
คลอดลูกสาวคนสองในรพ.ที่สร้างมาเพื่อเด็กอย่างแท้จริง
14 ต.ค. 2557
คลอดลูกสาวคนสองในโรงพยาบาลที่สร้างมาเพื่อเด็กอย่างแท้จริง : คอลัมน์ หนุ่ยรู้โลกรู้ โดย... พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์
ท่ามกลางสถานการณ์อันน่าเมาหมัดทางการงานที่ทั้งผมและศรีภรรยาต้องประสบมาในช่วง 7เดือนมานี้ของการเปลี่ยนผ่านวงการโทรทัศน์ไทยสู่ดิจิทัลทีวี.. เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมาก็ครบกำหนดการผ่าความวู่วามที่เกิดขึ้นเมื่อ 9 เดือนก่อนให้ออกมาลืมตาดูโลกได้ “บุตรสาวคนที่ 2” ของครอบครัวเรามาแว้ววววว.. เธอแข็งแรงดี ปลอดภัยทั้งแม่และลูก ถือเป็นการท่องประสบการณ์อันสุดแสนพิเศษในรอบ 4 ปีที่ห่างหายไปนาน จากผลงานแรก “อยู่นี่” ด.ญ.พีรดา มาถึง “มานี่” ด.ญ.ภารดี หิรัญพฤกษ์ ซึ่งครั้งนี้เราเลือกลานปฏิบัติการสานความรักเป็น “รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์” ถิ่นใกล้บ้าน ถือเป็นการ “ย้ายค่าย” (ในเครือเดียวกัน) จากท้องแรกที่ผ่าคลอดที่ รพ.กรุงเทพ มาพบเจอกับบรรยากาศใหม่อีกอารมณ์ที่ภรรยาผมเผลออุทานว่า “เหมือนมาพักโรงแรมเลย!”
มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ มันช่างเหมือนการมาเที่ยวพักผ่อนมากๆ เพื่อนสนิทญาติมิตรที่มาเยี่ยมต่างเอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่า “ห้องพักสวยจัง” ..ผมตัดสินใจแลนดิ้งภรรยาสู่ห้องไซส์ใหญ่ที่สุดในแพ็กเกจการคลอด “President” เมื่อเห็นสภาพภายในห้องที่แบ่งมาให้ถึง 3 ส่วน โถงต้อนรับ, ห้องพักญาติ และห้องพักฟื้นของคุณภรรยา เข้าใจเลยว่าทำไมหลายครอบครัวที่ผมรู้จักเขาถึงเลือกมาคลอดที่นี่ ทั้งๆ ที่ชื่อชั้นยังไม่ติดหูเหมือนโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง แต่จากนี้ไปผมจะแนะนำผู้กำลังเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ผู้มีเด็กเล็กใต้อาณัติหัวใจให้มารู้จักกับ “Samitivej International Children’s Hospital” โรงพยาบาลเด็กเพื่อเด็กอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด “ไม่ป่วยก็มาโรงพยาบาลได้”
เรื่องนี้ผมได้ฟังจากปากผู้อำนวยการโรงพยาบาลคือ พญ.สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ “หมอหมีตัวจริง” ของโรงพยาบาลแห่งนี้ (ใครเคยมาจะทราบดีว่าที่นี่มี Dr.Carebear หรือ “หมอหมี” เป็น Mascot ประจำเพื่อสร้างความอบอุ่นในการรักษาพยาบาลแก่เด็กๆ) ซึ่งช่วงแรกที่โรงพยาบาลสมิติเวชมีนโยบายจะพัฒนาโรงพยาบาลเด็ก ก็มีประชุมหารือกันว่าจะใช้มาสคอตเป็นตัวสัตว์อะไร? ปรากฏว่า “ชื่อเล่นผู้อำนวยการ” นี่แหละครับที่เข้าวิน.. จึงสร้างสรรค์กลายเป็นหมอหมีขาวใสใจดีแบบที่เห็น
พญ.สุรางคณาให้เกียรติเข้ามาเยี่ยมภรรยาผมถึงในห้องพักในเช้าวันที่ 2 ท่านว่าข่าวเรื่องการสร้างนิทรรศการภาพถ่ายในห้องเพื่อเซอร์ไพรส์ภรรยาของผมนั้นได้ขจรไกลไปถึงหู (ฮา!) คุณหมอแซวว่าพยาบาลสาวๆ ขอแลกเปลี่ยนเวรกันเข้ามาดูแลคุณตุ๊กเพราะอยากจะเห็นไอ้ผนังภาพที่ผมทำ
ซึ่งผมเองก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า “อยากทำให้ภรรยามีความสุขบ้าง” เพราะท้องนี้เป็นท้องที่คุณตุ๊กต้องทำงานหนักมากแบบไม่เคยปรากฏ มีปัญหาต้องให้แก้ไม่เว้นแต่ละวัน เพราะช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลทีวีไม่สวยงามโสภาดังคาดนัก (ตัดสินใจมีลูกกันตอนเดือนมกราคมทันทีที่เห็นว่ากสทช.จัดประมูลคลื่นได้อย่างราบรื่น เลยมีลูกฉลองให้อีกคนเลย ฮา!)
