
ตำนานนักบู๊ผู้ยิ่งใหญ่'พันนา ฤทธิไกร'
25 ก.ค. 2557
ตำนานนักบู๊ผู้ยิ่งใหญ่ 'พันนา ฤทธิไกร' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม
20 กรกฎาคม 2516 โลกได้สูญเสียสุดยอดตำนานดารานักบู๊ผู้ยิ่งใหญ่ นาม บรูซ ลี และในอีก 41 ปีต่อมา 20 กรกฎาคม 2557 ณ อีกมุมหนึ่งของโลก วงการหนังแอ็กชั่นได้สูญเสียอีกหนึ่งตำนานนักบู๊ ผู้ออกแบบลีลาการต่อสู้ ผู้กำกับและนักแสดงที่ทำให้หนังไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นาม พันนา ฤทธิไกร
ทั้งบรูซ ลี และพันนา คือผู้ที่สร้างคุณูปการสำคัญให้วงการหนังแอ็กชั่น ด้วยการนำเสนอศิลปะการต่อสู้ของเอเชียผ่านแผ่นฟิล์ม บรูซ ลี ทำให้โลกรู้จักมวยกังฟู ในขณะที่ พันนา ฤทธิไกร ก็ทำให้คนทั้งโลกได้รู้จักมวยไทย...ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับ/อำนวยการสร้าง ที่ร่วมงานกับพันนาอย่างใกล้ชิดในช่วง 10 ปีมานี้ ให้สัมภาษณ์ในงานรดน้ำศพ "พี่กฤช" ของน้องๆ ในวงการหนังว่า พันนา ถือเป็นผู้สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญให้วงการหนังไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเลยทีเดียว ปรัชญาบอกว่า ติดตามผลงานของพันนามาตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ และตั้งใจว่าอยากจะร่วมงานกับคนคนนี้ จนเมื่อได้โอกาสเข้ามาทำงานในวงการหนังและรู้จักกับพันนา โปรเจกท์หนัง “องค์บาก” จึงเกิดขึ้น พร้อมกับการปลุกชีพศิลปะมวยไทยให้ฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง และครานี้เองที่ชื่อเสียงของมวยไทยได้โอกาสขจรขจายไปไกลทั่วโลก ส่วนหนึ่ง ก็มาจากหนังองค์บากและต้มยำกุ้ง ที่ปรัชญาและพันนา ช่วยกันรังสรรค์ก่อร่างสร้างกันขึ้นมา
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2529 พันนา ฤทธิไกร ทำหนังแอ็กชั่นทุนต่ำเรื่อง "เกิดมาลุย" ที่สร้างปรากฏการณ์เล็กๆ ให้วงการหนังไทย ในฐานะหนังบู๊ที่ออกแบบฉากต่อสู้ได้อย่างสมจริง เร้าใจ ที่สำคัญได้สร้างแรงบันดาลใจให้คนทำหนังรุ่นใหม่ อย่างปรัชญา ปิ่นแก้ว รวมทั้งสร้างดารานักบู๊ประดับวงการจนชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลอย่าง จา พนม รวมถึงนักแสดงรุ่นใหม่อย่าง จีจ้า ญานินทร์, เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง และ"นุ้ย" เกศริน เอกธวัชกุล โดยเฉเพาะ เดี่ยว ชูพงษ์ ที่คนในวงการหนังไทยคาดกันว่าเขาน่าจะมาแทน จา พนม ในเวลาอันใกล้ ได้เล่าให้ฟังว่า ตัวเขาเองมีโอกาสดูหนังของพันนามาตั้งแต่เด็กๆ จนเข้าเรียนวิทยาลัยพลศึกษามหาสารคาม เข้าชมรมกระบี่กระบองเป็นรุ่นน้อง "จา พนม" และช่วยงานชมรมหลายครั้งจนมาได้รู้จักพันนา ที่ชักชวนมาร่วมงานกันตั้งแต่องค์บากเรื่อยมา
"เดี่ยว" เล่าให้ฟังว่า นิสัยอย่างหนึ่งที่ติดตัวพันนาจนถึงวันที่เขาจากไป คือการเป็นคนรักพวกพ้อง ดูแลให้การสนับสนุนน้องๆ เสมอ พันนาเคยได้รับข้อเสนอในการทำงานอันนำมาซึ่งรายได้ที่สูงมาก แต่เขากลับปฏิเสธเพราะนั่นหมายถึงการที่ต้องทอดทิ้งน้องๆ ที่ร่วมปลุกปั้นกลุ่มนักแสดงสตั๊นต์ด้วยกันมา เดี่ยว บอกด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า "จนวินาทีสุดท้ายในชีวิต พันนาก็ไม่เคยทิ้งใคร"
