บันเทิง

'บางระจัน ตอนที่ 18'

'บางระจัน ตอนที่ 18'

26 ม.ค. 2558

'บางระจัน ตอนที่ 18'

'บางระจัน ตอนที่ 18
 
ทัพมองใจด้วยสายตาสังเกต
"ดอกรักมันพูดถึงแต่ชื่อเอ็ง ว่าเป็นพวกสอดแนมอังวะ"
"ดอกรักไม่ชอบหน้าฉันเพราะเรื่องสไบอยู่แล้ว"  
"แล้วทุกครั้งที่พวกข้าออกไปรบ เอ็งอยู่กับใคร"
สังข์ถามคาดคั้น หวังว่าใจจะตอบไม่ได้ 
"ฉันอยู่กับสไบ"
ใจตอบเสียงหนักแน่น
บนเรือนดอกรัก สไบร้องห้ามเจิดที่ปิดหน้าอำพรางตัว
"อย่า อย่าทำพี่ดอกรัก"
เจิดไม่สน เดินตรงเข้าหาดอกรัก สไบวิ่งพุ่งฝ่าควันเข้าไป แฟงสำลักควัน มองตกใจ สไบกอดกลางตัวเจิดไว้ เจิดจิกหัวสไบหน้าหงาย สไบมองแววตาที่จ้องมาแล้วสะดุดใจ 
"พี่เจิด"
เจิดตกใจที่สไบเรียกชื่อ เหวี่ยงสไบกระแทกฝาเรือน แล้วรีบพุ่งไปทางดอกรัก ดึงมีดสั้นออกมา    ดอกรักลืมตาขึ้นมา เห็นเจิดกำลังจะจ้วงแทง ดอกรักคว้ามือเจิดไว้ก่อนมีดจะแทงลงที่อกตัวเอง
แฟงชักมีด วิ่งฝ่าควันเข้าไป จ้วงแทงไหล่เจิด เจิดร้อง ดอกรักพยายามดันมีดขึ้น แต่เจิดกัดฟัน แฟงจะแทงเจิดซ้ำ เจิดทุ่มแรงทั้งหมดกระแทกมีดลงปักกลางอกดอกรัก ดอกรักสะดุ้งทั้งร่างด้วยความเจ็บ จ้องตาเจิด
"มึง ไอ้เจิด"
เจิดบิดมีดกระชากออก เลือดทะลักกลางอกดอกรัก แฟงพุ่งเข้าหา เจิดหันมาเตะแฟงกระเด็นไปสุดเรือนอีกด้าน สไบเห็นดอกรักสำลักเลือด เจิดเดินเข้าหาสไบ กระชากหัว จะจ้วงแทงสไบ
เอิบ ช่วง กำลังทำความสะอาดไก่ชนอยู่ ช่วงหันไปเห็นแสงเพลิงบ้านดอกรัก ชาวบ้านวิ่งสวนเข้ามา ตะโกนต่อๆ กัน 
"ไฟไหม้ ไฟไหม้เรือนดอกรัก ไฟไหม้ ไฟไหม้"
เอิบ ช่วงรีบวางไก่ใส่สุ่ม แล้ววิ่งไปที่เรือนดอกรักทันที
ดอกรักเห็นสไบกำลังจะถูกแทง ก็กระเสือกระสนเข้าไปจับขาเจิดไว้ เจิดหันมา ดอกรักกระชากขาเจิด เจิดจ้วงแทงลงกลางหลังดอกรักอีกแผล
"พี่ดอกรัก" สไบลุกขึ้น เจิดหันมาบีบคอสไบ แฟงกัดฟันฝืนเจ็บ กำมีดในมือ
ที่ลานซ้อมรบ ทัพได้ยินเสียงชาวบ้านตะโกนต่อๆ กันมา
"ไฟไหม้ ไฟไหม้เรือนไอ้ดอกรักที่ท้ายค่าย"   
ทุกคนตกใจ ใจอุทานขึ้นก่อน "สไบ"
ใจหันหลังวิ่งไปทันที ทัพ สังข์ ขาบวิ่งตามไป
แฟงถือมีดวิ่งพุ่งเข้ามาแทงไหล่อีกข้างของเจิด เจิดสะดุ้ง แฟงฟันลงกลางหลัง เจิดมือหลุดจากสไบ สไบรีบเข้าไปกอดร่างดอกรัก ช้อนหัวเงยขึ้น ดอกรักสำลักเลือด เจิดหันมาจะแทงสไบ เอิบ ช่วงโผล่มา เจิดเห็นเอิบกับช่วงก็ตัดสินใจกระโดดหนีออกไปทันที เอิบไล่ตามไป ช่วงเข้ามาดูแฟง  
"ฉันไม่เป็นไรจ้ะ พี่ช่วง"
สไบกอดดอกรัก สะอื้นทั้งน้ำตา "แต่พี่ดอกรัก"
"ออกไปก่อน ออกไปเดี๋ยวนี้"
ช่วงแบกดอกรักขึ้น แฟงรีบคว้ามือสไบออกจากกระท่อมที่กำลังลุกติดไฟ เจิดวิ่งหนี เอิบไล่ตามหลัง
"หยุดนะ มึง หยุด"
ฟักกับเคลิ้มวิ่งมาจากอีกด้าน เห็นเจิดปิดหน้า วิ่งผ่านหน้าไป
"จับมัน ไอ้ฟัก พี่เคลิ้ม จับมันไว้"
ฟักกับเคลิ้มวิ่งตามไล่เจิดไปกับเอิบทันที  
ช่วงแบกดอกรักออกมา ใจ ทัพ สังข์ ขาบ วิ่งมาจากอีกด้าน ชาวบ้านรีบสาดน้ำช่วยดับไฟ ช่วงวางดอกรักลง ดอกรักสำลักเลือดออกมา สไบช้อนหัวพี่ชายนอนไว้ในตัก
"พี่ดอกรัก"
เฟื่อง จวง กับชาวบ้านวิ่งมา ขาบ สังข์ เห็นดอกรักแล้วตกใจ
"ใครทำเอ็งดอกรัก บอกซิ ใครทำ" ขาบถามแค้นใจ
ใจหน้าเครียด ดอกรักสำลักเลือดออกมา สไบกำมือดอกรัก ดอกรักมองทอดสายตาไปที่สไบ 
"ระวังตัวนะ สไบ"
