ย?” ฉันไม่ใช่คนดีมาจากไหนแต่ก็ไม่ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะยังมีอะไรรอยู่ข้างหน้าให้ทำต่ออีกมากมาย ถ้าต้องมาราคาประหยัด จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ฉันจะเผื่อเวลาล่วงหน้าไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงกันคลาดเคลื่อน จะได้ไม่ต้องมาโทษโน่นโทษนี่ เพราะคิดไม่รอบคอบ บอกแล้วว่า … “รู้อะไรไม่สู้รู้งี้!”
เมื่อวานเวลา 15.30 น. สายการบินราคาสบายกระเป๋าพาพวกเรา ทาเคชิแบนด์ สีเกด กีต้าร์ (ลูกทีมของฉัน) มาถึงบุรีรัมย์โดยสวัสดิภาพ แม้จะกระหืดกระหอบและขลุกขลักอยู่บ้างก็ตามที … รู้กันดีว่า สนามบินดอนเมืองนั้นมีที่จอดรถน้อยและไกลห่างจากตัวอาคารที่พวกเราต้องขึ้นเครื่อง ก็ถือเสียว่าได้เดินออกกำลังกาย และลุ้นว่าวันนี้เป็นวันของเรารึเปล่าตอนหาที่จอดรถที่หายากเสียยิ่งกว่าหาผัว!
“ประกาศครั้งสุดท้ายจากสายการบิน … ไฟล์ท … ขอเรียนเชิญผู้โดยสารที่มีรายนามดังต่อไปนี้ … กรุณาขึ้นเครื่องด่วนที่ประตูทางออกหมายเลข 74”
ถ้าจะให้จริงใจกว่านี้จะลงท้ายด้วยคำว่า “อีห่าน!!”(ผู้โดยสารเขารอพวกเมิงอยู่ทั้งลำ) แต่สีเกดยังเดินนวยนาดฟาดเฟรนซ์ฟรายด์กับกาแฟแก้วโตอย่างชิลๆ ส่วนฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งจนหัวเข่าดังกรอบแกรบ สุดท้ายได้ขึ้นเครื่องลำเล็กน่ารักมีแอร์โฮสเตสหน้าตาจิ้มลิ้มคอยต้อนรับบนเครื่อง นางสาธิตวิธีการสวมเสื้อชูชีพ ซึ่งวัยขนาดฉันเชิดใส่เพราะฉันพกห่วงยางชูชีพมาเอง ไม่ต้องสวมทับซับซ้อน และด้วยวัยปูนนี้ ความตายไม่ได้น่ากลัวเท่าความเหี่ยวของเหนียงใต้แขนใต้คอเสียด้วยซ้ำ! ประเดี๋ยวพวกนางก็เข็นของชำร่วย เอ๊ย! ของที่ระลึกมาให้ผู้โดยสารเลือกซื้อ ฉันนึกเห็นใจน้องนางฟ้าที่ปฏิบัติภารกิจเอฟรี่ติงจิงเกอร์เบลกันขนาดนี้ นางทำหลายหน้าที่เหลือเกิน เป็นทั้งพนักงานต้อนรับ เป็นพนักงานเสิร์ฟ แล้วนี่ยังต้องเป็นแม่ค้าเข็นกิ๊ฟช็อปขายอีก หลุดจากตรงนี้นางไปประกอบได้อีกหลายอาชีพ เพราะผ่านงานหลายอย่างบนเครื่องแล้ว
“อย่าดันหลัง … อย่าดันหลัง”
สีเกดหันไปทำเสียงเขียวใส่ เกมส์ มือกีต้าร์น้องเล็กของเรา
“พูดแบบนี้ บรรยากาศเหมือนอยู่บนแท็กซี่ … โชเฟอร์ชอบพูดว่า “อย่าดันหลัง” เวลาที่ผู้โดยสารเหยียดขาไปข้างหน้า พี่แกจะเหยียบคันเร่งใส่เพราะรำคาญ”
อันนี้ก็ต้องเข้าใจเขาอีกนะคุณ เครื่องมันลำเล็ก ผู้ชายเขาก็ขายาว ส่วนพวกเราก็แน่นทั้งพุงทั้งนม จะให้แขม่วก็กลัวจะตะคริวแดรกขาดใจตายก่อนเครื่องจะลงมั้ยคะคุณ!