ไม่ใช่นักแสดงแอ็กชั่นรุ่นใหม่อย่า จา พนม, จีจ้า ญานินทร์ หรือเดี่ยว ชูพงษ์ เท่านั้น เมื่อปี 2530 หลังจากพันนา พยายามบุกเบิกแนวทางหนังแอ็กชั่นที่เน้นศิลปะการต่อสู้ ก็เริ่มมองหาดารานักบู๊หน้าใหม่ๆ ประดับวงการ ปีนี้เองหนังเรื่อง ปลุกมันขึ้นมาฆ่า ก็แจ้งเกิดให้ดาราสาวในเวลานั้น อย่าง ม.ล.สุรีย์วัล สุริยง กลายเป็นนักแสดงแอ็กชั่นที่มีความสามารถไม่แพ้ชายอกสามศอกเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับ "นุ้ย" เกศริน เอกธวัชกุล ดาราสาวนักบู๊รุ่นใหม่ที่แจ้งเกิดจากหนังเกิดมาลุย เวอร์ชั่นปี 2547 พร้อมๆ กับเดี่ยว ชูพงษ์ เธอคืออดีตแชมป์เทควันโดแห่งประเทศไทย ที่พันนาเล็งเห็นความสามารถด้านทักษะการต่อสู้ จึงชักนำเข้าสู่วงการ และในที่สุดความสามารถและความสวย ก็ส่งผลให้เธอมีงานในวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่อง นุ้ยบอกว่า พันนา เป็นเสมือนพี่ชาย เหมือนคนในครอบครัวของเธอ สิ่งที่เธอให้สัมภาษณ์ก็คล้ายๆ กับเดี่ยว ชูพงษ์ นั่นก็คือพันนาไม่เคยทอดทิ้งน้องๆ ซึ่งนิสัยแบบนี้เองที่พันนาได้พร่ำสอนมายังน้องๆ รุ่นหลังเรื่อยมาด้วยเช่นกัน นุ้ยยังบอกว่า ความทุ่มเททำงานของพันนา ทำให้เธอได้ประจักษ์ต่อสายตาว่า คนที่ศรัทธาในสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นอย่างไร
พันนา ฤทธิไกรใช้ชีวิตโลดแล่นอยู่ในวงการหนังไทยมากว่า 30 ปี ทำงานเบื้องหน้าในฐานะนักแสดง รวมทั้งงานเบื้องหลัง ไม่ว่าจะกำกับ อำนวยการสร้างและออกแบบลีลาการต่อสู้ในหนังไทยมากกว่า 100 เรื่อง จนสร้างชื่อให้หนังไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล การเสียชีวิตของพันนา ไม่เพียงสูญเสียบุคลากรคนสำคัญในวงการหนังไทยเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการสิ้นสุดการขับเคลื่อนของฟันเฟืองชิ้นสำคัญในการพัฒนาหนังไทยอีกด้วย
ปรัชญา ปิ่นแก้ว ทิ้งท้ายข้อคิดไว้น่าสนใจว่า บุคคลอย่าง พันนา ฤทธิไกร น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายๆ คน ที่แม้จะไม่ได้ทำงานในวงการหนังด้วยก็ตาม โดยเฉพาะความมุ่งมั่น ทุ่มเททำงาน จนถึงอุปนิสัยส่วนตัว ที่เป็นคนมีความนอบน้อม ถ่อมตน เป็นคนที่มีความเกรงใจและเคารพในความคิดของผู้อื่น แม้วันหนึ่งเขาจะก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับแค่ไหนก็ตาม แต่นิสัยส่วนตัวที่มีความนอบน้อม สุภาพ ก็ไม่เคยเปลี่ยน ปรัชญา หวังว่า ตลอดหลายสิบปีที่พันนาทำงานในวงการ สร้างลูกศิษย์ลูกหามากมาย เมล็ดพันธุ์ที่พันนาได้บ่มเพาะไว้ น่าจะเติบใหญ่ สร้างสิ่งที่ดีให้กับวงการหนังไทยต่อไปได้บ้างไม่มากก็น้อย ความยิ่งใหญ่ในวงการหนังไทยซึ่งครั้งหนึ่งพันนาเคยมีส่วนก่อร่างสร้างไว้ น่าจะมีคนรุ่นใหม่จากน้ำพักน้ำแรงการพร่ำสอนของพันนาสานต่อไปได้
.......................................
(หมายเหตุ ตำนานนักบู๊ผู้ยิ่งใหญ่ 'พันนา ฤทธิไกร' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)