บันเทิง

เอกเขนกดูหนัง:'เร็วทะลุเร็ว'

เอกเขนกดูหนัง:'เร็วทะลุเร็ว'

14 พ.ย. 2557

'เร็วทะลุเร็ว' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม

 
 
          หนังแอ็กชั่นประเภทมุทะลุ ดุเดือด เลือดพล่าน ซัดหมัดลุ่นๆ ประเคนแข้ง เท้า เข่า ศอกใส่กันอย่างเอาตาย เห็นจะมีคนทำหนังเพียงหนึ่งเดียวที่สร้างสรรค์ลีลาการต่อสู้แบบปะฉะดะได้อย่างถึงอกถึงใจแฟนๆ แนวนี้ได้นั่นก็คือปรมาจารย์นักบู๊ผู้ล่วงลับ พันนา ฤทธิไกร
 
          นับจาก เกิดมาลุย หนังบู๊ภูธรที่สร้างปรากฏการณ์เล็กๆ ให้วงการหนังไทยเมื่อเกือบ 30 ปีก่อนในฐานะผู้บุกเบิกแนวทางหนังแอ็กชั่นไทยสมัยใหม่ ที่เน้นความสมจริงของท่วงท่าลีลาการต่อสู้ด้วยมือเปล่า มีการใช้ภาพในลักษณะรีแอ็กชั่นแสดงให้เห็นผลจากการปะทะทั้งจากหมัดเท้าเข่าศอกที่ประเคนใส่กัน ร่างกายที่กระโดดโลดโผนโจนทะยานผ่านเครื่องกีดขวางต่างๆ นานา (พ้นบ้าง ไม่พ้นบ้าง) อันนำมาซึ่งความรู้สึกถึงความรุนแรงจากการต่อสู้ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นความสำเร็จเล็กๆ ที่แฟนหนังไทยให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญในหนังของพันนาที่ปรากฏให้เห็นในงานของเขาเรื่อยมาจนมีการสร้างเป็นซีรีส์ติดต่อกันหลายภาค ไม่ว่าจะเป็น เกิดมาลุย ปลุกมันขึ้นมาฆ่า ปีนเกลียว กองทัพเถื่อน พยัคฆ์ร้ายเซี่ยงชุนฯ จนมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของวงการหนังไทยในปี 2546 เมื่อ พันนา ฤทธิไกร พร้อมด้วย จา พนม ยีรัมย์ จับมือกับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว ทำหนัง องค์บาก ขึ้นมา ซึ่งหลังจากนั้นโฉมหน้าของหนังบู๊ไทยก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
 
          พันนา ไม่มีโอกาสลงมือกำกับทิศทางหนังด้วยตัวเองมากนัก นอกจากกำกับคิวบู๊ออกแบบลีลาการต่อสู้ในหนังแอ็กชั่นทุกเรื่องของบาแรมยู สหมงคลฟิล์ม จนเกือบสองปีถัดมา ก็มีโอกาสกำกับหนังอีกครั้งด้วยการรีเมกหนังเรื่องเกิดมาลุยของตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็ร่วมกับ จา พนม กำกับ องค์บาก 2 และ 3 โคตรสู้โคตรโส และล่าสุด เร็วทะลุเร็ว 
 
          เหตุที่เท้าความกลับไปไล่เรียงผลงานกำกับที่ผ่านมาของ พันนา ฤทธิไกร ก็เนื่องจากว่า หนังเหล่านั้น ปรากฏให้เห็นถึงจุดร่วมที่ชัดเจนในการทำหนังของพันนา ตั้งแต่ลีลาการต่อสู้ที่ออกแบบท่วงท่ามาได้อย่างงดงาม รวดเร็ว แข็งแรงและสมจริง ก่อให้เกิดศาสตร์ใหม่ๆ ของศิลปะการต่อสู้บนโลกภาพยนตร์ โดยหนังองค์บาก ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของหนังบู๊ไทยยุคใหม่ นับจากเกิดมาลุย ในปี 2529 โดยอัตลักษณ์ดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ในหนังที่พันนามีส่วนร่วมเสมอมา หรือกระทั่งหนังที่เขารับหน้าที่กุมบังเหียนด้วยตัวเองในฐานะผู้กำกับ 
 
          จนมา เร็วทะลุเร็ว งานกำกับชิ้นล่าสุด และเป็นเรื่องชิ้นสุดท้ายในชีวิตของพันนา ก็ยังคงรักษาแนวทางหนังบู๊ประเภทถึงลูกถึงคนของเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะฉากปะทะเตะต่อยที่ดูสมจริง แม้ลวดลายลีลาการต่อสู้จะยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน แต่สิ่งที่สังเกตได้ในหนังคือการพยายามสร้างสรรค์ฉากต่อสู้รูปแบบใหม่ๆ ภายใต้พื้นที่ที่แปลกตาออกไป อาทิ โรงกลึง โบกี้รถไฟ หลังคารถไฟ ฯ ที่พัฒนาหรือต่อยอดมาจากงานเก่าๆ ที่ผ่านมา และอาศัยกระบวนการถ่ายทำด้วยเทคนิคสมัยใหม่โดยเฉพาะฉากต่อสู้บนหลังคารถไฟนั้น ได้อิทธิพลมาจากไอ้ฝาง ร.ฟ.ท. หนังเรื่องแรกที่เหมือนเป็นการเปิดตัวพันนาได้มีโอกาสแสดงความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้อย่างเต็มตัวให้โลกได้ประจักษ์ในฐานะนักแสดง หลายๆ ฉากในหนังมีการใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างภาพพิเศษมาช่วยเสริมเติมจินตนาการฉากแอ็กชั่นไปจนสุดทาง (และที่ทำเอาหลายคนตะลึงอ้าปากค้างตั้งแต่ได้เห็นหนังตัวอย่างคือฉากระเบิดหัวรถจักรจนพุ่งขึ้นไปบนอากาศ) แต่ที่เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้น คือความสุดโต่งของหนังด้วยการจับหัวรถจักรพุ่งเข้าชนกับเฮลิคอปเตอร์ (หลังจากเราได้เห็นเรือหางยาวชนฮ.มาแล้ว ในต้มยำกุ้งภาคแรก) 
 
          เร็วทะลุเร็ว มีความพยายายามในการออกแบบงานด้านภาพที่ให้ความรู้สึกแปลกต่างจากหนังแอ็กชั่นทั่วๆ ไป หลายฉากที่หนังใช้การถ่ายทำในลักษณะลองเทก โดยไม่ตัดต่อเป็นเวลานานหลายนาทีด้วยการปล่อยให้ตัวละคร เดินดุ่มๆ มุ่งจัดการเหล่าร้ายเพียงลำพัง ฉากแรกในสวนอาหาร ที่ไม่เพียงกล้องจะตามตัวละครเข้าไล่ยิงผู้ร้ายจนทั่วร้านเท่านั้น หากแต่ยังจับภาพมุมต่ำแค่ระดับหัวเข่าที่ไม่เปิดโอกาสให้เราเห็นหน้าค่าตาตัวละครเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเหล่าร้ายที่ถูกยิงคว่ำคะมำหงายล้มตายลงต่อหน้า ส่วนอีกฉากที่ถือว่ามีงานกำกับภาพที่ยอดเยี่ยมมาคือฉากตัวเอก เดินถือปืนบุกเข้าไปรังผู้ร้าย ไล่กราดยิงคู่อรินับสิบ ที่โผล่มาจากทุกทิศทางของตัวบ้าน ท่ามกลางห่ากระสุนที่สาดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งระเบิดมือตูมตามเป็นระยะๆ การถ่ายทำในลักษณะนี้ ต้องมีการกำหนดทิศทาง ออกแบบการต่อสู้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ รวมถึงซักซ้อมคิวเพื่อความแม่นยำเป็นอย่างดี เพื่อให้ภาพปรากฏออกมาอย่างสมจริง ตื่นตาเร้าใจ สมกับที่พันนาและทีมงานพยายามสร้างสรรค์ความแปลกใหม่ให้เกิดขึ้นในหนังของเขาอยู่เสมอ
 
          ไม่เพียงงานภาพทั้งเรื่องของเทคนิคพิเศษและการกำกับภาพเท่านั้น สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาอีกอย่างในเร็วทะลุเร็วคือความรุนแรง ซึ่งในทีนี้ไม่เพียงแค่ความรุนแรงในท่วงท่าลีลาการต่อสู้เหมือนที่เคยเป็นมาในหนังของพันนาทุกเรื่องเท่านั้น หากแต่เป็นความรุนแรงที่เป็นผลลัพธ์ของการฆ่าฟันกันอย่างเหี้ยมโหด อาทิ กระสุนปืนเจาะกะโหลกจนเลือดกระจาย ปากกระบอกปืนจ่อยิงทะลุปากไปยันท้ายทอย ซึ่งก็เป็นการสร้างภาพได้อย่างสยดสยองสมจริง ผ่านการใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์และงานเมกอัพ ไม่เพียงเท่านั้น ศิษย์รักก้นกุฏิของพันนาแต่ละคนยังโชว์ศิลปะการต่อสู้ให้ได้เห็นกันอย่างเต็มอิ่มเต็มตาและทุ่มเทกันอย่างไม่กลัวเจ็บ ทั้งเดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง และดารานักบู๊คนใหม่ วุฒิ นัฐวุฒิ บุญรับทรัพย์ และโดยเฉพาะนุ้ย เกศริน เอกธวัชกุล นี่คือหนังเรื่องแรกในรอบหลายปี นับจากเกิดมาลุย เวอร์ชั่นรีเมก ปี 47 ที่เธอได้โอกาสในการแสดงความสามารถทางศิลปะการต่อสู้ให้เราได้เห็นกันอย่างเต็มตา สมกับดีกรีนักกีฬาเทควันโดทีมชาติ ซึ่งพักหลังๆ เรามักเห็นเธอในบทเซ็กซี่ ที่ไม่ค่อยมีโอกาสแสดงความสามารถออกมาสักเท่าไหร่ เร็วทะลุเร็ว เหมือนกับเวทีของการแสดงมุทิตาจิตทางการต่อสู้เพื่อร่วมสดุดีไว้อาลัยแด่การจากไปของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่นามพันนา ฤทธิไกร 
 
.......................................
(หมายเหตุ 'เร็วทะลุเร็ว'  : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)