ดอกรักพูดได้แค่นั้น ก็สะดุ้งเฮือก หมดลมลงในตักสไบ สไบปล่อยโฮด้วยความเสียใจ แฟงน้ำตาไหล ทัพขยับมาใกล้แฟง ลูบหัวแฟงเบาๆ ปลอบใจ ทุกคนสลด เสียใจ สไบพูดทั้งน้ำตา
"ไอ้พวกสอดแนมอังวะ มันเข้ามาฆ่าพี่ดอกรัก" 
ใจมองนิ่ง พยายามไม่แสดงอะไรออกมา 
"ฉัน ฉันจะขอล้างแค้น มัน ฉันจะขอแก้แค้นให้พี่ดอกรัก คนที่มันฆ่าพี่ดอกรัก มันจะต้องไม่ตายดี"   
ใจตัวชา แต่พยายามเก็บอาการ
"ถ้ามันไม่ตายด้วยคมดาบนักรบบ้านระจัน มันก็ต้องตายด้วยมือฉัน"  
สไบน้ำตาไหล ทุกคนมองสงสาร ใจนั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปใกล้ ได้แต่มองสไบกอดศพดอกรักร้องไห้ 
เจิดวิ่งหนีมา เอิบ ฟัก หมู่เคลิ้มตามไล่หลัง เจิดวิ่งมาสุดที่ริมคลอง หันไปมองหาทางหนี ฟักพุ่งถีบ เจิดกระเด็น ฟักตามมาเตะ เจิดเจ็บแผล ยังลุกไม่ขึ้น ฟักตามไปชก จนเจิดลุกไม่ขึ้น เคลิ้มกับเอิบคุมเชิง แต่ไม่เข้ารุม
"เปิดหน้ามัน ไอ้ฟัก มันเป็นพวกอังวะ"
ฟักกระชากเจิดขึ้นมา จะดึงผ้าโพกหัวออก เจิดไม่ยอม เอาหัวโขก ฟักหงาย เคลิ้มจะเข้ามา เจิดกัดฟันเตะเคลิ้ม เคลิ้มไม่ยอม เข้าล็อคคอ จะกระชากผ้าออกให้ได้ เจิดล้วงมีดเสือกเข้าข้างหลัง  หวังให้โดนเคลิ้ม แต่เคลิ้มผละมือ หลบทัน เจิดวิ่ง ฟักกับเอิบเข้าขวาง เจิดโดนล้อมไว้สามทาง   
"กูขอดูหน้ามึงหน่อย ไอ้สันดานชั่ว"
ฟักเข้าไป เจิดจะจ้วงแทงฟัก แต่ฟักไวกว่า ล็อคข้อมือเจิด มีดหล่นลงพื้น เจิดใช้ศอกอีกข้างฟันฟัก ฟักถอย เคลิ้มโดดเตะ เจิดล้มคว่ำลงที่ตอไม้แห้งแหลม แทงเข้าร่างเจิด ทุกคนตกใจ เจิดกัดฟันกระชากร่างออก เลือดทะลักออกจากท้อง สามคนเข้ามา จะกระชากผ้า เจิดตัดสินใจ พุ่งลงน้ำ สามคนมองชะงัก  
"ไม่รอดหรอก มึง"
เอิบโดดลงตามไปทันที ฟักกับเคลิ้มมองอยู่ริมฝั่งด้วยสายตาลุ้นระทึก
สไบมองศพดอกรักที่วางอยู่หน้าเรือนที่ถูกเผาไหม้ไปบางส่วน ร่างดอกรักเลอะคราบเลือดวางอยู่บนเสื่อเก่าๆ แฟง เฟื่อง จวง อยู่ข้างสไบ ทุกคนมองดอกรักด้วยความสงสาร สไบยังสะอื้น เฟื่องโอบสไบไว้
"หักอกหักใจบ้าง สไบ ถ้าดอกรักรู้ว่าสไบเป็นทุกข์ ดอกรักจะยิ่งเป็นห่วง"
"พี่ดอกรักเตือนฉันแล้ว ฉันไม่ดีเองที่ไม่เคยเชื่อเลย" 
"สไบเห็นหน้ามันมั้ย"
สไบแว่บคิด ที่เห็นแววตาเจิด
"คุ้นมั้ยว่ามันเป็นใคร"
"ฉันไม่แน่ใจ"   
"ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันฝากแผลไว้ที่หลังมัน พวกพี่ทัพก็กำลังล่าตัวมัน ไอ้พวกสอดแนมอังวะคนนี้ มันไม่มีทางรอดไปได้"   
แฟงเจ็บใจ สไบนั่งนิ่งตาลุกวาว
ทัพ สังข์ ขาบวิ่งมา เห็นฟักกับเคลิ้มมองรอเอิบอยู่   
"เห็นหน้ามันมั้ย"
"ยังพี่ มันเจ็บ ตกน้ำไป ไอ้เอิบกำลังงมศพมัน"
เอิบดำหาเจิดอยู่ใต้น้ำว้าวุ่น แล้วทะลึ่งขึ้นน้ำมา บอกว่าหาเจิดไม่เจอ ทัพ สังข์ ขาบ ฟัก เคลิ้มวิ่งลงน้ำไปค้นหาอย่างรวดเร็ว 
ในวิหาร พระธรรมโชติ นั่งสมาธิสงบนิ่งอยู่ที่หน้าบาตร เหมือนเพ่งเห็นอะไรบางอย่างในฌานของท่าน
ใจหลบออกมาจากค่าย วิ่งลัดเลาะมาในป่า ร่างตะคุ่มๆ ในความมืด ใจกำมีดสั้นที่พกมาไว้ระวังตัว พอใกล้เข้าไป ก็เห็นจาดยืนตระหง่านอยู่    
"สยา" จาดขยับตัว ใจเห็นเจิดนอนอยู่บนพื้น ทหารอังวะสองคนกำลังห้ามเลือด พันแผลที่ท้อง
"อูทินลิน"   
