
เล่นหูเล่นตา:'เม้าท์มอย เดอะวอยซ์ 3'
15 ก.ย. 2557
'เม้าท์มอย เดอะวอยซ์ 3' : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม
	          กลิ่นหอมกรุ่นจากควันกาแฟลอยขึ้นจากแก้ว ... ขนมปังกรอบกำลังดีเด้งขึ้นจากเครื่องปิ้งอัตโนมัติ … ไข่คนปนเนยกำลังจะสุกบนกระทะ … ผู้ชายหน้าตาดีนั่งส่งยิ้มหวานให้จากโต๊ะกินข้าว 
	          ตื่นๆๆๆ!!! … ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็คงเป็น “ความฝัน” … ความจริงก็คือต้องตะกายขึ้นจากที่นอน อาบน้ำแล้วไปไถนาที่สตูดิโอเซ็นเตอร์พ้อยท์ บางนา … เดอะวอยซ์ ซีซั่น 3 เพิ่งออกอากาศเทปแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน  และเพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ  กับเทปที่ 2 เมื่อวาน … ในขณะที่ทั้งฉันและทีมงานเพิ่งถ่ายรอบแบทเทิลผ่านไปหมาดๆ และกำลังจะถ่ายรอบน็อคเอาท์ที่เหลือผู้เข้าแข่งขันอยู่ในทีมๆ ละ 8 คน อยากบอกว่า มันโหดมากค่าคุณผู้ชม! ตอนรอบปิดตาคัดตัว (Blind Audition) ถ่ายกัน 5 วัน 5 คืน เที่ยงวันยันเที่ยงคืน  ต้องนอนดึกตื่นเช้าตะเกียกตะกายยันร่างขึ้นมาทำงานก่อนเที่ยง มันใช่ชีวิตฉันมั้ยคะคุณ!! … ทีมงาน  “ใจอั้น” (Gi-Aun) มารับช่วงผลิตรายการแทน “โต๊ะกลม” ซึ่งทำเดอะวอยซ์ ซีซั่น 1 - 2 … นัดเวลาแต่งหน้าทำผมไว้ 10 โมงครึ่ง กว่าจะกินข้าวอิ่ม เม้าท์แตก เอ้อเร่อเอ้อเต่อ จนมานั่งบนเก้าอี้แต่งหน้าทำผมได้ก็โน่น 11 โมงกว่าเข้าไปแล้วล่ะ โค้ชตัวผู้ทั้ง 3 ท่านยังไม่มาเพราะรู้ว่ากว่าฉันจะทุบ โม (ดิฟาย) และฟาดหน้าเสร็จก็ร่วม 2 ชั่วโมง มาหลังฉันสักชั่วโมงก็ยังทัน ระหว่างนี้ก็นั่งเงียบๆ หลับบ้างตื่นบ้างสัปหงกโงกเงกให้ข้าวตูโขกหน้าต่อไปไม่มีใครคุยด้วย พอเที่ยงพวกหนุ่มๆ ก็จะตบเท้าเข้ามาทีละคน เริ่มจากโค้ชโจอี้ … โค้ชก้อง … โค้ชแสตมป์ตามลำดับ แสตมป์จะมาถึงก่อนใคร แต่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างนอก อ่านการ์ตูน อ่านหนังสือไป เพราะขืนเข้ามาไวจะต้องทนฟังอีมนุษย์ป้าอย่างฉันเห่าไม่หยุดกับพวกช่างหน้าช่างผม โค้ชโจอี้จะเดินเข้ามาทักทายตามประสาหัวหน้าแก็งค์ “ฮารุ มิอุระ” แห่ง รอยฝันตะวันเดือด ในจอนอกจอมันก็มีท่าทางแบบนั้นอยู่ตลอด เท่แต่ไม่น่าเอามาทำผัว กลัวมันเตะเอา! … ทักทายเสร็จนางก็เดินออกไปแต่งตัวที่ห้องดำ (ห้องที่ฉันอยู่คือห้องขาวเหมาะกับสาวสวยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างเรา) มีช่างตัดผมฝีมือดีจาก “เดอะเลานจ์” (ร้านของพี่ไก่ สมพร และลูกเกด เมทินี) ชื่อ “ซัน” มาตัดเล็ม ตัดขนให้โค้ชโจอี้ทุกวี่วันที่ถ่ายทำ ไฮโซจริงๆ เลยค่า! สไตลิสต์มาแรง “อรรถ” (อรรถวุฒิ อรุณศรี) มาดูแลเรื่องเสื้อผ้าและปะวะหล่ำกำไลตลอดจนทับทรวงให้โค้ชโจอี้ แต่งตัวได้แสบสันต์กระแทกไตในทุกรอบ บอกแล้วว่าถ้าจะเอาชนะการแต่งตัวของมัน ฉันคงต้องใส่ชฎาแล้วเรียกตัวเองว่า “หม่อมฉัน” เท่านั้น … ส่วนพวกฉัน (รวมก้องและแสตมป์) ได้รับการดูแลเอาใจใส่เรื่องเสื้อผ้าโดยพี่สิทธิ์ 27 Friday เจ้าเก่าที่ดูแลฉันมาตั้งแต่เริ่มขึ้นคอนเสิร์ตพี่นิ่ม สีฟ้า ฉันจึงไม่ต้องห่วงอะไร เอาแค่อย่ารัดพุงกับอย่ารัดนมเพราะนั่งนานหายใจไม่ออกค่าคุณตำรวจ เหมือนคนคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ไหวอ่ะค่ะ! …
	          “สวัสดีจ้า” โค้ชก้องเดินหน้าใสทั้งๆ ที่ยังไม่แต่งหน้าเข้ามาทักทายทุกคนในห้องแต่งตัว นางเดินมากอดฉันเอาแก้มแตะแก้มแบบที่ทำประจำเวลาทักทายกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงใจเต้นตุบตับหายใจติดขัดฮอร์โมนในร่างกายพลุ่งพล่านเหงื่อมือจะออกฉี่จะเล็ดดีใจอย่างออกนอกหน้า แต่พอผ่านมาเข้าปีที่ 3 ลองนึกถึงอะไรที่มันเริ่มชินมันก็จะเฉย ยิ่งรู้จักกันมากขึ้นยิ่งตื่นเต้นน้อยลง แต่จะเข้าใจและยอมรับในตัวตนของแต่ละคนผ่านเปลือกได้มากขึ้น และนั่นฉันเรียกมันว่า “มิตรภาพ” ในความเป็นพระเอกหล่อหน้าตาดีของเขา สาวๆ ใครที่ไม่ได้พบเจอบ่อยๆ ก็จะรู้สึกว่าการได้อยู่ใกล้เขาช่างโชคดี เอิ่ม … คนเรามันไม่เพอร์เฟคขนาดนั้น มันมีทั้งดีและเลวอยู่ในตัว ถ้าเรายอมรับส่วนไม่ดีได้เราก็คบกันต่อไปได้นานๆ ในความคิดของฉัน ก้องจึงเป็นเพียงเพื่อนผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่านางหล่อทุกองศา แต่พอมันมาคบกันเป็นเพื่อนเราก็จะมองอีกแบบ เสน่ห์จริงๆ ของนางก็คือ … นางเป็นคนจิตดี อารมณ์ดี เคยเห็นนางหงุดหงิดแต่ไม่เคยเห็นนางโวยวายอารมณ์เสีย ถ้าวันไหนนางไม่ค่อยคุยไม่ค่อยเฮฮา นั่นแปลว่าออกซิเจนในสมองนางมีน้อย! นางนอนน้อย (เพราะมัวนับเงินค่าพรีเซ็นเตอร์อยู่!) ก็ต้องปล่อยนางไว้สักพัก เดี๋ยวบ่ายๆ ค่ำๆ นางจะดีเอง นางจะร้องขอกินน้ำหวานต่างๆ แล้วแต่นางจะอยากอะไร บางวันนางขอครบตั้งแต่ น้ำมะนาวเย็นผสมน้ำผึ้ง … โอวัลตินเย็น … ไอติม … เครื่องดื่มชูกำลัง พอกินเสร็จนางก็จะหันมาบ่นกับฉันว่า  “หนาว” (เอามือ 2 ข้างซุกใต้ขาตัวเอง) … “แสบตาจัง” ...  “ง่วงนอน” ลองคิดดูว่า 3 ปีที่นั่งเก้าอี้ข้างนางแล้วฉันต้องเจอแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา นึกในใจว่า … “โชคดีที่กรูไม่มีผัว” คือลำพังจะรับความรู้สึกตัวเองแต่ละวันก็ยากแล้ว ยังต้องมานั่งฟังความรู้สึกร้อน-หนาวของผู้ชายอีกเนี่ย … ไม่อยากให้ใครในโลกเอิ้น  “เมีย” … “เอิ้นด๋าวก่อได้” จะดีกว่า!   การนั่งตรงกลางระหว่างผู้ชาย 2 คน 2 แบบ อย่างก้องกับโจ้ ฉันได้สำเหนียกแล้วว่า  “ ฉันไม่อยากมีผัวเป็นตัวตน ” อีกคนก็บ่นร้อนหนาว ส่วนอีกคนก็คุยสัพเพเหระทั้งคน สัตว์ และสิ่งของ 
