บันเทิง

‘ไมค์-ภัทรเดช’ก้าวผ่านกฎพระเอกในอุดมคติ

‘ไมค์-ภัทรเดช’ก้าวผ่านกฎพระเอกในอุดมคติ

20 ธ.ค. 2557

ก้าวผ่านกฎพระเอกในอุดมคติ มีความสุขกับวันนี้ของ"ไมค์-ภัทรเดช" : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... ภัทรวรรณ สุนทรธนานุกูล ภาพ... อนันต์ จันทร์สูตร์

 
 
          คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใครสักคนจะก้าวขึ้นมาเป็นดาราในวงการบันเทิง แต่ยิ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเข้าไปใหญ่ สำหรับการก้าวขึ้นสู่คำว่า "นักแสดง" เพราะต้องใช้ทั้งประสบการณ์ที่บ่มเพาะความสามารถ เพื่อให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ และวันนี้ "ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี" ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ความคำว่า "นักแสดง" นั้นไม่ไกลเกินหวัง หากมีความตั้งใจและมุ่งมั่น ดังนั้นสกู๊ปวันเสาร์ฉบับนี้เลยต้องคว้าหนุ่มไมค์มาพูดคุยกันเสียหน่อย 
 
 
@@ อัพเดผลงานกันหน่อย 
@พูดถึงละครเรื่อง "ใยกัลยา" 
          ในเรื่องนี้ผมรับบทเป็นคุณหมอศวัส แต่จะเป็นที่ยิ้มยากนิดหนึ่ง โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเจอนางเอก เพราะว่าเขามารื้อฟื้นเรื่องภายในบ้านของเรา เนื่องจากคุณแม่ของเรา เสียตั้งแต่เรายังเด็ก 
 
 
@ กับการร่วมงานกับ "โบ" เมลดา สุศรี นางเอกคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง 
          คลิกๆ เลย (ยิ้ม) น่ารักนะ เขาเป็นคนที่เป็นธรรมชาตินะ เป็นตัวเองตลอดเวลาไม่ได้มาปรุงแต่งอะไร ไม่ใช่คนประเภทที่ว่าต่อหน้าเป็นอีกอย่าง ลับหลังเป็นอีกอย่าง อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เขาเป็นคนที่เก่งและพัฒนาตัวเองเร็ว 
 
 
@  ตอนนี้ขึ้นแท่นป๊าดันเป็นที่เรียบร้อย 
          โอ้ย...ย ดันอะไร ผมสิ ที่ต้องให้น้องดันผมมากกว่า เอาจริงๆ ไม่ต้องไปดันเขาหรอก  น้องโบเขาดันตัวเองได้อยู่แล้วนะ (กดดันไหมกับตำแหน่งนี้) ยอมรับเลยว่าตอนแรกผมก็กดดันนะ  เพราะผมรู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น ผมก็กังวลว่า ตัวเองจะมีเพาเวอร์ในการดันน้องเขาหรือเปล่า พอเอาเข้าจริง อย่างที่บอกว่า เขาฝีมือดีมาก แถมยังมาช่วยผมอีก เก่งขึ้นวันต่อวันเลย 
 
 
@ ความคืบหน้ากับการถ่ายทำเรื่องอตีตา ไปถึงไหนแล้ว 
          ตอนนี้ก็เปิดกล้องรอบที่ 4 แล้ว ขอบคุณมากที่ทุกๆ คนยังตั้งใจทำงานกันอยู่ ทุกคนมีสปิริตดี ตอนนี้ถ่ายเร็วแล้ว ผมว่าอย่างไรก็ได้ออกอากาศแน่ๆ  ถามว่าท้อไหม ที่หยุดถ่ายทำ ผมไม่ท้อเลยนะ แต่ว่ามันลืมมากกว่า  (หัวเราะ) อย่างซีนเนี่ย เราเล่นไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว และต้องมาต่อซีนถัดไป ซึ่งเราก็ลืมไงว่า เราเล่นไปแบบไหน  ทรงผมก็เปลี่ยน แต่ว่าหล่อขึ้นด้วย (หัวเราะ) 
 
 
@ พูดถึง วินัย ปฐมบูรณ์ ผู้กำกับคนใหม่ของเรื่องนี้ เคยร่วมงานกันมาก่อนไหม 
          ไม่เลยนะ แล้วการถ่ายละครแบบนี้ ผมก็ไม่เคยเจอมาก่อน เพราะว่าเขาถ่ายเหมือนหนังเลย มีกล้อง 2 กล้อง แล้วเราต้องเล่น 2 ครั้ง ในตอนแรก ผมก็กลัวนะ ว่าจะทำไม่ได้  อย่างซีนอารมณ์ผมเล่นได้ครั้งเดียว แต่กลายเป็นว่าการทำงานสบายนะ แถมยังทำงานเร็วอีกด้วย   
 