"อูทินลิน มันส่งนกไปบอกข้าว่าคืนนี้มันจะลงมือแทนเอ็ง ให้ข้ามารอที่นี่ นึกว่าอูทินลินจะล่อพวกบ้านระจันมาให้ข้าฟันคอพวกมัน แต่ไม่นึกเลยว่าข้าจะมาเจอสภาพอูทินลินที่ใกล้ตาย"
"ข้าเตือนอูทินลินแล้วว่าอย่าเพิ่งลงมือ"
จาดฟังแล้วตบหน้าใจอย่างแรง  
"มองไว้ อองนาย ความใจอ่อนของแกฆ่าเพื่อน" 
"ไม่ใช่ข้าจะไม่ทำนะ สยา"  
"ไม่ต้องแก้ตัว"
"ข้าไม่ได้แก้ตัว ข้ารู้หน้าที่ ข้าคือทหารอังวะ ข้าต้องทำทุกอย่างเพื่อให้กองทัพของเราชนะพวกโยเดียให้ได้"  
"แต่แกไม่ทำ มีโอกาสตั้งกี่ครั้งตอนอยู่ในค่าย แกก็ไม่ทำ เพราะแกห่วงผู้หญิง หรือใจแกเป็นพวกโยเดียไปแล้ว"
"ไม่ สยา ข้าคืออังวะ"
"ข้า อยากจะให้คนที่นอนเจียนตายตรงนี้คือแก ไม่ใช่อูทินลิน"  
ใจกำมือแน่นด้วยความกดดัน
"มองไว้ อองนาย นี่คือผลของความใจอ่อนของแก ชีวิตอูทินลิน เพื่อนคนเดียวของแกกำลังจะตาย ไป รีบเอาตัวกลับค่าย"
ทหารอังวะ 2 คนรีบแบกเจิดออกไป จาดมองใจ  
"ถ้าแกยอมแลกเพื่อน ยอมแลกหน้าที่เพราะผู้หญิงโยเดียคนเดียว ก็แปลว่าแกไม่ใช่คนอังวะอีกต่อไป แกกับข้าขาดกัน เจอในสนามรบคราวหน้าข้าจะขอฟันคอแกด้วยมือของข้าเอง"
จาดจ้องใจ แล้วหันหลังเดินหายไปในความมืด ใจเครียด เสียงฝีเท้าข้างหลังวิ่งมา ใจได้ยินก็หันขวับ
ทัพวิ่งนำทุกคนมาอย่างเร็ว เนื้อตัวเปียกปอน มองไปในน้ำ
"ศพมันต้องลอยมาถึงนี่"
ขาบมองบนพื้นที่ห่างออกไป
"รอยเลือด" ทุกคนวิ่งมาดู 
"มีคนช่วยมันไว้"
ทัพบอก ขาบมองสังเกตบนพื้น มีรอยหักของกิ่งไม้ ใบไม้
"มันเดินไปทางนี้"
"จากรอยเท้านี่ มันมากันหลายคนเลยนะ แสดงว่ามันต้องนัดกันมาเจอตรงนี้ มันถึงมาช่วยกันทัน พวกมันรู้ทางหนีทีไล่อย่างดี" สังข์ลำดับเหตุการณ์  
"ตามมันไปเลยซิ" 
เคลิ้มแค้น แต่ทัพห้ามไว้
"ตามไปกลางดึกอย่างนี้ เราอาจจะโดนหลอกเข้าไปติดกับดักพวกมันได้"
"ข้าว่าในค่ายเรา ไม่ได้มีพวกสอดแนมแค่คนเดียว" ขาบมั่นใจ
"ใช่ เราต้องหาพวกมันที่เหลือให้เจอ เอ็งสงสัยเหมือนข้าหรือเปล่า ทัพ"
สังข์ถาม ทุกคนหันมามองทัพ 
"ไอ้ใจ" ทัพเอ่ยชื่อที่คิดไว้ออกมา
ที่ป่าช้า หลังค่ายระจัน ช่วงถือคบ เอิบถือกระถางธูปนำชายร่างกำยำแบกดอกรักซึ่งห่อด้วยเสื่อเข้ามา ใจและชาวบ้านอีกกลุ่มกำลังขุดดิน สไบ แฟง เฟื่อง จวง เฟี้ยม จันทร์ เดินปาดน้ำตาตามหลังมา
"พ่อดอกรักคงรู้ว่าพวกมันเป็นใคร ถึงได้ถูกฆ่าปิดปาก" จันทร์พูดขึ้น
"อุตส่าห์พากันหนีมาตั้งแต่สามโก้ กระทุ่มด่าน ไม่น่าเลย พ่อดอกรัก" เฟี้ยมสลด 
"ที่นี้พวกเราจะนอนกันเป็นปกติสุขได้ยังไง ในเมื่อมีพวกอังวะมันมาแอบอยู่ในค่าย เรายังนี้" จันทร์กังวล
สไบยิ่งฟังยิ่งสะเทือนใจ ร้องไห้ไม่หยุด
"พี่ดอกรัก ฉันขอฝังพี่ไว้ตรงนี้ก่อนนะ เสร็จศึกแล้วฉันจะขุดเอากระดูกพี่ขึ้นมาทำบุญให้" 
สไบเห็นใจเป็นหนึ่งในชาวบ้านชายที่ช่วยขุดหลุมอยู่  
"พี่ใจ"
ใจหันมามองสไบ แล้วหันกลับไปขุดดินต่อ ทัพ สังข์ ขาบ เคลิ้ม ฟัก วิ่งกลับเข้ามา อีกด้านเอิบตามเข้ามา
"ไอ้ใจล่ะ"
สังข์ถาม สไบมองไป ทุกคนมองตามเห็นใจกำลังขุดดิน เหงื่ออาบ สังข์เห็นใจก็ถามขึ้นทันที
"ทำไมเอ็งไม่ไปช่วยหาไอ้พวกสอดแนมอังวะกับพวกข้า"  
"อยู่ที่นี่ ฉันยังพอมีประโยชน์กว่า แห่กันไปก็เปลืองแรงเปล่า"
สังข์โมโห โดดลงไปในหลุมชกกับใจ ใจล้มคว่ำ ทุกคนเอะอะ
"มึงคิดว่าจะรอดเหรอ ไอ้ใจ"
"หยุดก่อน ไอ้สังข์"
ทัพกระโดดลงไปในหลุมกระชากสังข์ขึ้นมา สไบมองใจที่ถูกทุกคนเพ่งเล็ง
