
ทีวีสีรุ้ง:'นักดับเพลิง'
15 ต.ค. 2557
'นักดับเพลิง' : คอลัมน์ ทีวีสีรุ้ง โดย... สุนิสา สุขบุญสังข์
ในทุกที่ ทุกจังหวะ ตราบที่โลกยังหมุนไป การแข่งขันมุ่งเอาชนะกันก็ยังคงเกิดอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเอาชนะกันอย่างบ้าคลั่ง เพียงเพราะฉันโกรธแก ฉันแพ้ไม่ได้ หรือกระทั่ง ฉันอยากไปช่วยคนที่เดือดร้อนข้างหน้า แต่ว่าฉันต้องได้ช่วยเป็นคนแรกนะ ฉันถึงจะรู้สึกภูมิใจ.. เริ่มต้นอาจดูเหมือนทำเพื่อคนอื่น แต่สิ่งที่แฝงอยู่แล้วกลับไม่รู้ตัวคือ เรากำลังทำเพื่อตัวเองหรือเพื่อใคร?? จากเริ่มต้นที่เป็นกุศล อาจจบแบบไม่สวย จนกลายเป็นอกุศลไปได้
เหล่านี้ที่พูดมา เป็นความรู้สึกจากการดูซีรีส์เรื่อง Chicago Fire ค่ะ ซึ่งตามชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นเรื่องของนักดับเพลิงหน่วยหนึ่งในชิคาโก ตามสไตล์ของบท ไม่ว่าจะเป็นของชาติไหน อาชีพอะไร ก็ต้องพูดถึงความเป็นไปของตัวละคร ที่ย่อมมีทั้งรักกัน เกลียดกัน แข่งขันหรืออาจจะเกื้อกูลกัน เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ทำให้เห็นถึงความสามัคคี เกื้อกูลกันในหน่วยงานของพวกเขาเอง
แต่ถ้ามันมีแต่เรื่องดีๆ อ้อมคงไม่เกริ่นเรื่องการแข่งขันไว้ตั้งแต่บรรทัดแรกสุด เพราะว่าไอ้ความเกื้อกูลที่ปรากฏในเรื่องนั้น มีแต่ในพวกของฉัน แต่ถ้าเป็นเรื่องพวกของแกกับพวกของฉัน มันจะเป็นการแข่งขันกันทั้งสิ้น
ตามหน้าที่แล้ว นักดับเพลิงควรจะต้องรีบไปดับเพลิงเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ นี่คือสิ่งที่ใครๆ ก็เข้าใจ แล้วถ้านักดับเพลิงรีบไปยังที่เกิดเหตุ แล้วช่วยกันดับ ยิ่งไปหลายคันก็คงยิ่งดี เพราะคงช่วยสกัดความเสียหายและความสูญเสียได้เร็ว แต่ลองคิดดูสิคะว่า ถ้ารถดับเพลิงสองคัน แข่งกันเหยียบแบบไม่คิดชีวิต(ผู้อื่น) เพื่อให้พวกชั้นได้ไปถึงที่เกิดเหตุก่อน แล้วพวกฉันก็จะชนะโดยหลักการจะได้มีสิทธิออกคำสั่งใส่พวกแกที่ไปถึงทีหลังด้วย อ้อมเลยคิดว่า.. นี่มันจะช่วยคนเดือดร้อน หรือเป็นการแข่งขันกันแน่... แล้วในเรื่องนี้มันแย่ที่ พอรถดับเพลิง 2 คันแข่งกัน มันดันเกิดอุบัติเหตุ ประสานงากลางสี่แยก ความเสียหายที่เกิดแน่นอนว่า ไอ้สถานที่ที่ไฟไหม้อยู่ ก็คงจะมีเหตุให้ไฟลามไปก่อน แถมรถพยาบาลยังต้องแบ่งมาดูแลอุบัติเหตุจากรถดับเพลิงที่ชนกันเองอีก เรียกว่าหายนะทับซ้อนชัดๆ
สำหรับอ้อม เหตุการณ์นี้มันเป็นเรื่องของความประมาทขาดสติ แทนที่จะได้ไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน กลับเป็นผู้ที่สร้างความเดือดร้อนซะเอง อุบัติเหตุนั้นเกิดได้เสมอ แต่เหตุที่อุบัติขึ้นนี้เกิดจากความประมาท เลินเล่อ และเห็นแก่ตัวของคนเพียงไม่กี่คน แถมขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ทำจิตอาสา หรืองานเพื่อประชาชน แต่กลับเอาผลประโยชน์ของตนเป็นหลักซะเอง คนเราถ้าเป้าหมายคิดจะทำกุศล ระหว่างทางที่ทำก็ควรทำให้เป็นกุศล อย่างเหตุการณ์นี้ ถ้าขับไปอย่างไม่ประมาท ไม่คิดชิงดีชิงเด่น จุดมุ่งหมายที่จะช่วยเหลือคนก็สำเร็จ ความเสียหายระหว่างทางก็ไม่เกิด
เรามักอยู่กับความประมาทเสียจนชิน กลายเป็นว่าความประมาทเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เราควรฝึกให้ความไม่ประมาทมันเป็นปกติ และความประมาทเป็นความไม่ปกติจะดีกว่ามั้ยคะ
ก่อนจะดับเพลิงให้คนอื่น ...ต้องไม่ลืมฝึกดับเพลิงในใจตัวเอง
.......................................
(หมายเหตุ 'นักดับเพลิง' : คอลัมน์ ทีวีสีรุ้ง โดย... สุนิสา สุขบุญสังข์)