
ความงามของเพลงไทยในแต่ละยุค
31 ก.ค. 2557
ความงามของเพลงไทยในแต่ละยุค : คอลัมน์ เพลงไทยที่ต้องฟังก่อนตาย โดย... โชคชัย เจี่ยเจริญ
ได้ยินเสียงแว่วๆ มาเข้าหู อยู่บ่อยๆ บางทีก็ได้ยินเต็มสองหู เข้าจังๆ จากคนรู้จัก หรือคนไกล้ตัวพูดถึงเพลงของแต่ละยุคสมัยว่า เพลงยุคนั้นดีอย่างงี้ เพลงยุคนี้ไม่ดี ไม่งามอย่างนั้น สู้เพลงยุคเราไม่ใด้ ทั้งคำร้อง เสียงร้อง วิธีการร้องและบรรเลง รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ตามแต่จะว่ากันไป แรกๆ ได้ฟังก็รู้สึกเออออไปกับเขาบ้าง แต่พอได้ยินบ่อยๆ เข้า ก็กลับมานั่งหาข้อมูล มานั่งฟัง คิด พิจารณาดูแล้ว ได้ค้นพบความจริงส่วนตัวว่า เพลงแต่ละยุคสมัย มีความดี ความงาม แม้กระทั่งความไม่งามแตกต่างกันไป ใช่ว่าแต่ละยุคจะดีไปเสียทั้งหมด จนไม่มีที่ติ หรือยุคสมัยอื่นๆ จะแย่ไปซะทั้งหมดจนหาดีไม่ได้
ดูอย่างเพลงร็อกแอนด์โรลที่เริ่มเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ผู้คนรุ่นเก่าในขณะนั้น ที่ยังไม่คุ้นเคย ก็ใช่ว่าจะยอมรับของใหม่ในขณะนั้น จึงพากันแสดงความคิดเห็นไปในทางลบ เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ลีล่าท่วงท่าการแสดงออกของนักร้อง อย่าง เอลวิส ดูแล้วมันขัดใจป้าจริง ๆ เต้นเป็นลิง เป็นค่าง ยกแข้ง ยกขา ไม่น่ามองเสียนี่กระไร ดนตรีก็ฉวัดเฉลียงซะจนคนรุ่นก่อนรับไม่ใด้ แต่สุดท้ายดนตรีร็อกแอนโรล สร้างความยิ่งใหญ่ ให้แก่วงการดนตรีและมีอิทธิพลกับหนุ่มสาวทั่วโลกก็ดำเนินชีวิตมาถึงครึ่งศตวรรษ
เพลงไทย-สากล ที่เราได้ฟังกัน ได้รับความนิยม มาจนถึงทุกวันนี้ ล้วนได้รับอิทธิพลจากเพลงสากลมาทุกยุคทุกสมัย เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เพลงไทย (เนื้อภาษาไทย) ส่วนดนตรีเป็นแบบสากล
เพลงไทยสากล แม้ในยุคแรกส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลจากเพลงไทยเดิม หรือแม้แต่เพลงพื้นบ้าน โดยในช่วงแรกๆ นั้นเพลงจะมีทำนองสั้นๆ ท่อนหรือสองท่อน แต่เปลี่ยนคำร้องในแต่ละท่อนให้แตกต่างกันออกไป บางเพลงอาจมาจากกลอน แล้วใส่ดนตรีตามไป ก็เป็นเพลงแล้ว
หลังจากดนตรีตะวันตกได้เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นตามทฤษฎีดนตรีสากล โดยมีการแบ่งท่อนเพลง ตั้งแต่อินโทร ไปจนจบเพลง ลักษณะรูปแบบเพลงจึงต่างไปตามลักษณะของโน้ต และท่อนต่างๆ ของเพลงในแบบสากล สร้างสรรค์เพลงไทยสากลที่สวยงามไว้มากมายให้คนรุ่นหลังได้รับอิทธิพลจวบจนปัจจุบัน
จวบจนมาถึงยุคที่ดนตรีสากลพัฒนา ครูเพลงที่มีบทบาทอย่างมาก เช่น “ครูพราน-บูรพ์, ขุนวิจิตรมาตรา, หลวงวิจิตรวาทการ, ท่านผู้หญิงพวงร้อย สนิทวงศ์ อภัยวงศ์”, ครูล้วน ควันธรรม” ฯลฯ
