คิดถึง'ก้าน แก้วสุพรรณ'1ปีที่ดาวไม่จรัสแสง | คมชัดลึก

    
          06.50 น. วันที่ 6 ตุลาคม ปี 2556 ปีที่ผ่านมา วงการเพลงลูกทุ่งสูญเสีย ก้าน แก้วสุพรรณ นักร้องเสียงอมตะในวัย 75 ปี ด้วยโรคมะเร็งลำไส้ ที่โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ และได้บำเพ็ญกุศลศพที่วัดไร่ขิง นครปฐม ศาลาเดียวกับ สายัณห์ สัญญา ซึ่งเสียชีวิตไปก่อนหน้า 25 วัน
    
          ก้าน แก้วสุพรรณ ต่อสู้กับโรคร้ายมาหลายปีด้วยกำลังใจจากครอบครัวและแฟนเพลงที่เดินทางไปเยี่ยมก้านที่โรงพยาบาลอย่างไม่ขาดสาย ก้านทิ้งบทเพลงอมตะที่ทรงคุณค่าไว้เป็นตำนานมากมาย อาทิ น้ำตาลก้นแก้ว ,รอยไถแปร , กลับเถิดเรียมจ๋า , แก่งคอย , ดาวจรัสแสง, สวรรค์ชาวนา, โสนน้อยเรือนงาม ฯลฯ
    
          หยก หอมระรื่น อดีตคู่ชีวิตก้าน แก้วสุพรรณ กล่าวถึง การจากไปครบ 1 ปี ของสามีว่า
          "ตอนนี้ร่างกายไม่ค่อยดี ยังคิดถึงพี่ก้านเขาตลอดเวลา เอารถเบนส์ของพี่ก้านซึ่งมันผุเราไม่มีปัญญาไปซ่อม ไปแลกแพะมา5ตัว อยู่กับนะโมลูกชายคนเล็ก เขาอยู่ม.3 เขาอยากเป็นทหาร เราก็มีเงินเท่าไหร่ก็ทำบุญเท่านั้น ลูกๆ เขาก็มีครอบครัวกันไปเราก็ไม่อยากรบกวนเขา เราเป็นแม่ ตอนนี้ไม่สบายใจเครียดเรื่องหุ่นที่ไม่เหมือนเลย ป้าใส่บาตรให้เขาทุกวัน นี่ก็นัดๆกันกับลูกๆว่าอาจจะไปทำบุญให้พี่เขาในวันครบรอบ 1 ปี"
    
          ด้านลิขสิทธิ์เพลงของ ก้าน แก้วสุพรรณ ที่พอมีอยู่ และบทเพลงชุดสุดท้ายที่เจ้าตัวลงทุนทำขายเอง ชุด มงคลชีวิต 1-2 และชุด "ของขวัญจากใจ"นั้น เจ้าตัวกล่าวว่า
          "นะโม เขาก็ท่องเพลงพวกนี้อยู่ จะให้เขามาร้องใหม่แทนพ่อเขา ส่วนที่พี่ก้านเขาร้องไว้ก็ยังอยู่อีก10ลัง เราไม่มีงานอะไรเลยยังไม่ได้เอามาขาย ถ้าแฟนเพลงคนไหนอยากจะได้เพลงก็ติดต่อมาได้ เค้ก กับ ตุ๊กตา เขาก็ส่งเงินมาช่วยบ้าง ส่งน้องบ้าง เรื่องลำบากเราไม่กลัว ไม่รบกวนคนอื่น กับหลวงพ่อก็ยังไม่ได้โทรหาท่านไม่รู้ท่านจัดงานหรือเปล่า"
    
