บันเทิง

มายาวิชั่น:'เมื่อหนังมีบทบาทกับละครไทย'

มายาวิชั่น:'เมื่อหนังมีบทบาทกับละครไทย'

03 ธ.ค. 2557

'เมื่อหนังมีบทบาทกับละครไทย' : คอลัมน์ มายาวิชั่น โดย... เทพิตา

 
 
          ละครไทย มีวิวัฒนาการเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ตามการหมุนของโลก สู่ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี เราจึงได้เห็นละครไทยพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องน่าทึ่งและมหัศจรรย์อยู่ไม่น้อย
 
          ละครไทยในยุคปัจจุบัน การแข่งขันรุนแรงและหนักหน่วงขึ้น เห็นชัดมากขึ้นในยุคนี้กับละครไทย เมื่อหนังไทยมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องกับละครไทยมากขึ้น ทั้งการดึงผู้กำกับฯ หนังไทยมาทำละครหลากหลายคนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งมาจากปริมาณละครที่มากขึ้น ผู้กำกับฯ ละครที่มีอยู่ก็ไม่พอ ผู้กำกับฯ หนังจึงถูกดึงมาทำงานตรงนี้ เมื่อผู้กำกับฯ หนังมาทำงานละคร นั่นทำให้หน้าตาละครไทยมีความแปลกใหม่ขึ้น โดยเฉพาะทางภาพของหนังและสไตล์หนังที่ปรากฏในละครไทยมากขึ้น 
 
          เห็นชัดเจนจากละครไทย 2 เรื่องตอนนี้ที่กำลังเป็นกระแสแง่บวกจากการพูดถึงของคอละคร ที่อิทธิพลของหนังไทยมีต่อละครไทยมากขึ้น
 
          เริ่มที่ ภพรัก ที่ออกอากาศหลังข่าววันพุธ-พฤหัสบดี ทาง ช่อง 3 ผลงานจาก บริษัท เมตตาและมหานิยม ที่เรื่องนี้ควบคุมการผลิตโดย “นกหญิง” สินจัย และดึงผู้กำกับฯ หนัง “ต้อม” ปิยะพันธุ์ มาชิมลางกำกับละครครั้งแรก และนี่คือส่วนสำคัญหนึ่งที่ทำให้ละคร ภพรัก ค่อนข้างได้รับเสียงชื่นชมในเรื่องทางภาพที่งดงาม เมื่อผู้กำกับดึงสไตล์ทางภาพของหนังมาใส่ในละคร 
 
          อื่นๆ ของละคร ภพรัก ที่ประกอบกันเป็นละครหนึ่งเรื่องก็ค่อนข้างลงตัว ทั้งส่วนบทโทรทัศน์ที่ คฑาหัสต์ บุษปะเกศ ผู้เขียนพล็อตเรื่องนี้ขึ้นมา และช่วยลูกสาวควบคุมบทโทรทัศน์อย่างใกล้ชิด ค่อนข้างออกมาในทิศทางที่ดี ดูสนุก มีอะไรให้ลุ้น ค่อนข้างกู้หน้าจากผลงานอย่าง รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน และ รอยฝันตะวันเดือด ได้พอสมควร 
 
          ส่วนการประกบกันของคู่พระนาง “หมาก” ปริญ กับ “เบลล่า” ราณี ก็ค่อนข้างลงตัว ไม่ขัดตา แม้ไม่ถึงกับทำให้คนดูจี๊ดใจถึงขนาดจิกหมอนแบบคู่จิ้นหลายคู่ พระเอก “หมาก” เล่นดี ลื่นไหลในบท ที่สำคัญดูเป็นธรรมชาติมาก โดยเฉพาะเวลาเข้าฉากกับรุ่นใหญ่ “ตุ๊ก” ดวงตา ส่วนนางเอก “เบลล่า” ก็ทำตามบทได้ดี แต่ดูรูปลักษณ์รวมถึงแอ็กติ้ง เธอคนนี้น่าจะไปได้รุ่งและฮือฮากับบทนางเอกร้ายๆ แรงๆ เสียมากกว่า 
 
          ละครอีกหนึ่งเรื่องที่ได้อิทธิพลจากความเป็นหนังไทยมามาก เนตรนาคราช ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ทาง ช่อง 7 ผลงานเปิดซิงผู้จัดละครเรื่องแรกของ โอลิเวอร์ บีเวอร์ ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ได้รับคำชมจากคนดูเพียบ รวมถึงตัวเลขเรตติ้งตั้งแต่วันสตาร์ทออกอากาศก็งดงาม 
 
          ความสำเร็จของ เนตรนาคราช ต้องยกให้ความใจป้ำของผู้จัดที่ทุ่มทุนมากมายให้ฉากแอ็กชั่น จุดขายสำคัญของละคร ที่ต้องบอกว่าลงทุนมหาศาล เป็นความตั้งใจของผู้จัด เพราะการเปิดตัวเป็นผู้จัดด้วยละครเรื่องแรก เป็นสิ่งสำคัญจะทำให้คนดูจดจำการทำงาน จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะถึงตอนนี้ใครๆ ก็ชื่นชมละครและบทบาทการเป็นผู้จัดละครของเจ้าตัว 
 
          การลงทุนด้วยเงินเพียงอย่างเดียว อาจไม่ได้บ่งชี้ว่าละครจะสวยงาม ดูสนุก หรือมีคุณภาพ แต่ต้องยกเครดิตให้ผู้กำกับฯด้วย ที่เป็นการจับมือร่วมกันของ 2 ผู้กำกับฯ กฤษณะพงษ์ ราชรา และ คฑาเทพ ไทยวานิช แบบลงตัว ดีไซน์ฉากบู๊แต่ละฉากออกมาได้ยิ่งใหญ่ ตื่นเต้น เร้าใจ มีความเป็นหนังเอามากๆ และยกระดับละครไทยให้ดูมีความเป็นอินเตอร์มากขึ้น 
 
          ในส่วนการจับคู่กันขอพระนาง “ซี” ศิวัฒน์ และ “ยุ้ย” จีรนันท์ ที่ถนัดอยู่แล้วในการเล่นละครบู๊ ก็ลงตัวมากในการเล่นฉากแอ็กชั่น เพราะการทุ่มเททำให้ฉากแอ็กชั่นออกมาสวยงาม  
 
          ผู้กำกับฯ หนังไทยที่ก้าวมากำกับละคร ไม่ใช่ว่าจะประสบผลสำเร็จทุกคน หรือการพยายามดึงสไตล์หนังมาใส่ในละคร ก็ไม่ใช่ว่าจะฮิตเรื่อง เพราะถึงแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป รสนิยมคนดูอาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่ยังไงละครไทยก็มีสไตล์ความเป็นตัวเอง มีสูตรสำเร็จบางอย่างที่คนดูชอบอยู่ บางครั้งเราจึงได้เห็นว่า ผู้กำกับฯ หนังดังๆ แต่มาทำละครแล้วไม่ผ่าน เพราะมีความเป็นตัวเองในแนวทางการทำหนังเยอะเกินไป หรือเรื่องบางเรื่องพยายามฉีกจากความเป็นละครไทยมากไป คนดูก็ไม่รับ ทุกอย่างจึงอยู่ที่การปรุงส่วนผสมให้ลงตัวและกลมกล่อมต่างหาก...
 
.......................................
(หมายเหตุ 'เมื่อหนังมีบทบาทกับละครไทย' : คอลัมน์ มายาวิชั่น โดย... เทพิตา)