"ถ้าสงสัยฉันก็ฆ่าฉันเลย ฝังฉันไว้กับไอ้ดอกรักตรงนี้ ไม่ต้องปล่อยฉัน ฆ่าฉันให้ตายตามดอกรักไปซะ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว"
ใจท้าเสียงเครียด ทัพมองใจสายตาคมกริบ 
เจิดถูกพามาที่พักของจาด จาดสั่งให้ทหารไปตามหมอ เขามองเจิดที่รู้สึกตัว สติเลือนราง
"สยา อย่าฆ่าอองนาย ยกโทษให้มันด้วย"
เจิดพยายามร้องขอชีวิตเพื่อนรุ่นน้อง ต่อหน้าครูที่แววตาดุดัน
ที่ป่าช้า ทุกคนมองจ้องใจ ใจกระโดดขึ้นมาบนปากหลุม  
"ฉันมันคนไม่มีหัวนอนปลายตีน เป็นคนที่น่าสงสัย อย่าเสียเวลาซักให้มากความ ดาบในมือทุกคนก็มี ฟันฉันให้ตายๆ ไปซะ"
สไบมองด้วยความสะเทือนใจ
"คนอย่างฉัน จะเกิด จะตาย มันก็ค่าเท่ากัน ไม่มีพ่อแม่พี่น้องให้อาวรณ์อยู่แล้ว"
ใจมองทัพ "พวกเอ็ง จะได้สิ้นสงสัย"  
"มึงไม่ต้องปากดีท้ากูไอ้ใจ คิดว่ากูไม่กล้าหรือไง" สังข์โมโห
"ฉันรู้ว่าพวกเอ็งกล้า ดอกรักตาย ฉันก็ต้องถูกหมายหัวอยู่แล้ว"
"ข้าไม่ตัดสินใคร เพราะความโกรธเกลียด"    
"ฉันรู้ว่าเอ็งยุติธรรม ทัพ ลองคิดให้ดี ตอนเกิดเรื่องฉันก็อยู่กับพวกเอ็ง เอ็งยังจะสงสัยฉันอีกหรือ"
ใจโยนจอบห่างตัว คุกเข่าลงหน้าหลุมดิน
"ตัดคอ แล้วถีบฉันลงไปในนี้ซะ ฉันตั้งใจขุดให้ดอกรักมันหลับสบาย แต่ถ้าจะเป็นหลุมฝังศพตัวเองก็ยินดี"  
"พี่ใจ"
"เอาเลย ฟันคอฉันเลย ฉันจะได้ตายตามดอกรักไปให้สมกับความผิดที่ฉันไม่รู้เรื่อง" 
ใจร้องท้า ทุกคนเครียด สังข์สะบัดออกจากขาบที่ดึงไว้ พุ่งเข้าไปเงื้อดาบ ใจนั่งนิ่ง ทัพตะโกนห้าม
"ไอ้สังข์ วางดาบลง ไอ้ใจไม่ใช่พวกสอดแนม"  
ทุกคนมองทัพ ใจเงยมองทัพช้าๆ
"อย่าฆ่าคนเพราะแค่สงสัย ใจมันเป็นพวกเดียวกับเรา อย่าให้ศัตรูมันดีใจที่เรามาฆ่าพวกเดียวกัน เพราะความระแวง"   
ใจมองประสานสายตากับทัพ
"ข้าจะหาคนผิดมารับโทษให้ได้ ข้าสาบาน" 
ทัพตัดสินใจเด็ดขาด สังข์ถอยออกมาห่างใจ แต่ยังไม่วางใจ สไบมองใจ ความเคลือบแคลงใจบางอย่างค่อยๆ ก่อขึ้นมา
บริเวณที่พักของจาด ในค่ายอังวะ หมอกำลังห้ามเลือด รักษาแผลให้เจิด เจิดหายใจรวยริน ไม่ได้สติ จาดเครียด 
พระธรรมโชติ ยังคงนั่งสมาธิสงบนิ่งอยู่ที่หน้าพระประธานเหมือนเดิม เหมือนท่านรับรู้อะไรบางอย่างด้วยฌานพิเศษ
ที่เนินดินฝังดอกรัก มีดอกไม้ป่าวางไว้รอบๆ สไบนั่งนิ่ง ตาแดงก่ำ ช้ำเพราะร้องไห้อย่างหนัก ใจเดินเข้ามานั่งลงใกล้ๆ กุมมือสไบไว้
"สไบไม่กิน ไม่นอน นั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืน รู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วง"
สไบหันหน้ามองใจ น้ำตาร่วง ใจซับน้ำตาให้แผ่วเบา สไบปัดมือใจออก ใจเห็นแววตาสไบแล้วเริ่มสังหรณ์ใจ
"พี่ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน แค่ตอบคำถามฉันให้ได้ก่อน พี่เจิดอยู่ที่ไหน" 
"สไบ"
"ตั้งแต่เมื่อคืน พี่เจิดหายไป พี่บอกฉันสิ ป่านนี้แล้วพี่เจิดหายไปไหน"
ใจอึกอักนิ่ง ตอบไม่ถูกกับคำถามและแววตาผิดหวังมากจากสไบ
ตอนเช้า ทัพยืนดูอ้ายเลากินหญ้าอยู่อย่างครุ่นคิด แฟงเดินเข้ามา
"พี่เชื่อพี่ใจจริงๆ เหรอจ๊ะ" ทัพหันมามองแฟง  
"ฉันไปดูที่เรือน พี่เจิดหายไป" ทัพเครียดขึ้นมา 
ที่ป่าช้า ใจเข้าไปกุมไหล่ สไบสะบัดตัว
"บอกฉันสิ ตอนที่เกิดเรื่องจนพี่ดอกรักตาย กระทั่งเดี๋ยวนี้ พี่เจิดหายไปไหน เขาเจ็บหนักไม่ใช่เหรอ อยู่ๆ ทำไมหายตัวไป"
"พี่เจิด"
"มันหายไปเพราะมันฆ่าพี่ดอกรัก ไอ้เจิดคือคนฆ่าพี่ดอกรัก"
ใจพยายามจะจับร่างสไบ แต่สไบสะบัด ลุกขึ้นยืนห่างจากใจ ใจเห็นแววตาที่สไบมองมา มีแต่ความเคลือบแคลง
"พี่รู้เห็นกับไอ้เจิด พี่เป็นพวกสอดแนมให้อังวะเหมือนไอ้เจิด ใช่มั้ย"
ใจเหมือนโดนตีแสกหน้า ไม่คิดว่าสไบจะรู้ความลับ
ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทัพมองแฟงแล้วเอ่ยเสียงเข้ม
"ดอกรักเคยพูดชื่อใจ ว่าเป็นคนที่รุมตี คราที่เจ็บหนักจนจำใครไม่ได้"
"ไม่น่าเชื่อเลย พี่ใจเป็นคนดี ช่วยพวกเรา ช่วยสไบมาตลอด"
แฟงไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น  
 
0000000000000
 
ที่ป่าช้า สไบมองใจอย่างคาดคั้น น้ำตาทะลักทะลายออกมาด้วยจิตใจที่ปวดร้าว   
"บอกฉันสิ ยอมรับกับฉันว่าพี่เป็นพวกอังวะ"
"พี่" 
"พี่ฆ่าพี่ดอกรัก พี่ร่วมมือกับไอ้เจิดฆ่าพี่ดอกรัก"
สไบพุ่งเข้าทุบอกใจด้วยความเจ็บช้ำ ใจพยายามรวบมือสไบไว้ แต่สไบดิ้นรน
"สไบ ให้พี่พูดความจริงให้ฟังก่อน"
"ฉันไม่ฟัง พี่ฆ่าฉันอีกคนสิ ฆ่าฉันซะ ฉันโง่เองที่เชื่อพี่"
"พี่ไม่มีวันทำร้ายสไบ พี่พยายามปกป้องสไบของพี่"
"ฉันไม่เชื่อพี่ต่อไปอีกแล้ว พวกอำมหิต"
สไบสะบัดตัวออกห่าง มองใจด้วยสายตาเจ็บปวด ผิดหวัง
"ฉันจำแววตาคนที่ฆ่าพี่ดอกรักได้ มันคือแววตาของไอ้เจิด"
ใจมองสไบอย่างนึกไม่ถึง สไบสะอื้น
"พี่มันใจอำมหิต พี่ช่วยกันฆ่าพี่ดอกรัก แล้วยังมีหน้ากลับมาที่นี่ กลับมาทำไม จะกลับมาฆ่าคนในค่ายนี้อีกใช่มั้ย เอาสิ ฉันจะไม่หนี ฉันจะยืนให้พี่ฆ่า ฉันจะได้ตายตามพี่ดอกรักที่เฝ้าเตือน  เฝ้าบอกฉันด้วยความเป็นห่วงตลอดเวลา แต่ฉันกลับไปเชื่อคนใจคด คิดทรยศอย่างพี่"
ใจกระชากสไบเข้ามาใกล้
"สไบ พี่กลับมาเพราะพี่รักสไบ"
"ไม่ฟัง ฉันเกลียดพี่ ฉันเกลียดพี่"
"แต่พี่รักสไบ"
สไบโมโห ตบหน้าใจอย่างแรง "ไม่ต้องมารักฉัน"
"เพราะพี่รักสไบ พี่ถึงยอมกลับมา กลับมาทั้งๆ ที่รู้ว่าจะถูกคนบ้านระจันฆ่า" 
สไบมองใจน้ำตาอาบแก้ม
ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทัพกอดอกมองไปไกล แฟงมองทัพ 
"พี่สังข์อยากให้พี่ใจออกไปจากค่าย"
"ทำอย่างนั้นมันง่าย แต่ถ้าเราจับให้มั่นว่ามันเป็นข้าศึก เราจะใช้มันกลับไปทำลายพวกมันเอง"
"พี่กำลังใช้หนามยอกเอาหนามบ่ง ความจริงพี่ก็ไม่ไว้ใจพี่ใจเหมือนกันใช่มั้ย"
"พี่ต้องการพิสูจน์ให้แน่ใจอีกครั้ง"  
ทัพมองแฟงด้วยสายตาที่ไตร่ตรองทุกอย่างเป็นอย่างดี
ที่หลุมศพ ใจยึดไหล่สไบ มองด้วยสายตาวิงวอน
"สไบ พี่รู้ว่าพี่เจิดเป็นคนยังไง เขาถูกสยาสอนมาจนฝังเข้าไปในสายเลือดว่าการฆ่าคือการยุติสงคราม เขารักหน้าที่ยิ่งกว่าชีวิต พี่เจิดเข้ามาที่นี่เพื่อจะทำทุกอย่าง ให้อังวะเอาชนะโยเดียเพียงอย่างเดียว ไม่มีใครเปลี่ยนใจเขาได้"  
สไบมองใจที่พยายามปั้นเรื่องเพื่อเอาตัวรอดให้ได้
"เมื่อวานพอพี่รู้ พี่ก็ไล่พี่เจิดออกไป แกล้งบอกว่าพี่จะทำเอง แต่ไม่คิดว่าพี่เจิดจะเลิกเชื่อใจในตัวพี่แล้ว พี่เจิดเลยลงมือฆ่าดอกรักเสียเอง"
"พี่หลอกฉัน"
"พี่จะหลอกสไบทำไม พี่รักสไบยิ่งกว่าชีวิตพี่"
"ทำไมพี่ไม่เตือนฉัน ไม่บอกพี่ทัพก่อน"
"แต่ถ้าพี่บอกทุกคน ก็เท่ากับพี่ฆ่าพี่ชายตัวเองเหมือนกัน สไบอยากให้พี่ฆ่าพี่ตัวเองหรือ"
ใจตาแดงก่ำ น้ำตาเอ่อ แววตากดดัน
"ทุกคนจะไม่มีวันยกโทษให้พี่เจิด พ่อทัพและเพื่อนๆ คงฆ่าพี่เจิดทิ้งแน่ พี่จึงยอมขาดพี่ขาดน้องกับพี่เจิด เพื่อให้พี่เจิดกลับไป"
สไบลังเล ไม่แน่ใจคำพูดของใจ
"ถ้าพี่จะผิด ก็เพราะพี่ยื่นดาบให้คนอื่นตัดคอพี่เจิดไม่ได้"
ใจสะท้าน สไบมองแล้วแตะมือคนรัก "พี่ใจ"
"พี่ฆ่าพี่ชายตัวเองไม่ได้" ใจสะอื้น สไบค่อยๆ กอดใจไว้ 
"พี่ไม่รู้ ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้ ไม่รู้ว่าดอกรักจะถูกฆ่า พี่สารภาพสไบจนหมดแล้วเพื่อพิสูจน์ว่าพี่จริงใจสไบแค่ไหน สไบจะฆ่าพี่ก็ได้ แต่ขออย่าเกลียดพี่"
สไบกอดคนรักแล้วลูบหลังเบาๆ ให้กำลังใจ ใจกอดสไบด้วยความเจ็บปวด ที่ต้องโกหกคนรักอีกครั้ง
ที่ลานซ้อมอาวุธ ทัพ สังข์ ขาบ ซ้อมดาบอยู่ด้วยกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทัพคู่กับสังข์
"เอ็งเชื่อข้าสักครั้งได้มั้ยวะ ไอ้ทัพ ข้าเคยเลวมาก่อน ข้าถึงมั่นใจว่าคนอย่างไอ้ใจ มันซ่อนอะไรไว้"
สังข์พยายามโน้มน้าวเปลี่ยนความคิดเพื่อน  
"เอ็งก็เห็นแล้วว่าไอ้เจิดพี่ชายมันหายไป รบครั้งที่แล้วเราถูกอังวะล้อมไว้เกือบตายกันทั้งกอง  เพราะมันรู้ว่าเราจะบุกมันยังไง ที่นี้ศึกต่อไปมันจะยกมาทั้งกองทัพถล่มค่ายระจันเราราบเป็นหน้ากลอง เพราะมันรู้ไส้รู้พุงเราหมดแล้วว่าค่ายระจันเป็นอย่างไร"
ขาบฟันอยู่กับฟักข้างๆ เอียงเข้ามาพูด
"ฟังไอ้สังข์มันบ้างก็ดีนะทัพ ที่มันพูดมาก็น่าคิด"
"ถ้าไม่มีอะไรยืนยันว่าไอ้ใจมันเป็นพวกไส้ศึก ก็เท่ากับเราป้ายสีคนบริสุทธิ์"
สังข์โมโห ฟันกระหน่ำทัพไม่ยั้ง
"ปัดโธ่ ไอ้ทัพ มึงน่ะมันคนดี จะทันเล่ห์คนชั่วเท่ากับข้าได้ยังไง"
ใจเดินมา มองเห็นทัพ โดนสังข์ไล่ต้อนอย่างโมโหอยู่ ทุกคนหันไปมอง สังข์คิดอะไรได้ฉับพลัน  เอ่ยท้าทายใจขึ้นเพื่อลองใจทันที
"ว่าไง ไอ้ใจคนดี ไม่เคยมาแถวลานซ้อม เห็นทีวันนี้คงจะอยากเลือดตกยางออก"
สังข์หันไปหยิบดาบยื่นมาตรงหน้าใจ ทุกคนมอง
"ไอ้สังข์ เอ็งจะทำอะไร" ขาบท้วง
"ซ้อมดาบ หรือถ้าเอ็งกลัวฝีมือนักรบบ้านระจันจนหัวหด ชอบทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ ก็จงถอยออกไปจากที่นี่ เพราะตรงนี้มีแต่ชายชาตินักรบที่ถือคำสัตย์เป็นชีวิต" 
สังข์ท้าทาย ใจมองดาบตรงหน้า ทัพมองสังเกตว่าใจจะทำอย่างไร
ที่เรือนแฟง สไบถอนใจหนักๆ เฟื่อง แฟง จวง พากันมองสไบด้วยความเป็นห่วง 
"พี่ใจเขายอมรับว่าพี่เจิดคือพวกสอดแนมอังวะ คือคนที่ฆ่าพี่ดอกรัก"
"แล้วใจ รู้เรื่องนี้ ทำไมไม่บอกเรา" เฟื่องซัก
"นั่นสิ พี่ใจนี่พิลึก หรือว่ารู้เห็นเป็นใจให้พี่ดอกรักตาย" ทุกคนมองจวง
"หรือเพราะคิดจะแย่งพี่สไบมาจากพี่ดอกรัก"   
"มันจะเป็นไปได้ยังไงจวง เรื่องพี่สไบ มันไม่ใช่เรื่องที่จะถึงกับฆ่าแกงกัน" แฟงท้วง  
"ใช่ ยังไงสไบก็รักใจมาตั้งแต่แรกแล้ว" เฟื่องเห็นด้วยกับแฟง  
"ไม่รู้ล่ะ ฉันก็สุดปัญญาจะคิดแล้ว พี่ใจเขาก็ดีแสนดี ใครจะคิดว่าเขาจะทรยศพวกเราได้ลงคอ" 
จวงพูด สไบยิ่งถอนใจหนัก
"ฉันไม่รู้จะเชื่อพี่ใจได้อีกหรือเปล่า"  
"พี่สไบ ถ้าพี่สไบอยากรู้ให้ถึงก้นบึ้งหัวใจของพี่ใจ ฉันมีวิธี"
ทุกคนมองแฟงด้วยสายตาอยากรู้
ที่ลานซ้อมอาวุธ สังข์ยื่นดาบไปตรงหน้าใจ ทุกคนมองลุ้น