          ด้าน "น้องเค้ก" โชติก หอมระรื่น ลูกสาวของครูก้าน ปัจจุบันเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย กล่าวถึง ครอบครัวในวันที่ไม่มีเสาหลักว่า
          “ตอนนี้หนูก็เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยไปๆ มาๆ กรุงเทพฯ นัดกับพี่ๆ น้องๆ แม่ไว้ว่าจะรวมตัวกันไปทำบุญให้พ่อที่วัดแถวๆ สุขุมวิทเพราะเราอยู่แถวๆ นี้กัน แม่อยู่กับน้อง ขอบคุณแฟนเพลงที่ยังไม่ลืมพ่อ”
    
          ประวัติ ก้าน แก้วสุพรรณ
          ก้าน แก้วสุพรรณ ชื่อจริง “มงคล หอมระรื่น” เกิดเมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ.2482 ที่ตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี มีพี่น้อง 2 คน เป็นคนเล็ก จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่สามชุก แล้วไปเรียนต่อและจบชั้น ม.6 ที่โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย
    
          ก้านเป็นเด็กวัดอยู่กับหลวงพ่อกริ่ง หรือพระครูสุนทรานุกิจ แห่งวัดสามชุก เป็นเด็กวัดอยู่จนเรียนจบชั้น ป.4 หลังจากเรียนจบชั้น ม.6 แล้ว ไปเป็นนักมวยอยู่พักหนึ่ง แล้วมาบวชเป็นสามเณรที่วัดสามชุก ตั้งใจจะบวชสักพรรษา แต่กลับอยู่ถึง 4 พรรษา สอบได้นักธรรมชั้นโท หลังจากนั้นย้ายมาอยู่ที่วัดปรินายก แถวผ่านฟ้า กรุงเทพฯ สอบได้นักธรรมชั้นเอก สึกจากพระก็ไปกระเป๋ารถเมล์ของบริษัทศรีนคร สาย 5 วิ่งระหว่างพาหุรัด - บางซื่อ และประกวดร้องเพลงตามงานวัดทั่วไป เช่น วัดใต้ วัดเวฬุราชิน ส่วนมากจะร้องเพลงของ คำรณ สัมบุณนา
    
          ขณะนั้น ครู ป. ชื่นประโยชน์ กำลังรับสมัครนักร้อง วินัย ก็พาไปสมัคร เมื่อครู ป. ดูตัวแล้วบอกให้เขียนที่อยู่ไว้จะเรียกไปทีหลัง แล้วก็กลับพักอยู่ที่วัดปรินายก อีกครึ่งเดือน ครู ป. ก็เรียกตัว เมื่อไปและให้พักอยู่ที่บ้าน ต่อมาจึงแต่งเพลงให้ร้องเพลงแรก คือ คนชาวนา และตั้งชื่อให้ว่า “ก้าน แก้วสุพรรณ” นับเป็นนักร้องคนแรกที่เอาชื่อจังหวัดมาตั้งเป็นนามสกุล
    
          เพลง คนชาวนา ยังไม่ดัง แต่มาดังเอาตอนร้องเพลง “หลงกรุง” ของ ต่อชัย ภู่ชมพู เมื่อปี พ.ศ.2500 ตามด้วยเพลง “คำเตือนจากเพื่อนนา” ต่อมา ปี พ.ศ.2501 ครู ป. แต่งเพลงให้อีกอาทิ แก่งคอย, หนุ่มเมืองนนท์, ชาติหน้าถ้ามี พอมาปี พ.ศ.2502 ได้ตั้งวง “ประกายดาว” ขึ้น ครูสุรพล แต่งให้ร้อง 5 เพลง มี น้ำตาลก้นแก้ว, โสนน้อยเรือนงาม,รอยไถแปร, สาส์นสีโศก, คนปาดตาล ต่อมาเปลี่ยนชื่อมาเป็น วง “ก้าน แก้วสุพรรณ”
    
          หลังจาก “สุรพล สมบัติเจริญ” เสียชีวิตในปี พ.ศ.2511 ก้าน แก้วสุพรรณ รู้สึกหดหู่ใจ จึงค่อย ๆ หายไปจากวงการ และเลิกวงไปในที่สุด