
เอกเขนกดูหนัง:'ตุ๊กแก รักแป้งมาก'
29 ส.ค. 2557
'ตุ๊กแก รักแป้งมาก' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม
อารมณ์ของหนังที่ว่าด้วยการถวิลหาอดีตอันหอมหวาน พล็อตเรื่องแสนจะธรรมดาสามัญซึ่งเล่าถึงความรักความทรงจำครั้งเยาว์วัย และการออกดั้นด้นตามหาคนรัก และความฝันของคนหนุ่มสาว เป็นสูตรสำเร็จดาษๆ ที่อาจพบเห็นได้ทั่วไปไม่ว่าจะในหนังไทยหรือชาติไหนๆ แต่ความเรียบง่ายของเนื้อหาทำนองนี้วิธีเล่าเรื่องธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีความหวือหวา ยอกย้อนซ่อนกลอันใด ดูเหมือนว่าความซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่อยากเล่า หรือการพยายามถ่ายทอดบรรยากาศ กลิ่นอาย มนต์เสน่ห์ในความทรงจำอย่างซื่อตรง ดูจะเป็นพลังงานอันสำคัญที่ทำให้หนัง ‘ตุ๊กแกรักแป้งมาก’ ส่งผลสะเทือนโดยตรงต่ออารมณ์และความรู้สึกผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง องค์ประกอบหลายสิ่งอย่างที่เคยเกิดขึ้นในหนังไทยหลายเรื่อง แม้ถูกนำมาเล่าซ้ำอีกครั้งในเรื่องนี้ แต่ความเป็นประพันธกรของคนทำหนัง ก็ได้ทำให้ทิศทางของอารมณ์และรายละเอียดของหนังแตกต่างจากเรื่องอื่น ซึ่งดูเหมือนว่าลายเซ็นของผู้กำกับยุทธเลิศ สิปปภาค ที่ฝากไว้ในหนังเรื่องล่าสุดของเขา จะยังคงปรากฏอย่างเด่นชัดไม่พร่าเลือนเหมือนที่ผ่านมาและยากที่ใครจะปลอมแปลงเอกลักษณ์อันโดดเด่นโดยเฉพาะทัศนคติที่มีต่อสังคม การเมือง และเรื่องราวความทรงจำมากมายที่ดีและร้ายในวงการหนังไทยที่เขารู้สึกรำลึกนึกถึงและแฝงฝังมันลงในชิ้นงานได้อย่างมีอารมณ์ขันร้ายๆ ที่คนซึ่งเคยมีส่วนเกี่ยวข้องหากมีโอกาสได้ดูก็ยากจะโกรธขึ้งชิงชังแต่อย่างใด
‘ตุ๊กแกรักแป้งมาก’ ถือเป็นหนังไทยในกระแสหลักปีนี้ที่มีการแสดงยอดเยี่ยมน่าชื่นชม แม้นักแสดงในเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นดารารุ่นใหม่ๆ ที่ประสบการณ์อาจจะยังน้อย แต่ถ้ามองกันเป็นฉากๆ จะเห็นถึงพลังและความมุ่นมั่นของหัวใจในการทำงานที่ทุ่มเทเต็มร้อย เพราะแค่ฉากแรกๆ ในหนังที่ปรากฎสองยายหลานนั่งคุยกันกลางวงข้าว หลังเจ้าตุ๊กแกหลานชายถามไถ่ถึงผู้เป็นแม่ โดยที่ยายเองก็พยายามบ่ายเบี่ยง ก่อนจะทิ้งท้ายฉากนี้ได้อย่างงดงาม เมื่อสองยาย หลาน ไม่สามารถปิดกั้นความรู้สึกแห่งความรัก ความอาทรผูกพันที่มีต่อกันได้ ถือเป็นฉากโชว์การแสดงขั้นเทพของรุ่นใหญ่อย่าง น้อย โพธิ์งาม และความอินกับตัวละครตุ๊กแกวัยเด็กของน้อง "แม็ค" ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์ ที่สามารถถ่ายทอดอออกมาได้อย่างสะเทือนใจเล่นเอาผู้ชมถึงกับน้ำตารื้นคลอเบ้ากันเลยทีเดียว
ในขณะที่คู่พระ-นาง อย่าง ‘เก้า’ จิรายุ ละอองมณี และ ‘เพลง’ ชนม์ทิดา อัศวเหม หลายฉากที่ทั้งคู่ดูเหมือนออกมาประมือทางการแสดงกันชนิดไม่มีใครยอมใคร ตั้งแต่ฉากที่ตุ๊กแกและแป้งซ้อมบทกันในกองถ่าย เราได้เห็นหัวใจที่ร้าวรานของไอ้หนุ่ม ที่ต้องมาซ้อมบทหนังที่ตัวเองเขียนแต่ไม่มีโอกาสได้กำกับ ให้แก่หญิงสาวที่เขาแอบรักมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับถูกเธอเข้าใจผิดชนิดที่ไม่ยอมให้อภัย ประโยคสั้นๆ ที่ ‘ตุ๊กแก’ ไม่จำเป็นต้องท่อง แต่กลับจำได้ขึ้นใจเพราะเขียนเองกับมือเอ่ยจากปากพร้อมๆ น้ำตาแห่งความน้อยใจที่คลอเบ้า ซ้ำร้ายยังถูกนางเอกสาวตบหน้าฉาดใหญ่ เป็นฉากเล็กๆ ที่สะท้านสะเทือนหัวจิตหัวใจไม่น้อย ไม่นับถึงฉากที่ทั้งคู่กล่าวลากันในช่วงท้ายๆ ที่ต่างก็พยายามปิดกั้นน้ำตาความห่วงหาต่อกันไว้ไม่อยู่ การแสดงออกทางอารมณ์อย่างหนักหน่วง โดยให้น้ำหนักแต่พอดีโดยไม่ฟูมฟายแบบนี้ ไม่ค่อยได้เห็นจากนักแสดงวัยรุ่นหน้าใหม่ๆ สักเท่าไหร่นัก ที่สำคัญทั้ง ‘เก้า’ และ ‘เพลง’ ต่างทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างน่าชื่นชม แม้ลักษณะทางกายภาพของ ‘เพลง’ ที่ดวงตารูปวงรีอันเรียวเล็กของเธอ กลายเป็นข้อบกพร่องที่ทำให้การแสดงออกทางสีหน้าแววตาจะถูกลดทอนลงไปบ้าง แต่ผู้หญิงคนนี้ก็มีเสน่ห์อันน่าประหลาดบางอย่างซุกซ่อนอยู่
อีกหนึ่งสีสันสำคัญที่เคลือบฉาบให้หนังดูสนุก มีอารมณ์ขันคลอเคล้าระหว่างเรื่องราวดำเนินไปคือเหล่าตัวละครสมทบ ที่ต่างเป็นคนเบื้องหลังในวงการหนังไทยทั้งเพื่อนๆ ผู้กำกับ ผู้ช่วย โปรดิวเซอร์ ที่หาได้ปรากฎตัวในลักษณะคาเมโอ หากแต่เป็นนักแสดงรับเชิญ ที่หลายคน แม้การแสดงจะยังดูแข็งขืน แต่บางขณะก็โอนอ่อนผ่อนตามสถานการณ์อย่างพลิ้วไหวเป็นธรรมชาติ ชวนให้ขบขันสร้างเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี ไม่นับการล้อเลียนบุคคลสำคัญในวงการหนังไทยอย่างนายทุนผู้สร้าง ที่ดูเป็นการหยอกเอิน สนุกสนานด้วยการให้ความเคารพ มากกว่านำมาล้อเล่นแดกดันให้เสียหาย
งานสร้างโดยรวมเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม โดยเฉพาะการเรียกคืนบรรยากาศย้อนยุคส่วนหนึ่งที่ปรากฏด้วยฝีแปรงจากลวดลายเส้นสีบนป้ายคัทเอาท์โฆษณาหนังไทยหน้าโรงหนังสแตนอโลนตอกย้ำอารมณ์ถวิลหาอดีตด้วยเสียงเพลงจากยุครุ่งเรืองของสตริงคอมโบ้ ที่มีวงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์เป็นจุดหมายสำคัญของวงการเพลงไทยในยุคนั้น (ราวปีพ.ศ. 2526)
อีกนัยหนึ่งตุ๊กแกรักแป้งมากคล้ายเป็นไดอารี่ส่วนตัวของผู้กำกับยุทธเลิศสิปปภาคที่บันทึกเอาทั้งความทรงจำที่สวยงามประทับใจหรือแม้แต่ความหลังฝังใจในวงการหนังหลายๆ เรื่องโดยหยิบนำเอามายำใหญ่ในหนังได้อย่างไม่ยัดเยียดแม้บางช่วงตอนดูคล้ายจงใจอยู่บ้างก็ตามหนังมีอารมณ์ขันร้ายๆ แทรกซึมอยู่ประปรายเห็นการวิพากษ์เสียดสีหยอกเอินสังคมไทยที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมืองโดยเฉพาะในฉากตุ๊กแกวิ่งออกกำลังกายด้วยชุดกีฬาเสื้อเหลืองกางเกงแดง ที่แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยเกินกว่าจะเชื่อว่ามาวิ่งออกกำลังกาย (อย่างน้อย การเอาชายเสื้อทับเข้าในกางเกงถือว่าเป็นของแปลกประหลาดแล้วสำหรับการแต่งตัวออกวิ่ง) หรือความบังเอิญที่ตุ๊กแกวิ่งผ่านกลุ่มทหารที่วิ่งเรียงแถวออกกำลังกายหลายครั้งหลายคราแถมครั้งยังปรบมือกันเกรียวระหว่างวิ่งผ่านตุ๊กแกในชุดกีฬาเหลืองแดง (อันที่จริงยุทธเลิศเคยเล่นมุกทำนองนี้มาครั้งหนึ่งแล้วในหนังเรื่องโกยเถอะเกย์เมื่อมีรถบัสบรรทุกขบวนนักกีฬาสีมาจอดแวะพักที่ปั๊มน้ำมันแน่นอนนักกีฬาทั้งสองฝ่ายใส่ชุดสีแดงและเหลือง)
ตัวหนังอาจไม่สมบูรณ์เลิศเลอเพอร์เฟกท์สักเท่าใดนักแต่ถ้าเทียบกับบรรดากลุ่มหนังในกระแสหลักของปีนี้ตุ๊กแกรักแป้งมากถือเป็นงานที่น่าพอใจที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว
.......................................
(หมายเหตุ 'ตุ๊กแก รักแป้งมาก' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)