"ว่าไง กลัวคมดาบนี่จะปาดคอเอ็งเข้าหรือไง"
ใจไม่ตอบ แต่รับดาบมาถือไว้ สังข์ยิ้ม ควงดาบตัวเอง
"เข้ามา ไอ้ใจ ถือว่าเอ็งลองซ้อมดาบกับข้า ไม่ต้องถึงตาย เอาแค่ร่อแร่"
สังข์หัวเราะกวน ทัพมองใจ ทุกคนพากันมาล้อมวงดู สังข์พุ่งเข้าหา แต่ใจยกดาบขึ้นรับไว้ได้ทันที
ที่ป่าช้า สไบวางดอกไม้ป่าลงบนหลุมศพดอกรัก เฟื่อง แฟง จวงอยู่ด้านหลัง
"พี่ดอกรัก ฉันจะไม่ให้พี่ตายอย่างไร้ค่า ใครก็ตามที่มันสมรู้ร่วมคิดเอาชีวิตพี่ มันต้องตายตกไปตามกัน" 
สไบน้ำตาไหลพราก ทุกคนมองสงสาร
ที่ลานซ้อมอาวุธ ใจรับดาบสังข์ที่ฟันอย่างรุนแรงลงมา ทุกคนมองลุ้น สังข์ปะทะดาบกับใจอย่างไม่ลดราวาศอก ใจฟันกลับไป สังข์หลบได้ ใจไม่ยอมเป็นฝ่ายรับ ฟันรุกเข้าไปอย่างเร็ว สังข์โต้กลับ จนใจหอบ สังข์มองแล้วถีบใจล้ม เงื้อดาบจะฟันใจ ทัพกับทุกคนมองตะลึง
ในวิหาร สไบกับพวกผู้หญิง ก้มลงกราบหลวงพ่อธรรมโชติ แล้วเงยมองด้วยสายตาเลื่อมใส เป็นที่พึ่ง เฟื่องที่เป็นผู้ใหญ่สุด พนมมือ เอ่ยขึ้นขอร้องหลวงพ่อ
"เรามีเรื่องเดือดร้อนอับจนหนทาง ต้องมาขอพึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเจ้าค่ะ"
หลวงพ่อมองทุกคนตรงหน้าด้วยสายตาสงบนิ่ง 
"เราอยากรู้ว่าคนไหนที่เราไว้ใจได้เจ้าค่ะ" แฟงเอ่ยถาม
ที่ลานซ้อมอาวุธ ใจเห็นคมดาบของสังข์ที่ฟันลงมา ก็กลิ้งตัวหลบ สังข์ไล่ฟันใจ ขาบร้องห้าม
"พอแล้ว ไอ้สังข์"
สังข์ไม่ฟัง เข้าบุกตะลุยฟัน ใจหลบว่องไว เคลิ้มหันไปทางทัพ
"ไอ้ใจ แย่แน่"
"ไอ้สังข์ กะเอาตาย" เอิบบอก
สังข์บุกเข้าฟัน แต่ใจหลบอีกทีแล้วเตะตัดขาสังข์ล้มลง ทุกคนมองตื่นเต้น ใจกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ เงื้อดาบจะฟันสังข์
ในวิหาร หลวงพ่อธรรมโชติหลับตา กำลังทำพิธีปลุกเสกอยู่ที่หน้าบาตรน้ำมนต์ เฟื่อง แฟง สไบ จวง นั่งพนมมืออยู่ห่างๆ หลวงพ่อสงบนิ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมา ทั้งสี่มองมีหวัง
ที่ลานซ้อมอาวุธ ใจไล่ฟันเอาคืนสังข์อย่างไม่ลดละ  
"พอเถอะ ข้าว่ามันจะเกินไปแล้ว"
ขาบร้องบอก แต่ทัพค้าน
"อย่าเพิ่ง ให้ไอ้ใจมันสู้ อย่างมากก็แค่เจ็บ"
"ไอ้ใจฝีมือมันไม่ได้ด้อยกว่าไอ้สังข์หรอก" ฟักพูดขึ้น  
"ไอ้นี่มันเสือซุ่ม" เคลิ้มเห็นด้วยกับฟัก
ขาบมองทัพที่ถือดาบเตรียมพร้อมไว้ในมือ
"ข้าจะไม่ให้ใครตาย จนกว่าจะรู้แจ้งความจริงทั้งหมด"
ทัพกับขาบหันกลับไปมอง เห็นใจกำลังได้เปรียบ ไล่ฟันสังข์จนล้มลงไป สังข์จะลุก ใจเอาดาบจ่อคอสังข์ ฟัก เคลิ้ม เอิบ ช่วง ชักดาบออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ขาบขยับ ทัพห้าม
"ยัง ไอ้ขาบ รอก่อน"
ขาบมองทัพที่กำดาบ พร้อมจะพุ่งเข้าหาใจ ถ้าใจทำอะไรสังข์ สังข์มองใจ ใจจ้อง แล้วลดดาบ ถอยออกมา ทัพผ่อนลมหายใจพร้อมๆ กับขาบ แฟงก้าวเข้ามา ทัพหันไปถาม 
"แฟง มีอะไร"
"ฉันมาหาพี่ใจ" ทุกคนมองใจเป็นตาเดียว
ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หน้าวิหารโพธิ์เก้าต้น หลวงพ่อธรรมโชติยืนสงบนิ่ง สไบยื่นขันน้ำให้ใจ ทุกคนมอง
"หลวงพ่อธรรมโชติให้น้ำมนต์นี้มา ฉันอยากให้พี่กินต่อหน้าเราทุกคน"
"น้ำมนต์หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ใครคิดร้าย ก็ต้องแสบร้อน ปากพองไหม้" แฟงบอก