	          “ผมไม่เคยบอกว่า ผมอยากมีเมีย … ผมแค่อยากรู้จัก” ประโยคเด็ดของโจอี้ ช่วงระหว่างพักรอผู้เข้าแข่งขันคู่ต่อไป แต่ละช่วงถ้าพักนาน โจ้จะเดินมาหาฉันกับก้องแล้วเม้าท์เรื่องของตัวเอง ฉันว่าเสน่ห์ของโจ้อยู่ตรงนี้แหละ นางเป็นคนมีวาทะศิลป์ คมคาย มีเล่ห์เหลี่ยมที่ทำให้พวกเราจับได้แบบขำๆ นางชอบแอ็คติ้งแบบหัวหน้าแก็งค์ ดูนิ่ง สุขุม อ่านยาก แต่ความจริงแล้วไม่ต้องอ่าน รอเดี๋ยวนางจะอ่านให้ฟังทั้งหมด!!!  รู้สึกอะไรคิดอย่างไรนางจะบอกจะระบาย ถ้าเป็นเรื่องซีเรียสนางจะไม่พูด แต่วิธีการแสดงออกของนางบางอย่าง อือฮือ … เจ็บปวดมากค่าคุณตำรวจ นางจะมีวิธีเชือดนิ่มๆ หน้านิ่งๆ แบบฮารุที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบ …  “อือ … คนดีๆ เขาไม่ทำกัน!” “บทที่ผมเล่นเนี่ย มันก็ไม่อะไรมาก แค่ถ้าไม่มีผม คนแมร่งจะตายกันหมดทั้งเรื่อง” เอิ่ม … นี่มึงกำลังบอกกูว่า  “สำคัญ” ใช่มะ?  “ผมกำลังดูรถคันหนึ่งอยู่ ตัวถังก็ธรรมดาเหมือนคันอื่น แต่เครื่องแมร่งแรงล่าสุด ไอ้คนที่ใช้ยี่ห้อนี้ทุกคนต้องหันมามอง!” เอ้อ … นี่ของมึงดีกว่าของคนอื่นใช่ปะ? อยู่กับโจ้เหมือนอยู่กับหัวหน้าเด็ก นางจะมีความเป็นเด็กผู้ชายซ่อนไว้ในตัว อยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อ แต่อยู่ทั้งวันไม่ไหว (มะ?)
	          “เป็นทั้งพี่ น้อง พ่อแม่ เพื่อน และคู่อริ!” ก้อง สหรัถให้คำนิยามของคำว่า “คู่ชีวิต” เมื่อฉันถามเขาในเรื่องชีวิตคู่ ตอบได้ตรงๆ ที่ “คู่อริ” นี่แหละ … ชีวิตคู่ของคนเรามีช่วงเวลาของความเข้าใจและขัดใจ รักและเกลียด บางทีก็เป็นพวกเดียวกันและบางทีก็เหมือนกับเป็นศัตรูกัน ฟังแล้วพยักหน้าหงึกๆ ชีวิตคู่ที่ผ่านมาของฉันคงไม่สามารถข้ามผ่านคำว่า “คู่อริ” ไปได้ ไม่เหมือนใครที่อยู่กันนานๆ ความเข้าใจและเยื่อใยจะทำให้เป็นได้ทุกอย่าง แล้วกลับมา “คืนดี” เป็นเหมือนเดิม คือ “เป็นผัว-เมีย” … อยู่กับผู้ชายของคนอื่นมา 3 ปี (ในเวลาทำงาน) ทำให้ฉันเข้าใจคำว่า “ผู้ชาย” มากขึ้น ขณะเดียวกันก็เข้าใจตัวเองมากขึ้น … เข้าใจว่า … อยู่อย่างนี้น่ะดีที่สุดแล้ว!
	.......................................
	(หมายเหตุ 'เม้าท์มอย เดอะวอยซ์ 3' : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม)



