บันเทิง

ชำแหละความจริงในสิ่งที่แชร์ๆ กันมา

ชำแหละความจริงในสิ่งที่แชร์ๆ กันมา

01 ก.ค. 2557

ชำแหละความจริงในสิ่งที่แชร์ๆ กันมา '9 ข้อควรรู้ที่เราไม่เคยใส่ใจ' ..แล้วมันจริงแค่ไหน??? : คอลัมน์ หนุ่ยรู้โลกรู้ โดย... พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์

 
 
          รอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องเยอะแยะตาแป๊ะไก่ไปหมดไหนจะ “บิลช็อก CookieRun” , “Google I/O” ดราม่าแฟนมีชู้หลากหลายคู่ใน Pantip.com ฯลฯ เรื่องคุกกี้รันนี่ผมได้ออกไปเคลียร์ผ่านสื่อทีวีแล้วว่า “พ่อแม่เท่านั้นแหละที่ช็อก” เด็กมันฉลาดอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (จนเกิดเป็นมหกรรมเฮโลรู้เท่าไม่ถึงการณ์กันใหญ่) ปัญหาที่น่าห่วงคือ “เยาวชนเราทุกวันนี้คิดว่าโกงได้” มีคนทำคลิปสอนโกงเกมในยูทูบบอกว่าไม่ต้องจ่าย ก็กระหน่ำกดกันไปแบบต่อมวู่วามแตกแบบนั้น ทั้งๆ ที่ “ทุกครั้งที่กด หน้าจอแสดงผลแจ้งตลอด” มันน่าจับมาตีก้นไหมครับ? ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบอกจ่อออกกฎกระทรวงห้ามทำแอพดูดเงินเพื่อคุ้มครองเยาวชน.. ผมขอบอกตรงนี้เลยว่า “แก้ผิดจุดครับ” ตั้งโต๊ะหาวิธีทำอย่างไรให้เด็กมันไม่ตื่นเต้นกับ “เรื่องโกงได้” จะดีกว่าครับ.. Moral พังกันตั้งแต่เด็กแล้ววันหน้า “จะอยู่กันอย่างไร???” จ้ะเมืองไทย! 
 
          อังคารนี้ผมตัดสินใจเขียนเรื่องที่ “ใกล้ตัวทุกคนมากที่สุด” นั่นคือ “อาหารการกิน” ข้อมูลน่าตกใจที่ถูกแชร์ว่อนบนโลกโซเชียลกว่า 5 หมื่นครั้งบนเพจเพจเดียวของ Sanook.com (ซึ่งอ้างอิงว่าข้อมูลมาจากเพจ “ศูนย์สันติสุข” แต่จากการตรวจสอบแล้วผมไม่พบโพสต์ต้นตอจากเพจนี้บนเฟซบุ๊ก และดูทรงแล้วคิดว่าไม่น่าใช่จุดเริ่มต้นของข้อมูลนี้) อย่างไรก็แล้วแต่ ผมอยากให้คุณผู้อ่านลองพิจารณาข้อความทั้งหมดดูก่อนครับ 
 