 
@ แล้วกับละครเรื่อง "รอยรักแรงแค้น" ล่ะ 
          น่าจะเริ่มจริงๆ จังๆ ปีหน้า ช่วงกลางเดือนมกราคม แต่อันนี้หมายถึงในส่วนของผมนะ แต่ของคนอื่น เขาทำงานกันไปแล้ว เพราะว่าตัวผมติดเรื่อง "ใยกัลยา" ที่ต้องเร่งถ่าย แต่ถ้าปิดกล้องเรื่องนี้ ทุกอย่างก็เรียบร้อยและสบายขึ้นนะ กับเรื่องของรอยรักแรงแค้น ผมก็รับบทหนัก เหมือนกันนะ มันเป็นเรื่องของแรงแค้น ผู้หญิงคนหนึ่งจะจับเรา ซึ่งเราไม่ได้รักเขา เราไปรักอีกคนหนึ่ง มันมีความซับซ้อนของเรื่องด้วย หลายอย่างมาก   
 
 
@@ ขึ้นแท่นพระเอกคิวทอง 
@ การหาโอกาสที่จะไปเรียนการแสดงเพิ่มให้ตัวเองยากมากน้อยขนาดไหน 
          ไม่มีเลย โอ้ย.. จัดคิวให้ลงตัว ยังยากเลย ตอนนี้ทำได้ว่าช่วยเหลือตัวเองแล้ว ถามว่าผมเสียดายโอกาสที่ไม่ได้ไปเรียนไหม ผมบอกเลยว่าเสียดายนะ อย่างเวลาที่เล่นซีนอารมณ์ ผมมองว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ถ้าหากเรามีคุณครูมาช่วยตีความ แต่ผมก็มีทางออกนะ โดยการโทรหาครูเงาะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ) ขอคำปรึกษา 
 
 
@ มีความเป็นไปได้บ้างไหม หากละครปิดกล้อง แล้วจะลงเรียนการแสดงเพิ่ม 
          เอาจริงๆ นะ ถ้ามีเวลาว่าง ผมก็อยากไปเรียนแอ็กติ้งนะ  
 
 
@ แล้วเวลาไปไหนมาไหน ต้องแอบมีมาดพระเอกบ้างไหม 
          ไม่หรอกนะ เพราะว่าถ้าเป็นเรา แล้วมันเป็นเรื่องที่ดี เราก็ไม่ต้องระวังหรอกนะ คือเรารู้อยู่แล้วว่าอะไรมันถูก อะไรมันดี และอะไรที่ไม่ดี เราก็ไม่ต้องทำ ผมเคยได้ยินมานะ อย่างสมัยก่อน ต้องรักษาภาพลักษณ์ เป็นพระเอกตลอดเวลา แต่พอกลับบ้านแล้วเป็นอีกแบบ เหรอ ! มันก็ไม่ใช่นะ เราต้องเป็นตัวของตัวเอง  ที่มันไม่ผิดวัฒนธรรมและไม่ผิดกาลเทศะ  
 
 
@@กับการใช้ชีวิตในฐานะของนักแสดง 
@ ทำงานในวงการบันเทิงมาทั้งหมดกี่ปีแล้ว
          ราวๆ 2 ปีกว่าแล้วนะ (ถือว่าไวไหมกับการเป็นพระเอก) ของแบบนี้ มันเทียบกันไม่ได้นะ แต่ในมุมมองของผม ผมว่ามันไวนะ  ผมเริ่มบทแรก ในละครเรื่อง เลือดเจ้าพระยา ผมเป็นตัวสอง พระเอกก็คือพี่ออย (ธนา สุทธิกมล) แล้วพอมาเรื่องที่ 2 "แม่ค้า" ค่อยมาเป็นพระเอกละครเย็น จนมาเรื่อง คมพยาบาท เป็นพระเอกกลางคืนเลย มันมาโดดตอนนี้แหละ เอาจริงๆ ผมเป็นพระเอกมาแค่ 2 เรื่องเองนะ  ส่วนเรื่องที่ว่ากลัวจะเป็นพระเอกมาเร็วไปเร็วหรือไม่นั้น ผมว่ามันอยู่ที่ตัวเรามากกว่า เอาจริงๆ บางคนเข้ามาเร็วกว่าผมอีกนะ แต่ก็เงียบหายไปเลย ของแบบนี้อยู่ที่ตัวเองทั้งนั้นแหล่ะ ว่าเราจะรักษาและพัฒนาฝีมือตัวเองอย่างไร 
 