เสียงพวกเราคุยกันจ๊อกแจ๊กเป็นนกกระจอกแตกรังแข่งกับเสียงเครื่องและใบพัดที่ดังหึ่งๆ ใส่ตลอดเวลา วันนี้มีพี่อีกคนมาทำหน้าที่แทนพี่โรจน์ ช่างคุมระบบเสียงประจำวง แกเล่าเรื่องส่วนตัวที่ฟังดูซีเรียส แต่พวกเราขำกัน เพราะดันถูกเมียจับได้ว่าไปมีกิ๊ก เมียแกโกรธ แกเลยหนีปัญหาด้วยการเป็นนกขมิ้นออกจากบ้านในช่วงนี้
“ทำอีท่าไหน เขาถึงจับได้ล่ะพี่” ฉันถาม
แกยื่นข้อความในไลน์ให้ดูแทนคำตอบ หลายข้อความที่พออ่านจบก็จะเข้าใจเรื่องทั้งหมด เริ่มจากที่เมียแกแอบเช็กโทรศัพท์ตอนแกหลับ คุ้นๆ มั้ยคะคุณ ฉันว่าผู้หญิง 70% ต้องเคยผ่านประสบการณ์การทำตัวเป็นนักสืบสอดแนมผัวจากมือถือ จับได้จะโวยวายเอาเรื่องหรือทำไม่รู้ไม่ชี้ ก็ขึ้นอยู่กับความอดทนของคนเป็นเมีย
เมีย : มีอะไรมิทราบคะ เห็นติดต่อกับสามีพี่ (นางใช้เครื่องของผัวส่งไลน์ไปหากิ๊ก)
กิ๊ก : เมื่อไหร่
นานมาแล้วนะ
ก่อนปีใหม่ด้วยซ้ำ
เข้าใจอะไรผิดป่าว ผิดคนแล้วมั้ยคะ
ทำไมมาเกิดอาการหึงหวงอะไรเอาป่านนี้ เฮ้อ … ชีวิต
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่าได้จองเวรซึ่งกันและกันเลย
ปล่อยวางบ้าง … ชีวิตจะได้มีความสุข
เฮ้อ! คนสมัยนี้ ช่างขาดจิตสำนึกด้านดีอย่างแรง ขาดหิริโอตัปปะอย่างที่สุด ลักกินขโมยกิน แทนที่จะรู้สึกอาย รู้สึกบาป เวลาที่เจ้าของตัวจริงเขามาเอาเรื่อง มันต้องเจียมเนื้อเจียมตัวมั้ยคะคุณ? ยังจะต่อล้อต่อเถียงอีกอีนี่!
คนเป็นเมียที่ยังอยากเป็นเมียก็ต้องทำใจ ปิดตาข้างเดียว เพื่อตัดปัญหาเรื่องจุกจิกกวนใจ คนเราจะอยู่ด้วยกันได้มันต้องรู้จักมองข้ามเรื่องบางเรื่องไป ถ้าจะรักต้องรู้จักให้อภัย (ซึ่งไม่ใช่ฉันแหงๆ!) ที่สำคัญต้องมีศีลเสมอกัน มีความดีความชั่วในตัวที่ใกล้เคียงกัน (ทำเป็นรู้ดี! อาศัยจากคู่ของพ่อแม่และคนที่เขาอยู่กันจนแก่ตาย) ไม่เช่นนั้นคงต้องตัวใครตัวมันอย่างที่ฉันเป็น จะว่าไปแล้วการอยู่เป็นโสดแม้จะไม่มีใครคอยร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่เคียงข้าง แต่มันก็ดีตรงที่ผิดเองถูกเอง รับผิดชอบเฉพาะชีวิตของตัวเองคนเดียวไม่ต้องคอยห่วงความรู้สึกคนข้างๆ หน้าจะเหี่ยว น้ำหนักจะขึ้น พุงจะยื่น นมจะยานถึงเอว ก็ไม่มีใครมาคอยตำหนิติเตียนหรือพูดจาอะไรให้ระคายหู … จะอ้วน จะแก่ ก็ไม่หนักหัวผัวใคร! ไม่มีผัวให้ปวดหัว ก็อาศัยฟังเรื่องชาวบ้านแล้วปวดหัวหนึบ ก่อนเครื่องจะกางล้อลงจอดที่สนามบินบุรีรัมย์ … รถตู้ของผู้จัดงานมารับฉัน สีเกด และทาเคชิทั้งวงไปส่งถึงโรงแรมอมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด … พวกเราร้องอู้ฮูเวลาที่รถแล่นผ่านสนามฟุตบอลยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง เป็นเกียรติเป็นศรีแก่จังหวัด ใกล้ๆ กันมีสนามแข่งรถให้ลองสมรรถนะรถใหม่ๆ ที่พากันมาเปิดตัวกับลูกค้าที่นี่ … เห็นความยิ่งใหญ่ของสนามแล้วอยากมีผัวเป็นนักเตะฟุตบอลค่าตัวหลายสิบล้าน แต่รู้ตัวว่าคนอย่างฉันแทนที่ผัวจะเตะฟุตบอล อาจจะหันมาเตะฉันแทนได้!
โปรดติดตามตอนต่อไป
.......................................
(หมายเหตุ 'บุรีรัมย์หนาวมาก (1)' : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม)