'เพชร สหรัตน์'ย้ำชัดอยู่ท็อปไลน์เรื่องค่ายเก่าเคลียร์จบแล้ว | คมชัดลึก

 

     

          เพชร สหรัตน์ ควงเฮียช้วง ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม ผู้บริหารท็อปไลน์มิวสิคเปิดอัลบั้มใหม่"คารม" พูดชัดเป็นศิลปินท๊อปไลน์พร้อมแจงปัญหาทับซ้อนค่ายนายพลฯ ก่อนหน้านี้จนถูกฟ้องร้องยุติด้วยดีเดินหน้าทำเพลงหวังครองตลาดเพลงแนวใหม่

 

          ย้อนหลังก่อนหน้านั้น เพชร สหรัตน์ ได้ทำเพลงในสังกัดค่ายนายพลเอนเตอร์เทนเมนท์ ต่อมาเพชรได้ขอยกเลิกสัญญาและเข้าไปสังกัดค่ายท๊อปไลน์ ซึ่งเท่ากับว่า วันนี้มีเพลงของเพชร สหรัตน์ เผยแพร่ออกมาทั้งสองค่ายพร้อมๆ กัน จนกระทั่งค่ายนายพลฯ ได้แถลงข่าวฟ้องร้องกันเมื่อไม่นานมานี้ จนกระทั่งนำไปสู่การเจรจากัน ซึ่งได้ข้อสรุปที่ลงตัวแล้ว  

   

          เพชร สหรัตน์  เจ้าของเพลงดัง "อ้ายตายสิไห่นำบ่" เปิดใจกับทีมข่าวบันเทิง "คมชัดลึก" เป็นครั้งแรกถึงการถูกค่ายนายพลเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ต้นสังกัดเดิมฟ้องร้องก่อนหน้านี้และทำท่าจะต้องเป็นศิลปินคนแรกที่ต้องสังกัดอยู่สองค่ายพร้อมกันว่า

   

          "เป็นความไม่เข้าใจกันมากกว่าตอนนี้ทุกอย่างได้คุยกันลงตัวหมดแล้ว ยังเป็นญาติมิตรกันเหมือนเดิม ทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว พอทางผู้ใหญ่ทั้งสองบริษัทคุยกันก็เข้าใจกันหมด ทุกอย่างเรียบร้อยดี ตอนนี้ผมเป็นศิลปินของท๊อปไลน์มิวสิค คนที่ถือลิขสิทธิ์เพลงของผมคือท็อปไลน์กับค่ายเดิมเป็นการช่วยเหลือกันมากกว่า เราเคยทำงานร่วมกันมาอาจจะเกิดความไม่เข้าใจกันบ้างในบ้างจุด ตอนนี้ก็อาจจะให้สิทธิ์ค่ายเก่าในการขายงานโชว์ด้วย โดยทางท็อปไลน์ก็อาจจะทำเป็นราคาพิเศษให้เพื่อไปขายงานต่อได้ "

   

          ผู้สื่อข่าวถามยํ้าถึงสังกัดอีกครั้งว่าอยู่กับค่ายไหนและจะทำอย่างไรต่อหลังจากเคลียร์เรื่องกับค่ายเดิมจบแล้ว เพชร บอกว่า

          " วางแผนจากนี้ไป ก็เดินงานในอัลบั้มชุดที่2 ชื่อชุด "คารม" อยู่ ผมมองว่าที่สำคัญที่สุดในเรื่องของการทำงาน ผมเป็นตัวกลางอยู่แล้ว ส่วนต่างๆ ผู้ใหญ่จะเป็นคนคุยกันหลายคนอาจจะถามว่าในส่วนของตัวผมเองลิขสิทธิ์ต่างๆ เกี่ยวกับตัวศิลปินชัดเจนอยู่ที่ไหนก็คือ ยืนยันว่าผมอยู่ในสังกัดท็อปไลน์มิวสิคเหมือนเดิม แต่ในส่วนของการจอยกันกับค่ายเดิมในด้านอื่น ผมมองว่าการมีปัญหากันมันไม่ก่อนให้เกิดผลประโยชน์อะไรทั้งสองฝ่าย แต่ผมมองว่าถ้าเกิดจับมือกันเดินไปด้วยกัน เปรียบค่ายเดิมเป็นโบรกเกอร์ที่เป็นวีไอพี  ผมให้เกียรติในฐานะที่เคยร่วมงานกันมา"

