
ฟ้องเรียก48ล้าน'ณวัฒน์'ข้อหาละเมิด
บริษัทไอคิวฯเจ้าของสิทธิจัดประกวดนางงาม 'มิสเอิร์ธ' ฟ้องแพ่งเรียก 48 ล้าน 'ณวัฒน์ อิสรไกรศีล' พิธีกรชื่อดัง ข้อหาละเมิดอ้างสิทธิ์จัดประกวด
ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 มิ.ย.2557 น.ส.กัลช์ฎาภรณ์ ศิริเยี่ยม กรรมการบริษัทออกาไนเซอร์ ไอคิว จำกัด ซึ่งได้รับสิทธิ์จัดประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ ประจำปี 2556-2560 (Miss Earth Final) เดินทางมาเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล พิธีกรชื่อดังและบริษัทฮอลิเดย์ เทเลวิชั่น จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-2 เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 48 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากการใช้สิทธิจัดประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2014 โดยไม่สุจริต ทำให้โจทก์ซึ่งปัจจุบันได้รับสิทธิ์จัดประกวดแต่เพียงผู้เดียวได้รับความเสียหาย เนื่องจากจำเลยทั้งสองอ้างเป็นเจ้าของสิทธิจัดการแถลงข่าวประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2014
โดยโจทก์ยังได้ยื่นคำขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอให้คุ้มครองชั่วคราว ห้ามไม่ให้จำเลยนำชื่อการจัดประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2014 ซึ่งปัจจุบันเป็นสิทธิ์ของโจทก์ ไปใช้ชื่อพ่วงในการคัดเลือกตัวแทนมิสแกรนด์และมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2014 ที่จำเลยจัดขึ้นในรอบตัดสินวันที่ 17 มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ ศาลได้ประทับรับฟ้องคดีไว้ และนัดพร้อมคู่ความในวันที่ 4 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ส่วนคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการยื่นฟ้องวันนี้ น.ส.กัลช์ฎาภรณ์ เดินทางมาพร้อมกับ น.ส.ปุณิกา กุลสุนทรรัตน์ หรือ น้องพอลลี่ รองอันดับสองมิสเอิร์ธ ประจำปี 2013 (Miss Earth water) และทนายความ
น.ส.กัลช์ฎาภรณ์ กรรมการ บจก.ออกาไนเซอร์ ไอคิว เปิดเผยพร้อมแจกเอกสารระบุรายละเอียดที่มาการฟ้องคดีว่า นายณวัฒน์ เคยติดต่อขอซื้อสิทธิ์จัดประกวดมิสเอิร์ธกับทางบริษัทตั้งแต่เดือนมี.ค.2556 โดยได้เสนอผลประโยชน์ให้จำนวนมาก แต่ตนไม่ได้ขายสิทธิ์ให้และไม่ให้นำไปรวมกับการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์โดยเด็ดขาด เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมในการจัดประกวดอยู่แล้ว
แต่ปรากฏว่านายณวัฒน์ ได้แถลงข่าวจัดการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์และการประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2014 โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของสิทธิ์จัดประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ ประจำปี 2014 ทั้งที่ทราบมาตลอดว่าสิทธิ์ในการจัดประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์เป็นของบริษัทออกาไนเซอร์ฯ โดยชอบด้วยกฎหมาย ตนจึงได้ส่งใบรับรองสิทธิการจัดประกวดและเอกสารขอให้หยุดการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิการจัดงานและการคัดเลือกตัวแทนมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2014 พร้อมทั้งขอให้หยุดกระทำการประชาสัมพันธ์ว่าเป็นผู้มีสิทธิส่งตัวแทนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประกวดมิสเอิร์ธในระดับนานาชาติ แต่นายณวัฒน์ กลับยืนยันจะจัดการประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ต่อไป และปฏิเสธแสดงเอกสารสิทธิให้ทราบ โดยอ้างว่าเป็นความลับทางธุรกิจ จึงนำเรื่องมาฟ้องคดีต่อศาล
น.ส.กัลช์ฎาภรณ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางบริษัทออกาไนเซอร์ฯได้รับความเสียหายมาก เนื่องจากได้มีการเจรจาทางธุรกิจกับผู้สนับสนุนการประกวดไปแล้ว และมีกำหนดการแถลงข่าวจัดประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นทำให้ผู้สนับสนุนไม่มั่นใจ ทั้งนี้ ยืนยันว่าทางบริษัทออกาไนเซอร์ฯ ได้จัดประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ตามกฎกติกาของสำนักงานใหญ่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ไม่ได้ผิดข้อตกลงใดๆ แต่ไม่มั่นใจว่าคู่กรณีมีสิทธิซ้ำซ้อนหรือไม่ จึงขอให้คู่กรณีนำเอกสารสิทธิ์มาแสดง อย่างไรก็ตาม หากทางคู่กรณีติดต่อขอไกล่เกลี่ยเราก็ยินดี
สำหรับการประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ เป็นการประกวดนางงามเพื่อส่งไปประกวดในระดับนานาชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ตระหนักต่อสิ่งแวดล้อม เทียบเท่ากับตำแหน่งนางงามจักรวาลและมิสเวิล์ด และล่าสุด นางสาวปุณิกา กุลสุนทรรัตน์ หรือ น้องพอลลี่ ที่ได้รับตำแหน่งรองอันดับสองมิสเอิร์ธ ประจำปี 2013 เดินทางมาในวันนี้ด้วย
ศาลแพ่งยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน
เมื่อเวลา 18.00 น. นายกันตเมธส์ จโนภาส ทนายความบริษัทออกาไนเซอร์ฯ เปิดเผยภายหลังที่ได้ยื่นคำขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราว ห้ามนายณวัฒน์ จัดประกวดมิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2014 ในวันที่ 17 มิ.ย. ในคดีที่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 48 ล้านบาท นายณวัฒน์กับพวก ละเมิดสิทธิ์การจัดประกวดว่า ศาลแพ่งได้มีคำสั่งยกคำร้องที่เราได้ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินแล้ว โดยศาลเห็นว่าคำขอดังกล่าวเป็นส่วนเดียวกันกับที่ขอไว้ในคำฟ้องคดีหลัก ซึ่งหากศาลมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกไปแล้วก็เสมือนเป็นการพิพากษาในคดีหลักไป ดังนั้น จึงต้องดำเนินกระบวนพิจารณาคดีหลักต่อไป ซึ่งศาลนัดในวันที่ 4 ส.ค.นี้ โดยวันดังกล่าวเราจะยื่นคำขอเพิ่มเติมต่อศาลขอให้พิจารณาห้ามจำเลยส่งตัวแทนที่จำเลยได้จากการประกวดวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เข้าร่วมประกวดมิสเอิร์ธในเวทีระดับนานาชาติ
เมื่อถามว่า หลังจากศาลยกคำร้องขอไต่สวนคุ้มครองชั่วคราว เท่ากับจำเลยมีสิทธิ์จัดประกวดในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ได้ใช่หรือไม่ นายกันตเมธส์ กล่าวว่า เวลานี้ศาลยังไม่มีคำสั่งห้าม แต่ถ้าสุดท้ายแล้วการพิจารณาคดีดังกล่าว ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีจะเท่ากับว่าการดำเนินการใดๆ ของจำเลยเกี่ยวกับการจัดประกวดจะเป็นความผิดในการละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งสามารถเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมได้อีกในภายหลัง