บันเทิง

หนังโรงเล็ก:'จากแวมไพร์สู่เทพนิยายหวาน'

หนังโรงเล็ก:'จากแวมไพร์สู่เทพนิยายหวาน'

07 พ.ย. 2557

'จากแวมไพร์สู่เทพนิยายหวาน' : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร

 
          ใครต่อใครอาจจะซื้อ Time เล่มล่าสุดที่หน้าปกเขียนว่า Beyond The Stars  ซึ่งทำสกู๊ปหนัง Interstellars ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน แต่ผมชอบอีกเล่มด้านหลังคือ การเติบโตของวัฒนธรรมแวมไพร์ผ่านช่วงเวลาหลายปีในหนังฮอลลีวู้ด
 
          หลายปีมานี้ วัฒนธรรมเทพนิยายกลับมาขายดีและทำเงินอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องอยู่บนการตีความใหม่ด้วย (ดังเช่น มาลิฟิเซนต์) 
การตีความ (interpretation) นั้นไม่ว่าจะใหม่สักกี่ครั้ง ถ้ากระทำด้วยเหตุผลแนะเจตนาที่ดี (ไม่ใช่เพื่อทำลายคนสร้างงานก่อนหน้า) ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีทั้งหมด
 
          ด้วยเหตุนี้เอง เราๆ ท่านๆ บางคนถึงโปรดปรานกับการที่ฮอลลีวู้ดเอย ค่ายหนังเอย ชอบเอาเรื่องเล่าและเรื่องราวคลาสสิกในอดีตมาสร้างใหม่ พยานปากเอกรายหนึ่งที่พอจะยืนยันว่า การเอาของเก่ามาสร้างใหม่ ตีความใหม่ หรือนำเสนอใหม่ แล้วน่าสนใจนั้นก็คือ ทุกเรื่องของบทละครเชคสเปียร์
 
          บาซ ลูหร์แมน เคยเอา โรมิโอ & จูเลียต มาตีความใหม่กับความขัดแย้งของสองตระกูล จนกลายเป็น tragedy สมัยใหม่ที่ “ลีลา” มีความสำคัญไม่แพ้ “เรื่องราว” อ.สดใส พันธุโกมล เคยสอนผมว่า เสน่ห์มันอยู่ที่ว่าใครจะตีความด้วยมุมไหน ไม่ใช่ว่าเอาของเก่าหรือใหม่มาทำอีก
 
          ด้วยเพราะเหตุผลนี้ หนังอย่าง Enchanted คงไม่ใช่หนังที่ว่าด้วยเทพนิยายหวานเฉยๆ เสียงั้น
 
          ตัวหนังนั้น ไม่ได้สนใจแง่มุมเกี่ยวกับเทพนิยายหรือนิทานหรอกครับ เขาเปิดหัวมาตั้งแต่ไก่โห่เลยว่า สิ่งที่จะเน้นก็คือ การเอารูปแบบของหนังใหม่ๆ มาผสมกับเรื่องราวในรูปแบบนิทาน เจ้าหญิงเจ้าชายยังคงมี และแม่มดใจร้ายไม่ได้หายไป
 
          เพียงแต่แสดงตัวเองในตัวละครที่เป็นมนุษย์ทั่วๆ ไป
 
          จีเซล (เอมี อดัมส์) มีความฝันในแบบนางเอกแสนสวยว่า จะได้พบเจ้าชายรูปหล่อในฝันและได้ร่วมจุมพิตแห่งรักแท้ด้วยกัน กลายเป็นจริงเมื่อ เจ้าชาย เอ็ดเวิร์ด (เจมส์ มาร์สเดน) ได้ยินเสียงร้องเพลงโซปราโนที่จับจิตของเธอและเร่งรุดมาอยู่ข้างกายเธอในทันใด 
 
          แต่ระหว่างที่เธอจะมุ่งหน้าไปเข้าพิธีสมรสกับเอ็ดเวิร์ด แต่ จีเซล กลับต้องมนต์สะกดของ ราชินีนาริสซา (ซูซาน ซาแรนดอน) ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เด็กสาวคนนี้แย่งชิงบัลลังก์ไปจากเธอได้
 
          จีเซล จึงถูกล่อลวงให้มองบ่อน้ำลึก และถูกผลักลงไปยังสถานที่ที่ห่างไกลจากอาณาจักรเทพนิยายแห่งนี้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่มีพงไพรงามหรือสวนสวย แต่เป็นนิวยอร์กยุคปัจจุบัน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ มันเป็นเมืองหลวงในโลกวันนี้ ที่มีพนักงานกำลังขุดท่อ ซ่อมสายไฟ และมีรถติดมากมาย
 
          พอเห็นเจ้าหญิงจีเซลตกกระป๋องมาอยู่ในนาครใหญ่อย่างนิวยอร์กนั้น ผมก็คิดถึงหนูน้อยหมวกแดงเวอร์ชั่นใหม่นั้น เมื่อจะเดินทางไปหายาย ระหว่างก็กลายเป็นว่าต้องไปพานพบกับเรื่องประหลาดๆ ที่แปลกมากกว่าในนิทาน และต้องระหกระเหินกลายไปเป็นอะไรต่างๆ นานา
 
          ยังไม่พอ ยังนึกถึงโฆษณาสินค้า 3-4 ตัวที่อยู่ในรายการออกอากาศวันเด็กแห่งชาติ และเอาคาแรกเตอร์คลาสสิกพวกเจ้าหญิงเจ้าชาย มาแอบแฝงขายสินค้าโดยที่เรารู้ว่ามันคือ การคือการค้าขายมากกว่าเล่านิทาน
 
          เห็นมั้ยครับว่า เทพนิยายจะหวานหรือไม่หวาน ล้วนพัฒนาตัวเอง จนกลายเป็นมีเรื่องใหม่ๆ และบางทีก็มี story ประหลาดๆ เล่าแทรกอยู่ตรงกลางซะงั้น สิ่งเหล่านี้ คุณผู้อ่านอย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการตีความในแบบที่เรียกว่า interpretation เพราะมันไม่ใช่การตีความ
 
          มันคือการเอานิทานมาหลอกขายสินค้าให้เด็กเชื่อ
 
          โดยโครงสร้างของการ์ตูนหรือนิทาน กระทั่งเทพนิยายคลาสสิกนั้น เค้าโครงที่เรื่องจะทิ้งเอาไว้ก็คือ ตัวเอกจะต้องผจญชะตากรรมตามลำพังก่อนพบอัศวินม้าขาว ในหนังเรื่อง enchanted นี้ก็ไม่ได้ถูกยกเว้น
 
          สาวงามอย่าง จีเซล ตกระกำลำบากอยู่ไม่นาน ก็มีผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ นั่นคือทนายความเมียหย่าที่ไม่เชื่อเรื่องไร้สาระ ชื่อ โรเบิร์ต (แพทริก เดมป์ซีย์) ที่มีลูกสาวตัวน้อยของเขา มอร์แกน (ราเชล โควีย์)
 
          เมื่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดที่ไม่ได้เป็นตัวละครแอนิเมชั่นอีกต่อไปแล้ว และคนรับใช้ของเขา นาธาเนียล (ทิโมธี สปอล) พร้อมทั้ง ชิพมังค์ เพื่อนสนิทของจีเซล ก็ติดตามมาถึงยังนิวยอร์ก และเกิดเรื่องราววุ่นวายมากมาย
 
          พล็อตเก่านั้น ทั้งแม่มดร้าย และใครต่อใครต่างก็อยากจะอยู่ครองในปราสาทและดินแดนของตัวเอง แต่ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ปี 2008 พวกเขายอมทิ้งปราสาทเพื่อมาวนเวียนอยู่ในนาครทันสมัยแห่งนี้
 
          แม่มดร้ายใช้เสน่ห์บางอย่างให้ผู้ช่วยจัดการใช้แอปเปิ้ลให้ จีเซล กิน (ซึ่งเธอก็ยังคงมีความฝันไม่หยุดหย่อน) ส่วนเจ้าหนูแสนซนอย่างชิพมังค์ ก็ทำหน้าที่ในแบบตัวละครประกอบในหนังตลกที่ต้องมีลูกมือ ได้อย่างสนุก (ลองสังเกตนะครับหนังในทางนี้เรื่องไหนจะได้เงินนั้น ขึ้นอยู่กับการสร้างตัวละครแบบนี้ขึ้นมา)
 
          หนังดูสนุกจริงๆ เมื่อเข้าไปสู่ครึ่งหลัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของการคนดูด้วยว่า มีความเข้าใจหรือรับรู้ข้อมูลในหนังมากน้อยแค่ไหน อย่างที่เราทราบ หนังเรื่องนี้เอาเทพนิยายคลาสสิกอย่างน้อยๆ ก็ 7 เรื่องมาร้อยรัดพันพัวและมั่วนิ่ม จนกลายเป็นหนังที่สนุกสนานเรื่องหนึ่ง
 
          ใครสนใจลองหาดีวีดีมาดูก็ได้นะครับ
 
.......................................
(หมายเหตุ 'จากแวมไพร์สู่เทพนิยายหวาน' : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร)