
'ชีวิต คือ สงครามที่เราต่างต้องต่อสู้กันมันไปจนวันตาย ...'
19 ม.ค. 2558
'ชีวิต คือ สงครามที่เราต่างต้องต่อสู้กันมันไปจนวันตาย ...' : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม
เสียงแตร เสียงเครื่องยนต์จากรถที่แล่นกันขวักไขว่บนถนน พ่อค้าแม่ค้าตั้งร้านริมฟุตบาท ตึกรามบ้านช่องและคอนโดเติบโตแผ่ขยายยิ่งกว่าเชื้อรา กำลังก่อสร้างเสียงดังโครมครามก่อละอองฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ “ฮัดเช้ย!” ฉันจามใส่ความวุ่นวายและความเปลี่ยนแปลงที่เห็นจนชินตา จะปีเก่าหรือปีใหม่ก็ไม่ต่างอะไรกัน เมื่อเดือนที่แล้วผู้คนทั่วโลกเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ พลุสีสดพุ่งขึ้นฟ้าแตกออกเป็นดอกเป็นริ้วดูสวยงามราวกับของขวัญจากสวรรค์ที่มนุษย์เดินดินอย่างเราต้องแหงนหน้ามองแล้วแอบอธิษฐานในใจให้ชีวิตสว่างไสวเหมือนพลุไฟที่ได้เห็น… ดอกนั้นดับดอกนี้โดดสลับกันไปดอกแล้วดอกเล่าท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้คน… ผู้คนส่วนใหญ่หวังว่าอะไรๆ มันจะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา อนาคตอาจนำพาโชควาสนาหรือจังหวะชีวิตที่ดีมาให้เรา… แต่… ความหวังกับความจริงมันช่างเป็นหนังคนละม้วน ชีวิตมันไม่เคยง่ายขนาดนั้น! ความทุกข์และความน่าเบื่อหน่ายมักจะมาตีสนิทกับชีวิตเราราวกับเป็นคู่เวรคู่กรรม เคยถามกรูสักคำมั้ยว่า… “อยากจะอยู่ด้วยกันมั้ย?” … ความสุขที่เข้ามาชั่วครั้งชั่วคราวนั้นช่างสั้น มาๆ ไปๆ มีไว้ให้แค่จดจำ มีเพียงความหวังและกำลังใจที่เราต้องสร้างให้กับตัวเองในยามที่ชีวิตขาดแคลนความสุข เมื่อมรสุมชีวิตโหมกระหน่ำเข้าใส่อย่างไม่ปราณีปราศรัย… มันคือ “สงครามชีวิต” จะเล็กหรือใหญ่ ยาวนานแค่ไหนไม่มีใครบอกได้ รู้แค่ว่าเราจะต้องต่อสู้กับ “โชคชะตา” ครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าจะหมดลมหายใจ บางศึกเราก็ชนะ บางศึกเราก็พ่ายแพ้ และหลายครั้งที่เราต้องจำยอมที่จะ “แพ้ศึกดีกว่าพ่ายทั้งสงคราม” เสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ ชะตาชีวิตไม่เคยมีคำว่า “ประนีประนอม” และมนุษย์ก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อ “ยอมจำนน” คำว่า “สงบศึก” จึงไม่เคยเกิดขึ้นจริงจังสักครั้งในชีวิต! การทำสงครามชีวิตคือศิลปะในการใช้ชีวิต… “ศิลปะในการเอาตัวรอดที่เราต้องเรียนรู้อย่างไม่มีวันจบสิ้น” …
ฉันทำสงครามชีวิต ต่อสู้กับโชคชะตามาร่วมครึ่งศตวรรษ ขอสารภาพว่า… ตายคาที่อยู่หลายครั้งค่ะคุณ! ย่อยยับ! เละตุ้มเป๊ะ! ต้องลากซากที่มีวิญญาณของนักต่อสู้สิงอยู่กลับไปพักฟื้นอยู่นานกว่าจะกลับมาเป็นปกติและพร้อมรบอีกครั้ง! ถ้ากลับมามองอย่างละเอียดถี่ถ้วนและเป็นกลาง ส่วนน้อยของชีวิตที่เรารบกับคนอื่น โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะรบกับ “ตัวเอง” มนุษย์เราเกิดมาพร้อมกับความวุ่นวาย เราจึงมีคำนามที่ใช้แทนคำว่า “มนุษย์” จากคำกริยาว่า “คน” ซึ่งวึ่นวือ เวิ่นเว้อ ไม่จบไม่สิ้น จะกี่คนที่ถูกคนอื่นกระทำเท่าที่เห็นมาค่อนชีวิต ฉันว่า “เราก็ทำตัวเองทั้งนั้น!” แล้วหาข้ออ้างให้กับตัวเองโดยการโทษคนอื่น สิ่งแวดล้อมหรือเหตุการณ์ต่างๆ… ยกตัวอย่างเช่น ลูกที่เกิดมาพ่อแม่แยกทางกันก็หาเหตุผลของการออกนอกลู่นอกทาง ติดเพื่อน ติดเหล้า ติดยาว่าเป็นเพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ไม่ได้รับความรักความอบอุ่นเหมือนคนอื่นเขา เอาตัวเองเป็นที่ตั้งเป็นศูนย์กลาง ไม่มองโลกกว้าง หรือภาพรวมว่าเด็กบางคนถูกทิ้งขว้างเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเลวร้าย แต่ในที่สุดก็ยังเป็นคนดี มีงานมีการทำ มีครอบครัวที่มีความสุขได้ ไม่ซ้ำรอยตัวเองในอดีต… คนที่เรียนหนังสือในสถาบันที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร ไม่ได้ไปร่ำเรียนที่เมืองนอกเมืองนา แต่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างองอาจและไม่อายใคร คนที่เติบโตมาในครอบครัวธรรมดาหรือมาจากศูนย์กลับเป็นเจ้าของอหังหาริมทรัพย์มากมายเหลือคณานับ ในขณะที่คนรวยที่ได้รับมรดกตกทอดมหาศาลจากบรรพบุรุษกลับขายกินจนไม่เหลืออะไรไว้ให้ลูกหลาน ดังนั้นจุดเริ่มต้นมันจึงไม่สำคัญเท่ากับจุดที่ดำเนินต่อไปถึงตอนจบ และแม้จะจบอย่างไร “ระหว่างนั้น” คือ สิ่งที่น่าจดจำมากที่สุด เมื่อมันก่อเกิดประโยชน์ต่อผู้คนและสังคมมากที่สุดเช่นกัน!
คนส่วนใหญ่คิดว่า... คนรวย หรือ คนที่มีทรัพย์สินมีต้นทุนสูงๆ เท่านั้นที่จะสามารถต่อยอดให้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปได้… ฉันเองกลับไม่เห็นเสียทีเดียว ฉันว่าขึ้นอยู่กับ “ทัศนคติ” และการมองเห็นโอกาสที่แตกต่างจากคนทั่วไป การตัดสินใจของคนคนนั้นมากกว่า หาไม่แล้วทุกวันนี้ “จีน” คงไม่มีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นมากมาย กลายเป็นประเทศที่ทรงอำนาจทางเศรษฐกิจที่ทั่วโลกจับตามอง เติ้ง เสี่ยวผิง กล่าวว่า “เงินคืออำนาจ” … และฉันก็เชื่อเช่นนั้น ดูตัวอย่างโอกาสของคนที่จะรวยว่า มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนทาง “ทรัพย์สิน” แต่มันมาจากต้นทุนทาง “ความคิด” อย่าง “หม่า หยุน” (Jack Ma) บุคคลที่รวยที่สุดในประเทศจีน ครูสอนภาษาอังกฤษจากครอบครัวจีนธรรมดาๆ วันนี้กลายเป็นมหาเศรษฐี เจ้าของบริษัท Alibaba (ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ E-Commerce) ซึ่งใหญ่เป็นอันดับที่ 18 ของโลก มีมูลค่าในตลาดสูงถึง 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่า Facebook ของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก Amazon ของเจฟฟ์ เบโซส์ และ E-Bay ของปิแอร์ โอมิดดียาร์… ไต่อันดับขึ้นสู่อันดับที่ 5 ของโลก (ข้อมูลจากหนังสือ Jack Ma คนธรรมดาที่กลายเป็นเศรษฐีโลกในพริบตาของ Happy Book Publishing) ฟังแล้วได้แรงบันดาลใจ แม้ว่าจะกลายเป็นมหาเศรษฐีอย่างเขาไม่ได้ ก็ทำให้กระตือรือร้นที่จะพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าที่เคยเป็น การสร้างความหวังให้แก่ตัวเองนั้นว่ายากแล้ว แต่ “การแสวงหาแรงบันดาลใจที่ช่วยสร้างความหวังนั้นยากกว่า” แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะค้นหาถ้าเราสนใจในสิ่งรอบข้าง ฉันได้แรงบันดาลใจมาจากการดูหนังที่มีสาระ อ่านหนังสือชีวประวัติของบุคคลสำคัญของโลก หนังสือแนวคิดที่แฝงธรรมะ (ถ้าเป็นธรรมะล้วนหรือหนังสือสวดมนต์คงเอามากอดแล้วหลับไป!) หรือแม้แต่หนังสือแต่งบ้าน พูดเป็นเล่น! อันนี้สำคัญต่อฉันจริงๆ นะ! อยากได้อะไรก็หาแรงบันดาลใจเอาไว้ มันช่วยผลักดันให้เราพยายามมากขึ้น อดทนมากขึ้น เพื่อให้ได้สิ่งนั้นมาครอบครองสักวัน แม้พระท่านจะสอนว่า “อย่าอยู่อย่างอยาก” แต่บางทีฉันก็มีวิธีคิดเพื่อให้ชีวิตดำเนินต่อไปว่า “อย่าหยุดอยาก” เมื่อเรามาถึงจุดที่จะสนองความต้องการของตัวเองได้ เราอาจไม่ต้องการสิ่งนั้นอีกต่อไป หยุดความรู้สึกไว้ตรงที่ “เก็บเอาไว้ให้อยาก (ต่อไป)” เพราะการได้มาครอบครอง ความอยากนั้นมันก็จะหมดไป หมดสนุก หมดความท้าทาย งั้นขอเป็นนักล่า (ความอยาก) อย่างที่หนังฝรั่งเรื่องหนึ่งกล่าวไว้ว่า “การล่าหอมหวานกว่าการฆ่า” ตรงตัวกับชีวิตฉันเองที่ว่า “อยากมีผัว” ก็ไม่ได้หมายความว่า “จะมีผัว” มันแค่ “อยาก” อ่ะค่าคุณตำรวจ! เห็นมั้ยคะคุณผู้อ่านว่า ส่วนใหญ่แล้วเราทำสงครามกับตัวเองมากกว่าคนอื่น เอาแค่จะดับความเอาแต่ใจ ความอยาก ความหลง การยึดติด ให้ผ่านไปในแต่ละวัน มันก็เหนื่อยแล้ว จะหนีไปทางไหนก็ไม่มีทางทัน เพราะใจที่ไม่ยอมเชื่อฟังมันอยู่ในตัวเรา ต่างจากการมีปัญหากับคนอื่นที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวแล้วจบลงเมื่อเรื่องมันถึงจุดจบ หรือเราเลือกที่จะเดินออกมาจากคนคนนั้นเอง ก็แล้วแต่การตัดสินใจของแต่ละคน ไม่ว่าจะปีนี้หรือปีหน้า เชื่อเถอะว่า ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของเราก็คือ “ใจ” ของเราเอง ซึ่งไม่ยอมเชื่อฟัง ไม่อยู่กับเหตุผล ใจที่ถูกปล่อยไปตามอารมณ์อันจะนำพาเรื่องราววุ่นวายมากมายมาสู่เรา นั่นแหละที่ทำให้เกิด “สงครามชีวิต”
อย่างไรก็ตาม ปีใหม่นี้ ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสิ่งดีงามทั้งหลาย จงช่วยดลบันดาลให้ผู้อ่านคม ชัด ลึก ทุกท่าน มีความสุขกาย สุขใจ มีสติ มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กับสงครามชีวิตของตัวเอง จนกว่าจะปีใหม่อีกครั้ง… สวัสดีปีใหม่ค่ะ
.......................................
(หมายเหตุ 'ชีวิต คือ สงครามที่เราต่างต้องต่อสู้กันมันไปจนวันตาย ...' : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม)