บันเทิง

เอกเขนกดูหนัง:'the eyes diary คนเห็นผี'

เอกเขนกดูหนัง:'the eyes diary คนเห็นผี'

31 ต.ค. 2557

'the eyes diary คนเห็นผี' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม

 
          ณ เวลานี้ โดยความเห็นส่วนตัว the eyes diary คนเห็นผี เป็นหนังผีที่น่ากลัวที่สุดเรื่องหนึ่งของปี 2557 อีกทั้งยังเป็นหนังดราม่าที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้เช่นกัน ความโดดเด่นของหนังไม่เพียงโครงสร้างของบทที่ค่อนข้างแข็งแรง แต่ยังมาพร้อมการแสดงที่ยอดเยี่ยม งานเทคนิคที่ถึงพร้อมทั้งงานด้านภาพและเสียง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับภาพ การออกแบบงานสร้าง การตัดต่อ ซาวนด์ดีไซน์ ดนตรีประกอบ ไปจนถึงเพลงที่เลือกมาใช้ในหนัง จนกระทั่งองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆอย่างงานเมกอัพ ล้วนแล้วแต่ก่อร่างสร้างให้ the eyes diary คนเห็นผี เป็นหนังไทยอีกเรื่องหนึ่งที่ถึงพร้อมด้วยคุณภาพหลายๆ ด้านในปีนี้
 
          พล็อตหนังที่มีโครงจากหนังสือการ์ตูนแห่งค่ายสยามอินเตอร์คอมิคส์ มี เอนก รอดแก้ว ได้รับเครดิตในฐานะผู้เขียน โดยผู้กำกับ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล รับหน้าที่ดัดแปลงเป็นบทหนังด้วยตัวเอง เล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่ฝังใจกับการเสียชีวิตของหญิงคนรักจากอุบัติเหตุที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้อง ชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวันของการทำงานอาสาสมัครเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิตจากเหตุต่างๆ คือการแอบหยิบข้าวของคนตายมาเก็บไว้เอง ด้วยหวังว่าจะได้เจอผีและมีโอกาสเห็นวิญญาณแฟนสาวปรากฏตัวขึ้นมาบ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เป็นผล มีเพียงเพื่อนฝูงรอบข้างที่พบเจอวิญญาณร้ายอยู่ตลอดเวลา
 
          สถานะหนังผีของ the eyes diary ไม่ใช่แค่การจัดวางสถานการณ์อกสั่นขวัญแขวนในการออกมาหลอกหลอนผู้คนของเหล่าบรรดาภูติผี แต่หนังยังเขยิบขึ้นไปเล่นผีหลอกผีด้วยกันเองอีกชั้นหนึ่ง แต่ที่เหนือยิ่งไปกว่านั้นคือ การนำแนวคิดของแบบ ‘พุทธ’ มาใช้ในหนังได้อย่างน่าสนใจพลางให้นึกถึงช่วงที่พระตถาคต ออกเดินทางเริ่มต้นเข้าหาธรรมะ เสียด้วยซ้ำไป
 
          หากย้อนกลับไปทบทวนพุทธประวัติจากแบบเรียนในวิชาพุทธศาสนาที่เราคุ้นเคยการที่เจ้าชายสิทธัตถะตัดสินใจเดินทางออกบวชก็เพื่อหาเหตุแห่งการพ้นทุกข์ ทุกข์ในใจพระองค์อย่างหนึ่งเปรียบได้ก็คือ บ่วง หรือห่วง ที่คล้องเราให้ยึดติดจนกลายเป็นทุกข์ บ่วง หรือห่วง ยังอาจหมายถึงความรักที่ผูกมัดรัดรึงเราให้อยู่กับคนที่เรารักจนเกิดทุกข์ พระองค์จึงต้องพระนามของพระโอรสว่า ราหุล ที่แปลว่าบ่วงหรือห่วง นั่นเอง
 
          ห่วง ที่กลายเป็นบ่วง ผูกสัมพันธ์ระหว่างคนกับผี จนไม่อาจแยกภพภูมิกันได้ระหว่าง ‘น็อต’ กับ ‘ปลา’ ก็คล้ายกัน บ่วงที่ทำให้เธอยังไม่จากชายคนรักไปไหนก็ความรักที่มีให้กันอย่างลึกซึ้ง เธอเฝ้ารอวันที่จะบอกอโหสิกรรมให้กับ ‘น็อต’ ถึงเหตุการณ์ในวันที่เกิดอุบัติเหตุจนคร่าชีวิตเธอไปในปีที่ผ่านมา ‘น็อต’ เอง ก็อยากพบเธอแม้จะอยู่ในภพภูมิของวิญญาณ ไม่เพียงแค่คิดถึงคนรักแต่เพราะอยากบอกความในใจบางอย่างด้วยเช่นกัน
 
          ทุกข์ ที่ไม่เพียงกลายเป็นบ่วงผูกรัดระหว่างคนกับผี หากแต่อีกหนึ่งตัวละครอย่าง ‘มดตะ’ เพื่อนสาวคนใหม่ของน็อต ก็ยังมีบ่วงที่ผูกเธอไว้กับความทุกข์ทนเมื่อหนหลังไม่ต่างกัน ทั้งคู่จึงพยายามหาทางติดต่อกับคนรักที่จากไปเพื่อจะได้ไต่ถามบอกความนัยแก่กันเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ในใจ ปลดบ่วงออกไปเพื่อเดินหน้าสู่ชีวิตใหม่ เช่นเดียวกับคนรักในอีกภพภูมิที่รอวันวิญญาณดับขันธ์ไปไม่ต่างกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งทุกข์ที่กลายเป็นบ่วงของวิญญาณสองโลก ล้วนเป็นกรรมที่ต่างฝ่ายได้กระทำต่อกันเอาไว้  เหตุที่ยกประเด็นนี้มาเปรียบเทียบเพราะตัวละครในหนังเอ่ยถึง ห่วง หรือบ่วง อยู่หลายครั้ง เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถตัดบ่วงหรือห่วงเพื่อให้ตัวเองพ้นจากทุกข์ได้เท่านั้น (บ่วงที่ว่า ยังมาปรากฏมาในรูปของริสแบนด์ และห่วงเชือกผูกคอตายของศพที่ น็อตแอบเก็บมาไว้ในบ้านด้วย)
 