การตั้งครรภ์ครั้งนี้ของคุณตุ๊กเลยไม่สนุกทั้งๆ ที่เธอเคยปรารภว่า “ชอบบรรยากาศการท้อง” เพราะสามีเอาใจ ใครๆ ก็เป็นห่วง ผมอาจเป็นสามีที่แย่ในการตั้งครรภ์ครั้งนี้ แต่มรสุมงานมันหนักจริง ไม่มีเธอช่วยผมก็พัง เลยเป็นที่มาของเซอร์ไพรส์ครั้งนี้ที่อยากเห็นเธอมีความสุขบ้างหลังผ่านเรื่องหนักๆ มามาก
ซึ่งทันทีที่ผมแจ้งความจำนงมากับทางโรงพยาบาลว่าจะขอเซอร์ไพรส์ภรรยาด้วยการเข้ามาจัดห้องก่อนล่วงหน้า เจ้าหน้าที่ทุกท่านก็ให้ความร่วมมือดีมากๆ แบบที่ไม่มีเอ๊ะ ไม่มีสงสัย หรือทำให้เราเสียเซลฟ์ความตั้งใจเลยล่ะ
งานนี้ผมได้เพื่อนสมัยมัธยมปลายที่ปัจจุบันเป็นช่างภาพงานแต่งฯที่เก่งมากมือวางอันดับต้นๆ “ปุ๋ย Karn Photography” มาช่วย Convert ภาพสีที่ถ่ายด้วยสมาร์ทโฟนธรรมดาๆ ให้กลายเป็นงานอาร์ตขาวดำที่น่าอบอุ่นมาก ได้ “ซ้อปานและเฮียนิ้ง” เพื่อนสมัยมัธยมของพี่ชายมาพริ้นท์ภาพและทำกรอบเฟรมสีขาวคละขนาดให้สวยดั่ง “สั่งตัด” ขนาดเล็กใหญ่แค่ไหนเขาก็ทำให้ได้หมด (พิมพ์ “เอสเจเฟรมและเรซิ่น” ใน Facebook เจอเลยครับ) ได้น้องอลงกรณ์ทีมงานน้องใหม่จากมศว.มาทำไฟล์ตัวอักษร “ขอบคุณตุ๊กที่ทำสิ่งนี้นะ” โดยได้พี่จุ๋ยแห่ง @ around ยิงไฟล์ลงไม้ลวดลายสวยงามเลยล่ะ .. ปฏิบัติการ “ติดตั้งนิทรรศการภาพถ่ายความรัก” ในช่วงเวลาขณะผ่าท้องคุณตุ๊กเริ่มต้นขึ้นและจบลงในระยะเวลาจำกัด โดยมี “ภิญโญ, กิฟต์, อดุลย์ และดนัย” Driver AEC ของผม มาช่วยกันมะรุมมะตุ้มพื้นที่ปลายเตียงให้เป็นสรวงสวรรค์เล็กๆ ของคุณตุ๊กในทันทีที่เธอลืมตาฟื้นจากความเหน็ดเหนื่อยมามองเห็น
คุณหมอและพยาบาลเข้ามาเห็นก็ชื่นชอบชื่นชมกันมากๆ ฟีลลิ่งต่างจากบรรดาๆ เพื่อนๆ ผมที่เข้ามาเห็นแล้วอ้าปากค้างคิดว่า “โรงพยาบาลทำให้” ไปซะ!! ผมงี้แอบค้อน :) ฮา..น้ำตาตก T-T
กลับมาเรื่องความตั้งใจของโรงพยาบาลกันบ้าง คุณหมอหมี พญ.สุรางคณา เธอมีแนวคิดการบริหารโรงพยาบาลเด็กให้เกิดประสบการณ์ใหม่ว่า “ไม่ป่วยก็มาโรงพยาบาลได้” ..ล่าสุดเธอจึงดำเนินการ “แยกประตูทางเข้า” ให้แยกต่างหากจากโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ คุณพ่อคุณแม่ที่ขับรถมาสามารถขับขึ้นแลมป์มาส่งลูกถึงชั้น 2 หน้า Children’s Hospital ได้เลย พร้อมบรรยากาศสนุกสนานหน้าโรงพยาบาลที่เขาจัดพาเหรดให้เฮฮากันทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ..ที่ชั้น 3 ของโรงพยาบาลยังเปิดเป็น Learning Center เพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์ที่แปลกใหม่อันนี้ที่ว่าไม่ป่วยก็มาโรงพยาบาลได้ มีศูนย์การเรียนสำหรับเด็กออทิสติก, สมาธิสั้น หรือเด็กที่พัฒนาการเรียนในห้องเรียนได้ช้ากว่าเพื่อน ก็มาบูสต์อัพกันที่นี่ เขามีวิธีจัดการอย่างเป็นระบบตามหลักทางวิชาการที่น่าเลื่อมใสและที่สำคัญ.. “เป็นมิตร”
ส่วนแผนกกุมารเวช หรือ “บริการหลังการคลอด” ณ ชั้น 12 ของที่นี่ก็อบอุ่นมาก พยาบาลสาวในชุดสีชมพูหน้าตาน่ารักหลายสิบชีวิต หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันมาดูแลลูกของเราให้ดั่งลูกหลานของพวกเธอเอง ระบบซีเคียวริตี้เป็นเลิศ “แลกบัตรมันทุกคนที่ขวางหน้า” แม้ผมเป็นพ่อเด็กยังต้องแลกบัตร! (ป้องกันการปลอมตัวมาเป็นผัว) เด็กทารกทุกคนจะได้ปลอดภัยไม่มีใครสูญหายให้พ่อแม่ต้องทุกข์ทรมาน
ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีระบบ “Look@Mybaby” เป็นบริการ “เยี่ยมเสมือนจริง” ที่เปิดโอกาสให้ครอบครัวและเพื่อนๆ สามารถเยี่ยมออน์ไลน์ได้ด้วย Username และ Password ที่พ่อแม่เป็นผู้มอบให้เอง นับเป็นกระบวนการที่ปลอดภัยเป็นส่วนตัว โดย รพ.จะติดตั้งกล้องระดับ Medical Grade ผ่านการฆ่าเชื้อและให้คุณภาพได้ดีกว่า IP Camera ทั่วไป เพิ่งเริ่มใช้ที่โรงพยาบาลในออสเตรเลียมาไม่นานนี้และจะใช้โรงพยาบาลสมิติเวชเป็นแห่งแรกในประเทศไทย
ปิดท้ายผมต้องขอบคุณพญ.สิริพัฒน์ ปรีชาสนองกิจ แพทย์ผู้ทำคลอดให้ภรรยาผม (แพทย์หญิงเท่านั้นที่ผมวางใจในการตรวจภายในภรรยา...พ้ม :) คุณหมอนิ่งมากและวิชาการแน่น ตลอด 9 เดือนมานี้ฟังคุณหมอตรวจก็ได้รับความรู้ทางการแพทย์ไปด้วยมาก ขอบพระคุณทีมแพทย์, พยาบาล, แม่บ้านทุกท่านที่ได้ให้การดูแลด้วยครับ ประทับใจจริงๆ
.......................................
(หมายเหตุ คลอดลูกสาวคนสองในโรงพยาบาลที่สร้างมาเพื่อเด็กอย่างแท้จริง : คอลัมน์ หนุ่ยรู้โลกรู้ โดย... พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์)