 
@ เคยคิดไหมว่า ตัวเองจะมาทำงานในวงการบันเทิง
          เคยคิดว่าอยากเป็นพระเอก แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง เพราะผมชอบมาดนักธุรกิจมากกว่า บวกกับว่าตัวเองก็เรียนสายนี้ด้วย มันเป็นช่วงความคิดตอนเด็กๆ ว่าการเป็นพระเอกมันก็ดีนะ แบบว่ามีสาวๆ (หัวเราะ)  พอเราเข้ามาทำงานในวงการจริงๆ ผมบอกเลยว่า เบื่อมาก มันเหมือนว่าเราไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง มันต้องมาแสดง แถมโดนด่าอีก แบบว่าตื่นเช้ามาเพื่อโดนด่าเลยเหรอ 
 
 
@ โดนว่าบ่อยๆ เคยถอดใจไหม 
          โอ้ย... เคยดิ มันท้อไง พอกลับบ้าน ก็กลับมาคิดว่า ผมเองเรียนปี 4 แล้ว เลิกตอนนี้มันก็ทันนะ  แต่ว่าถ้าหากผมเลิกไป  ตอนนี้ผมคงนอนไม่หลับ  เพราะว่าเรารู้สึกล้มเหลวกับตัวเองแล้ว ต้องทำให้ได้ แต่นั่นไม่ใช่ความคิดที่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์นะ แต่เราต้องมีความสุขกับสิ่งที่เราทำด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวก็ป่วยเป็นโรคพอดี 
 
 
@ แล้วค้นพบความสุขในการทำงานได้อย่างไร 
          เมื่อไม่นานมานี้ หลังจบ คมพยาบาท ด้วยซ้ำ  ผมไม่ชอบมันนะ แต่ว่าผมก็ทำอยู่นานนะ แค่ว่าจะเอาชนะ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด จริงๆ แล้วเราต้องมีความสุขกับการทำงานด้วย บอกเลยว่าเรื่อง ใยกัลยา เป็นเรื่องที่ผมตั้งใจมาก และมีความสุขกับการทำงาน รู้จักปรับตัวกับการทำงาน รู้จักพัฒนาตัวเอง ไม่ได้คิดแค่ว่า ถ่ายละครเสร็จแล้วได้เงิน ก่อนหน้านี้ ผมคิดว่า พอได้เงินแล้วเราก็ไปทำในสิ่งที่เราอยากทำ แต่ตอนนี้ไม่ละ เราทำวันนี้ให้มีความสุข ผมกลับบ้านไปนอนหลับ ยิ้มได้ เราไม่ใช่แค่อ่านบทแล้ว เรารู้เบื่อหรือกดดัน แต่เราอ่านแล้วเรากลับมีความสุข ทุกวันนี้มีความสุขมากขึ้น  ผมมีเป้าหมายมากขึ้น  
 
 
@ มุมมองที่มีต่อวงการก่อนเข้ามาและหลังทำงานแล้ว เปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน 
          ก่อนเข้ามา เอาแบบนี้เลย คือโลกมันเปลี่ยนไปแล้วนะ ไม่ต้องพูดอะไรที่ดูสวยงามนะ ก่อนเข้ามา ผมคิดเลยว่า นี่คือทางลัดเลย (เน้นเสียง)  เข้ามาทำงาน ได้เงิน มีหญิงรู้จักอีก (ยิ้ม) ต่อยอดในสิ่งที่เราอยากทำได้อีก ผมคิดถึงตัวเงินและเป็นธุรกิจ แล้วก็มองว่ามันฉาบฉวยและไม่สะอาด มันหาเงินง่าย ทำงาน สบาย ชิลล์ วันๆ มาถ่ายละคร มีแต่คนมายกยอ แต่พอเข้ามาแล้ว ไม่มีอะไรง่าย ผมว่าทุกอาชีพเลยนะ หลายๆ คนบอกว่า การที่เป็นนักแสดงมีเวลาเยอะ ไม่เหมือนทำงานออฟฟิศ แต่มันไม่ใช่เลยะ ผมทำงาน ผมตื่นตั้งแต่ตี 4  ออกจากบ้านตี 5 เพราะว่าโลเกชั่นไกลมาก ต้องถึง 6 โมง และเริ่มถ่ายตอน 7 โมงเช้า ยิ่งถ้าละครจะออนนะ ผมตื่นตี 4 กลับบ้านเที่ยงคืน ทำงานทุกอย่างมันต้องมีใจรัก  เหมือนผมไม่รักไม่ชอบในช่วงแรกๆ  แต่ผมก็เปลี่ยนทัศนคติ  
 