การใช้ภาษาที่สละสลวย งดงาม ผสมท่วงทำนองที่พลิ้วไหว ฟังแล้วน่าหลงใหล เกิดจินตนาการตามไปอย่างเพลิดเพลิน
ยุคสตริงคอมโบของไทย ประมาณ ปี 2503 - 2515 อิทธิพลจากดนตรีตะวันตกหลั่งไหล ทะลักเข้ามา อย่าง บีทเทิลส์, เอลวิส, เดอะชาโดว์
จากจุดเริ่มต้นที่นักดนตรีเล่นเพลงสากลแบบที่เรียกว่าแกะแผ่น การเล่นของเครื่องดนตรีทุกทุกชิ้นต้องบรรเลงเหมือนแผ่นเสียงทุกเม็ด การเล่นดนตรีหรือการร้อง ยิ่งทำเหมือนต้นฉบับได้มากเท่าไหร่ ก็จะได้รับคำชื่นชมมากเท่านั้น ถือเป็นการเริ่มต้นยุคเท่านั้น แต่หลังจากนั้นจะเริ่มเข้าสู่ยุคพัฒนาเนื้อร้องที่เป็นภาษาไทย แต่บรรเลงในแบบดนตรีสากล
ไทยสากลยุคกลาง 2526 - 2536
กำเนิด ค่ายเพลงยุคใหม่ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญในงานด้านต่างๆ เข้ามาช่วย ทำงานกันอย่างเป็นระบบ เริ่มเป็นยุคเทปคาสเส็ทเฟื่องฟู อัลบั้มชุดใหนได้รับความนิยม สังเกตจากยอดขาย ได้อย่างชัดเจน ยุคเพลงไทยล้านตลับ ธุรกิจค่ายเพลงสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ในทางกลับกันก็มี ผู้คนจากอาชีพอื่นๆ มาร้องเพลง ออกอัลบั้ม ทั้งดารา นางแบบ นักฟุตบอล นักมวย ล้วนแล้วแต่เป็นสีสันให้แก่วงการอย่างยิ่ง
ยุคเพลงเพื่อชีวิต 2519 - 2534
เพลงที่ชี้นำความคิดให้แก่ผู้คน แฟนเพลง เป็นผู้นำทางความคิด ให้คนไตร่ตรอง เป็นกระบอกเสียงที่เรียกร้องความอยุติธรรม เพื่อให้เกิดความเสมอภาค เน้นถ้อยคำ ความคิด พิชิตหัวใจ
ยุคอัลเทอร์เนทีฟ 2537 - 2542
ได้เวลาของขุนเพลงยุคใหม่ ที่ศิลปินส่วนใหญ่จะสร้างเพลงของตัวเอง อาจไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยได้ฟัง แต่หากเปิดใจฟัง ก็มีอะไรดี ๆ ที่น่าค้นหาไม่น้อยเช่นเดียวกัน
ไม่ว่ายุคสมัยใด เพลงที่เกิดขึ้นตามยุคสมัย ย่อมสะท้อนสถานการณ์สังคม บันทึกความคิด ความรู้สึกผู้คน ยุคนั้นๆ ทั้งค่านิยม ต่างๆ ความพึงพอใจในการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ ให้คนรุ่นต่อไปได้ศึกษาพิจารณา และสัมผัส เข้าถึงใด้ ย่อมมีความดี ความงาม ในตัวของมันอยู่ จะดีแค่ไหน หากเราเข้าใจ เข้าถึงดนตรีของผู้คนแต่ละยุคสมัย แต่ละช่วงวัย ที่หลากหลายได้ เพราะสุดท้าย เราก็จะได้ซึมซับความงามของดนตรีเข้าสู่หัวใจของเรา หล่อหลอมเป็นความงามในความคิดโดยไม่รู้ตัว และนั่นคือความแตกต่างในความงามของแต่ละคน ความงามที่ต่างกันแต่มีความงามเหมือนกัน
.......................................
(หมายเหตุ ความงามของเพลงไทยในแต่ละยุค : คอลัมน์ เพลงไทยที่ต้องฟังก่อนตาย โดย... โชคชัย เจี่ยเจริญ)