
'เอกชัย'เดินสายปีสุดท้ายปิดตำนาน19ปี'ศรีวิชัยโชว์'
24 ธ.ค. 2557
'เอกชัย'เดินสายปีสุดท้ายปิดตำนาน 19 ปี 'ศรีวิชัยโชว์' : ลูกทุ่ง
เอกชัย ศรีวิชัย ขุนพลเพลงลูกทุ่งปักษใต้เปิดใจ เตรียมปิดวง "ศรีวิชัยโชว์" ในปี 2558 ลั่น 2 6ธันวาคม นี้เริ่มเดินสาย ยอมรับโดนสารพัดเรื่องรุ้มเร้า เตรียมส่งไม้วัฒนธรรมต่อดันโนราห์ไพศาล ขุนหนู ขึ้นสู่โนราห์ไฮเทค
เอกชัย ศรีวิชัย นักร้องลูกทุ่งชื่อดังแห่งภาคใต้เปิดใจกับทีมข่าวบันเทิง "คมชัดลึก" ระหว่างการเตรียมโชว์วงปีสุดท้ายถึงการตัดสินใจปิดฉากวงดนตรีลูกทุ่งขวัญใจชาวใต้ "ศรีวิชัยโชว์" ในปลายปี 2558 ว่า
"สถานการณ์หลักๆ คือเราโตมากแล้ว มันทำไม่ใหญ่ไปได้มากกว่านี้แล้ว มันเต็มคอร์สของค่าใช้จ่ายแล้ว เราไม่สามารถไปผลักดันภาระตรงนั้นให้กับคนดูได้ว่า เราต้องเก็บค่าผ่านประตูเพิ่มขึ้น เพราะในจำนวนคนแต่ละสนามมันก็จำกัดของมัน ถ้าเราจะหาเงินที่มันเยอะกว่าเพื่อจะมาให้มันพอค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นก็ต้องเก็บค่าดูเพิ่ม แต่เหตุผลหลักที่หยุดคือผมอยากให้วงดนตรี "ศรีวิชัยโชว์" เป็นตำนานอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งว่า สมัยหนึ่งเคยมีวงดนตรี "ศรีวิชัยโชว์" ของเอกชัย ศรีวิชัยทำสถิติเอาไว้ตรงนี้ จนกระทั่งเขาหยุดวงเองโดยมีภาพความอลังการอยู่ในทรงจำ มากกว่าในโอกาสจังหวะที่มันถึงเวลาที่มันจะต้องหยุดโดยการเดินต่อไม่ได้เพราะประชาชนไม่ตอนรับ ซึ่งตอนนั้นผมคิดว่าเดี๋ยวมันก็ต้องมี ผมเลือกที่จะปิดตำนานโดยตัวของผมเอง"
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นเพราะเรื่องการเมืองด้วยหรือไม่ ขุนพลเพลงปักษ์ใต้ตอบทันทีว่า
"เรื่องการเมืองไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวผม ไม่ได้ทำให้คนดูของผมน้อย หรือเปลี่ยนใจที่จะไม่ดูผม งานบันเทิงกับการเมืองมันคนละส่วนกันแล้วที่สำคัญคือตัวผมไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรกับการเมืองมันแค่ถูกลากเข้าไปเฉยๆ ปีนี้เป็นเป็นที่ 19 เต็มย่างเข้าปีที่ 20 ของวง "ศรีวิชัยโชว์" ถือว่า เด็กคนหนึ่งโตเป็นหนุ่มสาวมีลูกมีเต้าแล้วหัวหน้าวงก็แก่ พี่เริ่มต้นวงตอนอายุ 36 ปี 19 ปี ต้องถามว่า คุณอยู่มาได้ยังไงไม่มีวงไหนที่อยู่มาได้ถึง19 ปี เต็มที่ ส่วนมาก 12 ปี แต่อย่าลืมว่าเราเล่นอยู่ในภาคใต้ เราไม่ได้ไปภาคเหนือ ภาคอีสาน ความแคบความจำเจ แต่คนยังดูอยู่มันก็มหัศจรรย์แล้ว"
เมื่อถามว่าพอมีกระแสข่าวปิดวงออกไปน้องๆ ในวงและแฟนเพลงว่าอย่างไรบ้าง และตอบแฟนเพลงอย่างไร เอกชัยบอกว่า
"น้องทุกคนมาบอกว่า ไม่เลิกไม่ได้เหรอ ปีละ 10 ครั้งก็ยังดี ไม่อยากให้วงศรีวิชัยโชว์หายไปจากแผ่นดิน จริงๆ วงศรีวิชัยโชว์ไม่ใช่วงที่พี่สร้างด้วยตัวพี่นะ พี่คิดว่า มันน่าจะเป็นเพราะกำลังแรงใจของแฟนเพลงทุกคนที่รวมกันสร้างมาให้พี่ ตัวผมเองไม่กล้าอ่านเฟซบุ๊กของแฟนเพลงที่เขาบรรยายมา เขาบอกว่าเขาไม่ยอมให้หยุดด้วยเหตุผลต่างๆ ของแฟนเพลง ผมก็คิดว่าเราทำร้ายจิตใจแฟนเพลงเราหรือเปล่า บางคนบอกว่าถ้าเราหยุดเขาเคารพการตัดสินใจ แต่ว่าขอร้องอย่าพูดได้ไหมว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะปิดวงแล้ว เขารับไม่ได้ ตัวผมเองก็ยังนึกไม่ออกว่า วันที่ปิดวงผมจะมองหน้าเด็กในคณะแบบไหน บอกยังไงและเด็กจะมองพี่แบบไหน ยังไงแล้วเด็กทุกคนจะถามว่าแล้วต่อไปล่ะคืออะไร ทั้งๆ ที่พี่ก็บอกเด็กแล้ว ทางใต้ผมก็มีวงที่เป็นลูกศิษก์โนราห์อยู่ 4-5 คณะและกำลังจะเกิดใหม่เป็นมโนราห์โชว์ที่ทำสำรองไว้ให้ มโนราห์ "ไพศาล" เหมือนเป็นการยื่นไม้ทางด้านวัฒนธรรม แต่ไม่เกี่ยวกับโชว์ใหญ่เหมือนวงพี่นะ คือทุกคนก็ไปทำงานได้หมดเพียงแต่ว่ากับ 20 ปีที่อยู่รวมกันมา นักดนตรีจะพูดยังไง พี่พอร้องเพลงสุดท้ายจบพี่ยังไม่รู้เลยว่า ตัวพี่จะทำยังไง จะวิ่งลงจากเวทีแล้วขึ้นรถเลยแล้วร้องไห้ให้สุดๆ หรือเราจะยืนยกมือไหว้ส่งคนดูกลับมา แค่พูดก็แย่แล้ว"
เมื่อถามว่าตอนนี้กระแสงานโชว์เป็นรายได้หลัก ทำไมถึงคิดเลิกและการไปเล่นคอนเสิร์ตแต่ละครั้งตอนนี้เมื่อเทียบกับสมัยก่อนเป็นอย่างไร เอกชัย อธิบายว่า
"เราเป็นวงดนตรีที่เล่นเป็นโชว์มาตั้งแต่เริ่มเปิดจนถึงทุกวันนี้รวม 20 ปีแล้ว กระแสโชว์มาที่หลัง มันถึงเวลาของมันแล้ว เดี๋ยวนี้การไปเล่นคอนเสิร์ตมันยากมากเรื่องสถานที่ เพราะวงมันใหญ่มากกับการหาสนามที่จะลง สนามมันเล็กลงทุกวันเพราะมันไม่มีที่ว่างๆให้เล่น ค่าสนามก็โคตรแพงเมื่อก่อนหมื่นสองหมื่นตอนนี้เริ่มที่ 5 หมื่น ป้ายโฆษณาเราก็ไปทำซุ่มๆ ไม่ได้ ถ้าเราจ่ายให้อบต.แต่ไม่จ่ายให้เทศบาลๆ เก็บหมดเลยนะป้าย เขามีแรงที่จะมาเก็บ แต่ไม่มีแรงที่จะโทรบอก นี่คือปัญหาอย่างหนึ่งของสถานที่ อีกอันคือการให้ใบอนุญาติในการเล่นคอนเสิร์ตพูดตรงๆ เลยนะแพงมาก ซึ่งไม่รู้ว่าเขามีค่าใช้จ่ายอะไร แต่เราก็ยังพอไปได้ แต่องค์รวมแล้วมันยากขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน"
เมื่อถามถึงโชว์ปิดวงในครั้งนี้จะมีอะไรบ้าง การลงทุนจะมากขึ้นไหมเอกชัย ศรีวิชัย อธิบายต่อทันทีว่า
"ก็รวบรวมเอาลูกศิษก์น้องๆ ที่เคยอยู่กับวงมาสลับสับเปลี่ยน มีดวงจันทร์ สุวรรณี ที่เคยอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่เปิด จนเขาฉีกตัวออกไปเป็นตัวของเขา ในวันที่เราจะปิดตำนานวงศรีวิชัยโชว์ ดวงจันทร์ก็จะกลับมาร่วมกับวงในวันปิดวง จะได้ฟังเพลงในอดีต ผมกับดวงจันทร์จะแต่งตัวย้อนอดีตกลับไปในยุคแรก นอกจากนั้นก็มีหลวงไก่ อาร์สยาม น้องเจี๊ยบ เบญจพร น้องมอส มากันหมด ทุกคนมองว่าที่นี่เป็นบ้านและก็อยากจะมาอยู่ร่วมในวันที่เราจะปิดตำนานนี้ด้วยกัน ครั้งนี้เป็นครั้งทิ้งทวน ชื่อตอนภูมิใจมากผมใช้ชื่อโชว์ว่า "แผ่นดินพ่อ" เนื่องจากว่าสิ่งที่เราเกิด เราเป็นเราอยู่ ล้วนแล้วทุกอย่างเราอยู่บนแผ่นดินพ่อทั้งนั้น ไม่ว่าจะภาคไหนที่สำคัญคือ จะเล่าเรื่องทั้งหมดว่าตั้งแต่ปีผมเกิด 2505 ผมได้ยกมือไหว้รูปปฏิทินที่ติดอยู่ข้างฝาบ้าน เพราะพ่อกับแม่บอกว่านี่คือในหลวง คนที่ทำงานให้กับพสกนิกรของพระองค์ท่านอย่างเหน็ดเหนื่อยมาโดยตลอดและก็ได้ซึมซับรู้โครงการของพระองค์ท่าน พระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ผ่านๆ มาตั้งแต่เราเด็กๆ เราหยิบเอาเรื่องนี้มาเล่าให้คนดูได้ดูว่าพระองค์ทำอะไรเหน็ดเหนื่อยกับอะไรมาบ้าง แล้วสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือแต่ละภาคที่อยู่บนแผ่นดินนี้อะไรที่เป็นอัตลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นทั้งหมดถูกรวมมานำเสนอ พร้อมทั้งให้เห็นความเหน็ดเหนื่อยของพระองค์ท่าน ตลอดระยะเวลาเท่าที่ภาพของหัวหน้าวงจำได้ จะมีโชว์ตอนหนึ่งที่คนต่างชาติถามคนไทยว่าทำไมคนไทยถึงรัก ศรัทธา พระเจ้าอยู่หัวเหลือเกิน เราจะได้ตอบฝรั่งว่า คุณมีเวลาพอทั้งชีวิตไหมเราจะได้เล่าให้คุณฟัง ผมลงทุนมากขึ้นเพราะว่าลงเต็มสเกลไฟ ฉากแอลอีดี หลายคนถามว่าจะเลิกแล้วลงทำไมคือ ผมจะเอาอุปกรณ์เหล่านี้ไปย่อส่วนลงมาเป็นวงมโนราห์ของไพศาล ลูกศิษย์คนล่าสุดที่จะส่งไม้ให้เขาๆ จะเป็นวงมโนราห์โชว์ไฮเทคที่สุด โดยไม่มีม่านใช้จอแอลอีดีทั้งหมดเป็นเจ้าแรก "
นอกจากนั้นเอกชัย ศรีวิชัย ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยนำเสียงเศร้าๆ ฝากถึงแฟนเพลงว่า
"อะไรมันลงตัวหลายๆ อย่างแล้ว ไม่ควรตรากตรำมากกว่านี้แล้ว อยากขอโทษแฟนเพลงที่รักศรัธางานของพี่เอกว่า เหมือนพี่กำลังทำร้ายใจทุกคน แต่อยากให้ทุกคนคิดว่า พี่เอกก็เหนื่อยมากมากแล้วจะได้พักร่างกาย แต่จะทำหน้าที่อื่นให้แฟนๆ ได้ดูเท่าที่เห็นอยู่ คือมันพักอีกมุมหนึ่ง แต่ก็จะเริ่มสตาร์ทอีกงานหนึ่งเป็นงานใหม่ของพี่เอก แต่สิ่งที่อยากให้แฟนเพลงคิด มันมีเวลาเกิดก็มีเวลาไป ก็อยากให้ทุกคนรับสภาพวันนี้ มันเหมาะสมแล้วที่จะหยุดมัน ให้ทุกอย่างอยู่ในความฝัน ความทรงจำของพวกเราทุกคน วงมันเป็นแค่องค์กร มันเป็นแค่โครงเหล็ก ไฟฉาก แต่ในความเป็นจริงแล้วความเป็นเอกชัย ศรีวิชัย ของแฟนเพลงผมก็ยังอยู่ตรงนี้ ใกล้แฟนเพลงทุกวันเวลา หากแฟนเพลงยังต้องการ ผมไม่ได้ไปไหน อาจจะร้องเพลงลดน้อยลงไป ผมก็จะพยายามจะสร้างเม็ดบันเทิงใหม่ๆให้แฟนเพลงได้บริโภคกันต่อ อยากฝากว่า วันนี้ขอบคุณที่ทุกคนให้กำลังใจมาตลอดและคงจะได้ติดตามงานในทุกๆ ด้านของพี่เอก ส่วนเรื่องงานวัฒนธรรมไม่ต้องห่วงผมเตรียมเปิดศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นพื้นบ้านที่นครศรีธรรมราชบนเนื้อที่13ไร่ พร้อมมีอาจารย์เก่งๆ หลายคนมาเป็นวิทยากรโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด พี่ก็จะสอนหนังตะลุง สอนมโนราห์ สอนความเป็นพื้นบ้าน ทำรายการทีวีที่จะต้องมีรายการเกี่ยวกับวัฒนธรรมอยู่ด้วย ตราบใดที่แผ่นดินยังไม่กลบหน้าผมก็ยังคงไม่หยุดเชิดชูวัฒนธรรม"