          เรื่องเล็กๆ ที่เราเห็นอยู่ทุกวัน แต่บางครั้งเราก็มองข้ามไป ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราป่วยก็ได้ รวมถึง 9 เรื่องต่อจากนี้ที่รู้ไว้ก็ไม่เสียหลาย และอาจจะเป็นประโยชน์ต่อของเราด้วย 
          1. ยาคูลท์ขวดเล็กๆ มีส่วนผสมของน้ำตาลทรายขาว 6 ช้อนชา
          2. ร้านกาแฟโบราณรถเข็นที่ขายโอเลี้ยงและชาดำเย็น มีต้นทุนค่ากาแฟเย็นแก้วละ 3 บาท
          (ขณะที่มั่วๆ ขายเราแก้วละ 20-30 บาท ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นร้านกาแฟสด)
          3. ร้านขายน้ำส้มคั้นสดๆ ตามร้านริมถนนจะมีสวนผสมของยาฆ่าแมลงอยู่ด้วยเสมอจากผิวเปลือกส้ม ที่ไม่ได้ล้าง หรือล้างไม่สะอาด
          4. 95% ของร้านที่ผ่าไข่ด้วยเชือกด้าย เช่น ร้านข้าวหมูแดง ร้านก๊วยจั๊บ เชือกด้ายนั้น ไม่เช็ด ไม่เคยล้าง ไม่เคยเปลี่ยน ตั้งแต่เปิดร้าน จนปิดร้าน
          5. 90% ของร้านขายข้าวขาหมู จะเอาคะน้าที่ไม่ได้ล้างไปลวกให้สุกในน้ำขาหมู ก่อนที่จะหั่นเนื้อ หันผัก และตักน้ำขาหมู มาราดข้าวให้เรา
          6. 80% ของแม่ค้าขายของที่ใส่ถุงมือขายอาหาร จะใส่ถุงมือหยิบอาหาร และทอนเงิน
          7. อาหารใส่ถุงที่ซื้อจากตลาดในตอนเช้า แล้วกลางวันบูด แสดงว่าอาหารสกปรกมีเชื้อแบคทีเรีย แต่ถ้าไว้ข้ามคืนและไม่ได้ใส่ตู้เย็นอาหารก็ยังไม่เสียแสดงว่าใส่สารกันบูด
          8. โรตีอาบังที่เข็นรถขายตอนเย็นๆ กลางคืน เวลาบังปวดฉี่ บังจะไปยืนหลบๆ ต้นไม้ฉี่เสร็จ บังไม่ได้ล้างมือที่จับจู๋ฉี่ บังก็มาจับก้อนแป้งตบๆ บี้ให้แบน เหวี่ยงให้เป็นแผ่นแล้วก็ทอดโรตีขายให้เรากิน 
          9. รถเข็นขายไส้กรอกอีสาน ขายจนดึกกลับที่พักก็จอดรถเข็นไว้หน้าที่พัก ห้องเช่า โดยไม่ได้เก็บที่ปิ้งย่างไส้กรอก ทิ้งไว้บนรถเข็น ตกดึกหนูก็จะมารุมแทะเศษหนังเศษมันของไส้กรอกที่ติดอยู่บนเหล็กเตาปิ้ง แถมฉี่ใส่อีกต่างหาก พอสายๆ ตื่นมาคนขายก็มาปัดๆ กวาดๆ แล้วก็เตรียมของที่จะไปขายต่อ กินกันเข้าไปเชื้อโรคทั้งนั้น
 
ข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ศูนย์สันติสุข
          เป็นอย่างไรครับ อ่านแล้วท่านรู้สึกอย่างไร? (อยากแชร์ต่อเลยใช่ไหม? ฮ่าๆ) อย่าเพิ่งวู่วามครับ.. ข้อเขียนนี้ผมคาดว่าผู้เขียนมีเจตนาที่ดีในการให้เราตระหนักถึงอาหารไม่ปลอดภัย แต่ถึงกระนั้นการระบุตัวเลขเปอร์เซ็นต์แบบไร้การอ้างอิงกลุ่มสำรวจที่แท้จริง ก็ดูเป็นการ “เต๊าจำนวน” และทำให้ “พ่อค้าแม่ค้าในสายอาชีพที่ถูกอ้างถึงโกธรงอนกันพอสมควร” บทความนี้จึงเป็นการ “หวังดีประสงค์ร้าย” เพราะโจมตีกันเต็มๆ ...แต่ที่ผมอยากนำมาขยายผลในหน้าหนังสือพิมพ์วันนี้เพราะผมเห็นว่าบทความนี้ “พื้นฐานการนำเสนอ” มันดีครับ ..งั้นเรามา “ตัดเรื่องโม้ๆ” ออกดีไหมครับ? มาดูกันทีละข้อๆ นะ
 
          ข้อ 1 ยาคูลท์ ..อันนี้อ่านแล้วน่าตกใจ ผมเองก็ดูดยาคูลท์บ่อย เพราะสาวยาคูลท์เป็นตัวแทนจากองค์กรเดียวในโลกที่สามารถเข้าออกพื้นที่สำนักงานไหนก็ได้โดยไม่มีใครทักท้วง.. (ฮ่าๆ น่าแปลกไหมล่ะครับ?) ผมเคยตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าใครอยากสืบราชการลับหรือเข้าไปล้วงตับความลับบริษัทไหน ก็แค่ “พรางตัวเป็นสาวยาคูลท์” เข้าได้ครับ เพราะรปภ.ไม่ถาม แม่บ้านไม่ว่า แถมได้รอยยิ้มต้อนรับจากพนักงานยันเจ้าของบริษัท! ในบทความนี้อ้างว่า “ปริมาณน้ำตาลในยาคูลท์สูงถึง 6 ช้อนชา” เป็นใครก็ตกใจครับ! มาดู “ของจริง” ที่ข้างขวดกัน “18%” คิดเป็น 14.4 กรัมจากปริมาณ 80 cc ทีนี้ “น้ำตาล 1ช้อนชา” ในโลกความเป็นจริงมันเท่ากับ 5 กรัมเองครับ (คิดแบบโง่ๆ ไม่ต้องเอาความหนาแน่นของน้ำกับเนื้อยาคูลท์มาคำนวณ เอา 5 หาร 14.4 ดูสิครับ ฮ่าๆ) ฉะนั้นข้อมูลที่ว่ายาคูลท์มีน้ำตาล 6 ช้อนชาต่อขวดจึงเป็นเท็จ ..อย่างไรก็ดี ผมก็สนับสนุนให้คุณเลือกเครื่องดื่มที่ Low Sugar หรือหวานน้อยหน่อยก็จะดีครับ  
 