   

          เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาทำให้งานเพลงโดยเฉพาะงานโชว์สะดุดไปบ้างไหมเพชรอธิบายว่า 

          " ไม่ได็สะดุดเท่าไหร่เพราะมันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นไม่ถึงเดือนที่เรื่องมันเกิดผู้ใหญ่ก็รีบพูดคุยกัน เขาอาจไม่เข้าใจอะไรบางจุด ส่วนผมก็อาจจะไม่เข้าใจจุดที่เขาคิดอยู่ พอแก้ไขก็ลงตัว ทางโน้นรับงานผมก็ไปช่วย ทุกปัญหามันทำให้เรารอบครอบขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในเรื่องของความไว้ใจ ทุกอย่างเราอยากให้ความไว้ใจไปคู่กับเอกสาร สัญญาให้ชัดเจน เรื่องทั้งหมดตอนนี้ชัดเจนหมดแล้ว "

     

          ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าอะไรทำให้เพลงและเพชร สหรัตน์ มาแรง เจ้าตัวหัวเราะก่อนอธิบายความคิดตอนมาทำเพลงให้ฟังว่า

          "ผมว่าด้วยความแปลกใหม่ของเพลงและเนื้อหาของเพลงด้วยที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงนี้ คือแฟนเพลงกลุ่มใหม่มันเกิดขึ้นค่อนข้างเยอะ เพราะสมัยก่อนคนที่บริโภคเพลงลูกทุ่งจะเป็นคนลูกทุ่งจริงๆ คนไทยชอบดนตรีเพียงแต่ว่าเขากล้าแสดงออกทางดนตรีมากน้อยแค่ไหนมากที่สุด คนฟังร็อก ฟังป๊อป เขาก็ฟังเพลงลูกทุ่งเหมือนกัน แต่ต้องยอมรับว่าวัยรุ่นเขาไม่กล้าแสดงออกในความชอบเพลงลูกทุ่งมาก เพราะบ้างคนมองว่ามันเชยแต่อยู่บ้านฟัง  ผมก็พยายามปรับเปลี่ยนแนวเพลงคือเนื้อหายังคงความเป็นลูกทุ่ง แต่เรื่องดนตรีผมพยายามจูนกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาเสพเพลงมากขึ้น เราได้กลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น อย่างเพลง "อ้ายตายสิไห่นำบ่" เป็นเพลงที่ฟังได้ทุกเพศวัย ทุกกลุ่มเด็กๆ ยันคนแก่  อย่างเพลงสตริงที่ยังอยู่ในใจคนได้มันก็จะเป็นเพลงที่อมตะ เราพยายามคิดว่าจะทำเพลงยังไงที่ให้มันติดอยู่คู่กับคนฟังไปนานๆ แล้วคนฟังไม่ลืม อันนี้สำคัญเราคิดมาตลอด ต้องหาความแปลกใหม่เข้ามาตลอด  มันทำให้คนชอบงานเพลงเราครับ"

     

          ด้านทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม เจ้าของท็อปไลน์มิวสิค กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแบบสั้นๆตามประสาคนพูดน้อยว่า

          "ตอนนี้ทุกอย่างไม่มีอะไรแล้ว เข้าใจกันดี วันนี้ผมยืนยันว่าเพชร สหรัตน์เป็นศิลปินของท็อปไลน์เหมือนเดิม เจ้าภาพต่างๆ ที่ต้องการติดต่องานคอนเสิร์ตติดต่อมาที่ผมได้ตลอดครับ"