"แต่ถ้าคิดดี จะมีแต่ความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป" เฟื่องช่วยพูดต่อ  
ใจมองขันน้ำมนต์ในมือสไบ หลวงพ่อธรรมโชติยังคงยืนสงบอยู่เหมือนเดิม
"ฉันรักพี่ ฉันถึงอยากให้ทุกคนเห็นว่าพี่เป็นคนดี เป็นคนที่เราไว้ใจได้"
สไบมองใจน้ำตาคลอ
"ทำเพื่อฉันได้มั้ย พี่ใจ ทำให้ฉันรู้ว่าฉันรักคนไม่ผิด"
ใจฟังแล้วสะท้านใจ รับขันน้ำมนต์มา ทุกคนมองใจตาไม่กะพริบ ใจมองน้ำมนต์ในขัน ทัพเห็นแล้วเอ่ยขึ้น 
"ถ้าเอ็งไม่อยากกินก็วางลงซะ ไม่มีใครบังคับให้เอ็งต้องกิน"
"ฉันจะกิน ฉันเต็มใจ ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่าฉันก็เป็นคนหนึ่งของค่ายบ้านระจัน ฉันพร้อมจะเป็นพี่เป็นน้อง พร้อมจะรบ พร้อมจะตายกับทุกคนที่นี่"
หลวงพ่อธรรมโชติเดินกลับเข้าไปในวิหารเงียบๆ ใจยกขันน้ำมนต์ขึ้นดื่มจนหมด แล้วส่งขันคืนให้สไบ สไบยิ้มออกมาได้ แฟง จวง เฟื่องสีหน้าดีขึ้น ใจยืนนิ่ง ประสานสายตากับทุกคนที่มองมาอย่างไม่หวั่นไหว
ทัพเดินนำกลุ่มผู้ชายมามาตามทาง สังข์เอ่ยเย้ยหยัน
"ไอ้ใจมันกล้าลองดีกับน้ำมนต์หลวงพ่อธรรมโชติ"
"ข้าว่า ไอ้ใจมันอาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องสอดแนมอังวะจริงๆ ก็ได้ พวกเราก็ลองใจมันขนาดนี้แล้ว"  
เคลิ้ม เอิบ ช่วง เริ่มเห็นด้วยกับฟัก แต่สังข์ไม่สนใจ ขาบหันมอง เห็นทัพครุ่นคิด
บริเวณทางเปลี่ยวในค่ายระจัน ใจเดินเร็วมา หยุดเดิน รู้สึกปั่นป่วนในท้อง พ่นน้ำมนต์ออกจากปากอย่างแรง สีหน้าไม่ดี เกิดความหวาดหวั่นในใจขึ้นมาอย่างมาก เมื่อรู้ฤทธิ์น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ใจกำหมัดแน่น ชกลงต้นไม้อีกหลายที ก่อนจะทรุดลงนั่ง  
"สไบ พี่รักสไบ พี่จะพาสไบไปจากที่นี่ กลับไปอังวะ ไปมีชีวิตใหม่ด้วยกัน" 
ใจปวดร้าว กดดันเมื่อนึกถึงหน้าที่และความรักที่อยู่คนละปลายทาง
สไบนั่งซึมอยู่บนเรือน ไม่สบายใจ แฟงมองสไบอย่างเห็นใจ
"พี่สไบ พี่ใจเขาก็ยอมกินน้ำมนต์หลวงพ่อแล้ว ยังมีอะไรที่พี่ยังไม่สบายใจอีก"
"แผนของแฟง มันก็น่าจะยืนยันได้นะว่าพี่ใจเขาจริงใจกับสไบ" จวงช่วยพูด
"มีอะไรที่ยังค้างคาใจอีก สไบ" เฟื่องถาม
สไบมองทุกคนด้วยสายตาที่ลึกๆ ยังกังวล  
"การตายของพี่ดอกรัก ทำให้ฉันเชื่อใจคนยากไปแล้ว"
แฟง เฟื่อง จวง มองกัน ไม่รู้จะช่วยปลอบได้อย่างไรอีก สไบมองทุกคน
"เมื่อก่อนพี่ดอกรักเตือนอะไรฉัน ไม่เคยสักครั้งที่ฉันจะฟัง แต่ตอนนี้ไม่มีพี่ดอกรักแล้ว ฉันกลับนึกถึงคำเตือนของพี่ดอกรักซ้ำไปซ้ำมา"    
"ตัวเรานี่แหละสไบ ที่จะบอกได้ว่าเรารู้สึกยังไง เชื่อใจตัวเราเองซิ"
สไบมองเฟื่องเหมือนยอมรับ เดินออกไปเงียบๆ ทุกคนได้แต่มองตามสงสาร สไบเดินมานั่งเหมอที่ศาลาท่าน้ำ แฟงเดินตามมาลงนั่งใกล้ๆ
"พี่สไบรักพี่ใจจริงแท้แค่ไหน"
"พี่บอกไม่ถูก" 
"แต่ฉันว่าพี่ใจรักพี่สไบจริง ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมกินน้ำมนต์พระอาจารย์ พี่ใจรักพี่สไบถึงขนาดนี้แล้ว พี่สไบน่าจะใช้ความรักมัดพี่ใจไว้"
"แฟงหมายความว่าอย่างไร"
"พี่สไบก็หาทางมัดพี่ใจไว้ด้วยความรักซิ อย่าให้พี่ใจคลาดสายตา พี่ใจจะได้แอบหนีไปส่งข่าวให้พวกอังวะไม่ได้"
"พี่กับพี่ใจอยู่คนละบ้าน อย่างไรพี่ก็ไม่อาจตามเฝ้าพี่ใจได้ตลอดเพลาดอก"
"อย่าหาว่าฉันเป็นเด็กริอ่านสอนผู้ใหญ่เลยนะ พี่ใจเขารักพี่และพี่ก็ร