          ข้อ 2 ประเด็นต้นทุน 3 บาทของกาแฟ 1 แก้ว นี่สร้างความโกรธเคืองให้พ่อค้าแม่ค้ากาแฟอย่างมากครับ เพราะมัน “แทบเป็นไปไม่ได้เลย” นี่โลกยุคไหนกันแล้ว และหากเป็นผงกาแฟที่เลวที่สุด เมื่อมาบวกกับค่าน้ำแข็ง/ค่านม/ค่าน้ำตาล/ค่าแก้ว/ค่าหลอดและแน่นอน “ค่าที่” ก็เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด .. ร้านกาแฟที่จริงใจที่สุดกับผมเปิดเผยให้ได้ทราบว่า ต้นทุนเนื้อกาแฟอยู่ที่ 12.02 บาท (แน่นอนว่ามีร้านที่ใช้ของดีกว่านี้ด้วย) 
 
          ข้อ 3 นี่ “ยังไงก็จริง” นี่พูดเลย ระวังกันด้วยครับ ส่วนท่านที่ทำมาค้าขายน้ำส้มคั้นด้วยความใส่ใจสุขภาพลูกค้าเสมือนท่านทำรับประทานเอง ผมขอให้ท่าน ”เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป”ครับ 
 
          ข้อ 4-5-6 สามข้อนี้บอกตรงๆ ว่าเป็นพฤติกรรมที่ “เห็นๆ กันอยู่” ทั้งนั้น แต่ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่อ้างถึงดู “ยกเมฆ” ไปมาก ผมอยากรณรงค์ให้ผู้เกี่ยวข้องในกิจการ 3 ข้อนี้ “คิดใหม่ทำใหม่” ครับ
 
          ข้ามข้อ 7 ไปตัดสินข้อ 8 และ 9 ก่อน ยืนยันว่า “สกปรกจริง” แต่ใครจะจับมืออาบังมาดม!? (ฮา) ผมเข้าไปในชุมชนแออัดบ่อยๆ เนื่องจากงานอาสาที่ผมทำอยู่ในเช้าวันอาทิตย์ทำให้ผมได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย เห็นแล้วก็ได้แต่สงสาร เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้นอกจากรอวันโลกถูกล้างครับ คอมเม้นต์แค่นี้..
 
          ปิดท้ายด้วยข้อ 7 No Comment แต่ขอแนะนำว่า “อาหารควรทานตอนปรุงสุกใหม่ๆ” ครับ อย่าใส่ถุงให้ปนเปื้อนเลย ..เล่าเรื่องนี้ดีกว่า! ครั้งหนึ่งผมเคยเยี่ยมชมโรงงานพลาสติก เจ้าของโรงงานเล่าให้ผมฟังว่า พลาสติกมีหลายเกรดมาก ถ้าผลิตเป็นภาชนะเขาจะใช้เม็ดพลาสติก Food Grade จึงจะปลอดภัย ทางโรงงานได้สาธิตการฉีดพลาสติกให้ผมดู น่าทึ่งมาก เหมือนดีดนิ้วแล้วก็ได้ตังค์ เพราะมันฉีดออกมาเร็วมากๆ แต่ทุกๆ ครั้งที่ฉีดออกมาจะมีส่วนที่ต้อง “ตัดออกจากแม่แบบ” ซึ่งต้องใช้แรงงานคนเอาคีมเหล็กเก่าๆ มาตัด (จะให้คีมมันใหม่เอี่ยมทุกครั้งคงเป็นไม่ได้) แน่นอนครับว่า ตอนตัดมันก็มีเศษชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดจากการหัก ผมถามเจ้าของโรงงานว่า “ต้องนำไปล้างน้ำไหม?” เขาอึ้งไปนิด และตอบผมว่า “อืมมม.. มันควรล้าง แต่มันไม่มีใครเขาล้างกันนะ” ..จากนั้นงานทั้งหมดที่ผ่านหน้าผมไปก็ถูกซ้อนๆๆ เป็นจำนวนมหาศาลบรรจุลงลังแล้วขนขึ้นรถกระบะนำไปส่งผู้ว่าจ้าง … เอวังด้วยประการฉะนี้ :)
 
.......................................
(หมายเหตุ ชำแหละความจริงในสิ่งที่แชร์ๆ กันมา '9 ข้อควรรู้ที่เราไม่เคยใส่ใจ' ..แล้วมันจริงแค่ไหน??? : คอลัมน์ หนุ่ยรู้โลกรู้ โดย... พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์)