          นี่คือความลึกซึ้งของบท the eyes diary คนเห็นผี ที่แฝง ‘ธรรมะ’ ลงไปได้อย่างแยบยลท่ามกลาง การออกแบบ จัดวางสถานการณ์ ตลอดจนรายละเอียดต่างๆ ด้วยพล็อตแบบหนังผีทั่วๆ ไป อันนำมาซึ่งความหวาดผวาน่าระทึกขวัญที่หนังคาดหวังว่าคนดูจะได้รับและปรากฏว่ามันก็ได้ผลตามนั้นซะด้วยชั้นเชิงของบทหนังเรื่องนี้ที่น่าชื่นชมอีกประการ อยู่ที่การวางปูมซ่อนปมในหนังไปตลอดทั้งเรื่องได้อย่างแนบเนียน พอหนังเดินทางมาถึงช่วงไคลแมกซ์ ปมเหล่านั้นก็ถูกหยิบนำมาใช้ขยายความ แก้ปมที่ผูกไว้ให้ได้สงสัยกันตั้งแต่แรก เป็นการอธิบายเหตุการณ์ในหนังได้อย่างสมเหตุสมผลที่วางน้ำหนักเอาไว้ได้อย่างพอดิบพอดี กับการสร้างสถานการณ์คับขันต่างๆ นานา ที่ตัวละครทั้งคนและผีต้องเผชิญ
 
          the eyes diary เพียบพร้อมไปด้วยองค์ประกอบแวดล้อมด้านภาพและเสียงของความเป็นหนังผีที่สร้างความพรั่นสะพรึงสะดุ้งสะเทือนอารมณ์ผู้ชมจนอกสั่นขวัญแขวนได้อย่างสุดทางตามที่เรื่องราวจะพาไป โดยเฉพาะงานออกแบบเสียงประกอบชวนหลอน ที่แม้ยังหนีไม่พ้นการใช้โหมประโคมด้วยเสียงอันดังแหลมระทึก แต่ซาวนด์ดีไซน์ใหม่ๆ ในบางโมเม้นต์ที่ใส่ก็เข้ามา ก็สร้างความหวาดหวั่นได้ไม่น้อย รวมทั้งดนตรีประกอบและการเลือกเอาเพลง คิดถึง ของหรั่ง ร็อคเคสตร้า มาเป็นเพลงธีมในหนัง ก็ถือเป็นการนำเพลงเก่าในอดีตมารับใช้เนื้อหาในหนังได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว  
 
          บทหนังจะไม่สัมฤิทธิ์ผลได้หากปราศจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สามารถถ่ายทอดบทบาทและอารมณ์ออกมาได้อย่างถึงที่สุดจากนักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าจะเป็นความหวังของวงการหนังไทยอย่าง ‘ปั้นจั่น’ ปรมะ อิ่มอโนทัย ในบทน็อตชายหนุ่มที่จมปลักกับความเศร้าหลังสูญเสียคนรัก จนมีความคิดที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เห็นผีจะได้มีโอกาสสื่อสารกับคนรักอีกครั้ง เช่นเดียวกับ ‘เมโกะ’ ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย แม้จะได้รับบทสมทบอีกครั้ง หลังฝากความมีเสน่ห์น่ารักจาก mary is happy, mary is happy ผลงานที่ผ่านมา บท มดตะ ใน the eyes diary ของเธอ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญ ที่สะท้อนภาวะของคนที่ตกอยู่ในบ่วงกรรมแห่งทุกข์เช่นกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะเสี่ยงตัดสินใจฝ่าผจญวิญญาณร้ายเพื่อหาคำตอบและหนทางแห่งการพ้นบ่วงกรรมของตัวเอง จนนำไปสู่บทสรุปอันน่าสะเทือนใจในตอนท้าย ส่งผลให้ the eyes diary คนเห็นผี เป็นอีกหนึ่งหนังไทยในปีนี้ที่ยังพอมองหาคุณภาพในตัวงานได้อย่างถึงพร้อมและสมบูรณ์แบบเรื่องหนึ่ง ซึ่งจนถึงตอนนี้สถานภาพคนทำหนังของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ยังคงน่ายกย่องในฐานะของผู้กำกับที่รักษาคุณภาพการทำงานในหนังตัวเองโดยไม่ขาดตกบกพร่องจากเรื่องก่อนๆ ไม่ว่าจะในปีที่ผ่านมากับ เกรียนฟิคชั่น หรือก่อนหน้านั้นกับงานดีๆ อย่าง home ความรัก ความสุข ความทรงจำ, รักแห่งสยาม, 13 เกมสยอง ไปจนคนผีปีศาจ ที่แม้เวลาผ่านมา 10  ปี ผ่านการทำหนังมาหลายแนว ที่เขายังรักษามาตรฐานคุณภาพของงานเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และผลงานล่าสุดสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็น่าจะเป็นความสำเร็จด้านรายได้ในฐานะหนังผีที่ดูสนุก ชวนให้ขนพองสยองเกล้าเรื่องหนึ่งของปีอีกด้วย
 
.......................................
(หมายเหตุ 'the eyes diary คนเห็นผี' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)