บันเทิง

‘แบรด พิตต์’กับบทนำใน‘Fury’

‘แบรด พิตต์’กับบทนำใน‘Fury’

02 พ.ย. 2557

บันเทิงต่างประเทศ : ‘แบรด พิตต์’ กับบทนำใน ‘Fury’ หนังที่สร้างจากเรื่องจริง

 
                เอ็ม พิคเจอร์ส และโคลัมเบีย พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ ภาพยนตร์แอ็กชั่น ที่สร้างจากเรื่องจริง ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของสงครามโลกครั้งที่สอง นำแสดงโดยซูเปอร์สตาร์แถวหน้าอย่าง แบรด พิตต์ ที่ทำหน้าที่อำนวยการสร้างร่วมกับ บิล บล็อค กำกับโดย เดวิด เอเยอร์ พร้อมนักแสดงมากฝีมืออย่าง โลแกน เลอร์แมน ไชอา เลอบัฟ ไมเคิล เพน่า จอห์น เบิร์นธัล เจสัน ไอแซ็ค และ สก็อตต์ อีสวู้ด ฯลฯ โดย แบรด พิตต์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ดังนี้
 
 
@ ช่วยเล่าถึงตัวตนของ "วอร์แดดดี้" ที่คุณรับบทหน่อย
 
                เขาเป็นผู้บัญชาการหน่วยรถถัง โดยลักษณะภายนอกแล้ว เขาเป็นคนที่จริงจังกับหน้าที่ของตัวเอง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสมรภูมิรบขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา เขาต้องรับผิดชอบชีวิตของลูกทีมทุกคน เขาใช้ชีวิตตามกฎที่ตัวเองตั้งขึ้นมา ซึ่งก็จำเป็นเนื่องจากที่สงครามทำให้ทุกคนใช้ชีวิตตามกฎปกติไม่ได้ แต่ถึงแม้ว่าภายนอกของเขาจะดูเคร่งเครียด แต่เขาก็มีความอ่อนโยนที่ถูกซ่อนไว้ และมีความห่วงใยลูกทีมของเขา เขาเป็นทั้งเพื่อน พี่ชาย และพ่อของสมาชิกหน่วยรถถังฟิวรี่
 
 
@ ผู้กำกับ เดวิด เอเยอร์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เขาต้องการทำให้ Fury เป็นหนังสงครามที่สมจริงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น คุณมีความเห็นว่ายังไงบ้าง
 
                เพราะความมุ่งมั่นในการทำให้ทุกอย่างเสมือนจริงที่สุดของเดวิด ทำให้ผมตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ มันเป็นประสบการณ์ ที่ผมไม่เคยได้สัมผัสในการทำงานมาก่อน นอกจากที่เราต้องเข้าค่ายทหารเพื่อฝึกกันอย่างจริงจังก่อนการถ่ายทำแล้ว พวกเรายังได้ไปพบกับสมาชิกหน่วยรถถังจริงๆ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ตอนนี้อายุ 90 กว่าปีกันหมดแล้ว พวกเขาเล่าทุกรายละเอียด ตั้งแต่วันดีเดย์ที่กองทัพสหรัฐบุกขึ้นหาดนอร์มังดี จนกระทั่งถึงช่วงโค้งสุดท้ายของสงคราม การที่ เดวิด ให้เราได้คุยกับคนเหล่านี้ ทำให้พวกเราเข้าใจถึงสภาพจิตใจ และความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
 
 
@ ช่วยเล่าถึงประสบการณ์ในการฝึกในค่ายทหารของคุณหน่อย
 
                พวกเราทั้ง 5 คนใช้เวลาเกือบเดือนภายในค่าย ถึงแม้ว่าเวลามันจะไม่นานนัก เมื่อเทียบกับทหารที่อาศัยอยู่ในนี้ แต่เราก็ได้กลายเป็นทหารของค่ายนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการตื่นตีห้าทุกวัน ออกวิ่งตอนเช้าเป็นเวลาสองชั่วโมง ฝึกฝนร่างกาย และการใช้อาวุธจนกระทั่งมืดค่ำ พวกเรากินอาหารเหมือนกับทหารคนอื่นๆ ต้องนอนกลางสายฝน และก็ต้องมีการผลัดกันเฝ้าเวรอีกด้วย ผมว่านอกจากที่การเข้าค่ายนี้ จะช่วยทำให้เราพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า มันยังช่วยทำให้ผม ไชอา, โลแกน, จอห์น, และ ไมเคิล ได้รู้จักและสนิทกันมากขึ้นด้วย สิ่งนี้ถือว่าสำคัญ เพราะว่าเมื่อถึงเวลาถ่ายทำ พวกเราจะต้องอยู่ภายในรถถังร่วมกันตลอดเวลา
 
 
@ สำหรับการร่วมงานนักแสดงอีก 4 คนภายในรถถัง คุณประทับใจใครมากที่สุด
 
                ผมคิดว่าทุกคน มีความตั้งใจและทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่ผมชอบความทุ่มเทของ ไชอา ลาบัฟ ที่สุด ผมว่าเขาเป็นนักแสดงที่เก่งที่สุด เท่าที่ผมเคยร่วมงานด้วยเลย เขาสวมวิญญาณเป็นเหมือนทหารในช่วงสงครามโลกจริงๆ ผมจำได้ว่า ในตอนหนึ่งที่เราทั้งคู่นั่งอยู่บนรถถัง แล้ว สก็อตต์ อีสวู้ด นักแสดงในเรื่องอีกคนบ้วนน้ำลายบนรถถัง ผมจำได้ว่า ไชอา เดินเข้าไปหา สก็อตต์ แล้วบอกให้เช็ดให้สะอาดเดี๋ยวนี้ เพราะรถถังเปรียบเสมือนบ้านของพวกเรา เราทั้งห้าคนที่เข้าค่ายทหารต่างก็เข้าใจว่า มันคือบ้านหลังที่สอง แต่ ไชอา ดูเหมือนจะเป็นคนที่จริงจังกับบทที่ได้รับมากที่สุด
 
 
@ ช่วยเล่าถึงสิ่งที่คุณได้รับจากการถ่ายทำภายในรถถังหน่อย
 
                ผมได้เรียนรู้ว่าระบบปฏิบัติการณ์ในรถถังนั้น ก็เหมือนกับการเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องจักร นั่นหมายถึงทุกคนที่อยู่ในนั้น จำเป็นต้องรู้ว่าอีก 4 คนทำหน้าที่กันยังไง ในกรณีที่ใครบางคนเสียชีวิต ที่เหลือก็ต้องสามารถที่จะมาทำแทน ในส่วนที่ขาดหายไปได้ เพราะเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพนั้น จะไม่สามารถทำงานได้ถ้าขาดฟันเฟืองหรือนอตไปเพียงตัวเดียว
 
 
@ อะไรคือสิ่งที่คุณได้รับจากการประสบการณ์ในการถ่ายทำหนังเรื่องนี้
 
                ผมคิดว่าตัวเองเข้าใจ ถึงความเสียสละและมิตรภาพที่เกิดขึ้นในสมรภูมิ คนที่ยืนอยู่ข้างคุณในสงคราม ไม่ได้เป็นเพียงแค่สหายร่วมรบ แต่เขาต้องเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง และเป็นครอบครัวเดียวกับคุณอีกด้วย และมันก็ไม่ได้จบลงเพียงแค่จุดสิ้นสุดของสงครามเท่านั้น เพราะมิตรภาพและความสัมพันธ์ จะดำเนินต่อไปในชีวิตปกติของคุณ ผมคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่งดงามที่เกิดขึ้นท่ามกลางความโหดร้ายของสงคราม