 
@ ใครคือต้นแบบในการทำงานของตัวเอง 
          ผมชอบเดอะร็อกนะ ผมไม่ค่อยคลุกคลีกับพี่ๆ นักแสดงชายในช่องเลยไม่รู้ว่าใครทำงานเป็นอย่างไร  เชื่อไหม ผมเป็นคนเดียวเลยนะ ที่ไม่เคยได้เข้าช่องหรือแม้แต่งานช่องยังไม่เคยได้ไป เพราะว่าผมติดถ่ายละครตลอด แต่ผมก็เพื่อนๆ ที่แบบรุ่นราวคราวเดียวกันอย่าง เขต (ธาราเขต เพ็ชร์สุกใส) บอส (โตนนท์ วงศ์บุญ) แล้วก็เป็นเพื่อนที่ประกวดเมนท์เฮลธ์ด้วยกันเลย  แล้วก็เพื่อนที่ขอนแก่น ที่มาทำงานในกรุงเทพ
 
 
@@ อีกหนึ่งเป้าหมาย 
@ ธุรกิจที่เล็งไว้ 
          ผมขอเก็บไว้ก่อนดีกว่า แต่ว่ามันเกี่ยวกับที่เรียนมาอยู่แล้ว  สมัยที่ใช้ชีวิตอยู่ประเทศจีน ผมพอมองเห็นช่องทาง ว่าเราควรเอาอะไรมาทำที่เมืองไทยดี อะไรที่คนไทยยังไม่ได้ทำกัน อีกอย่างเราเองก็ได้ภาษาและได้คอนเนกชั่นด้วย  ตอนนี้ผมก็ได้คุยกับเพื่อนๆ อยู่นะ ว่าจะเปิดเป็นรูปแบบบริษัทเลย คือผมไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะว่าผมเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วมันก็ไม่เป็นแบบที่คิด ตอนนั้นก็ทำเยอะ เจ็บหนัก ตอนนี้คิดเลยว่าค่อยเป็นค่อยไป ที่ผ่านมาผมเป็นคนใจใหญ่ด้วยนะ  ทำอะไร ผมก็คิดว่าเงินมันหาได้อยู่แล้ว ผมไม่กลัว  แต่ว่าความจริงมันไม่ใช่ เราต้องมีแบบแผนมากกว่านี้  เมื่อก่อนผมไว้ใจเพื่อนทุกอย่าง  แต่ต่อไปนี้ไม่ได้ละ ผมต้องขอดูรายละเอียด  เอามานั่งคุยกัน ผมไม่เชื่อใครแล้ว เราต้องลงมือด้วยตัวเอง  แต่ผมไม่ได้มีปัญหากับเพื่อนนะ  ผมเข้าใจถึงปัญหาในสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้มากกว่า ผิดที่ผมเองไม่เข้าไปดู 
 
 
@@หัวใจของพระเอก
@ มุมมองความรักของพระเอก 
          ปกตินะ (ยิ้ม) ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบตอบคำถามเรื่องนี้กับเรื่องผู้หญิง  เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไรให้มันกลมให้มันดีที่สุด ตอบอะไรมา มันก็ชอบมีปัญหา  คือบางครั้งมันเป็นคำเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมัน แต่กลับมาเป็นประเด็น เรื่องแฟน เรื่องความรัก คือเราไม่อยากบอก เพราะว่าผมไม่อยากให้ไปโฟกัสเรื่องนั้น ผมอยากทำงานก่อนจริงๆ นะ  บอกไปก็ไม่เชื่อ (หัวเราะ)   
 
          สมกับเป็นพระเอกยุคใหม่จริงๆ   
 
.......................................
 
เขาชื่อ ..... 
ชื่อ ภัทรเดช   สงวนความดี 
ชื่อเล่น ไมค์ 
เกิด   17เมษายน 2532 (25 ปี) 
การศึกษา ระดับมัธยมศึกษา จบจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน
ระดับปริญญาตรี จบจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกภาษาจีนธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ผลงานผ่านมาแล้ว  เลือดเจ้าพระยา แม่ค้า คมพยาบาท ฯลฯ 
ผลงานปัจจุบัน  ใยกัลยา 
ผลงานเรื่องต่อไป อตีตา รอยรักแรงแค้น  
 
.......................................
(หมายเหตุ ก้าวผ่านกฎพระเอกในอุดมคติ มีความสุขกับวันนี้ของ"ไมค์"ภัทรเดช : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... ภัทรวรรณ  สุนทรธนานุกูล ภาพ... อนันต์  จันทร์สูตร์ )