
มหากาพย์ชีวิตยิ่งกว่านิยายของราชาเพลงป๊อปไมเคิล แจ็คสัน
นับเป็นข่าวช็อกที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลกต่อการจากไปอย่างกะทันหันของราชาเพลงป๊อป "ไมเคิล แจ็คสัน" ด้วยอาการหัวใจวายในช่วงบ่ายวันที่ 25 มิถุยายน ตามเวลาท้องถิ่น ว่ากันว่า ในสายตาของคนทั่วโลกการจากไปของราชาเพลงป๊อปผู้นี้เป็นข่าวช็อกโลกเทียบเท่ากับการเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามแม้ตำนาน "คิงออฟป๊อป" จะปิดฉากลงอย่างไม่ค่อยสวยหรู แต่ตลอดเวลา 40 ปีของนักร้องซูเปอร์สตาร์ผู้นี้ได้สร้างชื่อเสียง และผลงานระดับมาสเตอร์พีซไว้มากมาย โดย "คม ชัด ลึก" ขอร่วมรำลึกและไว้อาลัยต่อการจากไปของราชาเพลงป๊อปด้วยการเปิดตำนานบทแรกจนถึงตำนานบทสุดท้ายที่ส่งให้ "ไมเคิล แจ็กสัน" กลายเป็นอมตะในฐานะราชาเพลงป๊อปผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
เปิดตำนานสู่บัลลังก์ "คิง ออฟ ป๊อป"
ไมเคิล แจ็คสัน มีชื่อจริงว่า "ไมเคิล โจเซฟ แจ็คสัน" เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2501 ในมลรัฐอินเดียนา ไมเคิล แจ็กสัน เกิดจากครอบครัวที่ยากจนมีพี่น้อง 5 คน โดยเริ่มต้นอาชีพนักดนตรีในฐานะนักร้องนำของวง "The Jackson 5" เมื่อวัยเพียง 7 ปี หนูน้อยไมเคิล เริ่มฉายแววเป็นซูเปอร์สตาร์ตั้งแต่เยาว์วัยด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ต่อมา ไมเคิล ออกงานเดี่ยวชิ้นแรกในอัลบั้ม Got to Be There ออกวางจำหน่ายในปี 2514 ในขณะที่ยังเป็นสมาชิกของวง The Jackson 5 อยู่ และด้วยวัยเพียง 11 ปี ไมเคิล สามารถคว้าอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงมาครองได้มากถึง 3 เพลงฮิต จากนั้นต่อมาในปี 2515-2518 มีผลงานอีก 5 ชุด ภายใต้อัลบั้มชื่อ Ben, A Collection of Michael Jackson's Oldies, Music and Me และ Forever, Michael ซึ่งถือเป็นการเปิดปฐมบทหน้าแรกของตำนานราชาเพลงป๊อปผู้นี้ได้อย่างด่นชัด
ต่อมาในปี 2522 ไมเคิล มีผลงานออกมาชุด "Off the Wall" โดยอัลบั้มเปิดตัวที่ ทำยอดขายกว่า 20 ล้านก๊อบปี้ทั่วโลก แต่อัลบั้มที่ถือเป็นประวัติศาสตร์ของราชาเพลงป๊อปผู้นี้เกิดขึ้นในปี 2525 เมื่อ ไมเคิล แจ็กสัน ออกอัลบั้ม “Thriller” ที่สร้างสถิติถล่มทลาย ทำ อัลบั้มยอดขายสูงสุดตลอดกาลถึง 60 ล้านชุด ต่อมาในปี 2530 ออกอัลบั้ม “Bad” สามารถสร้างสถิติอีกครั้งด้วยการเป็นอัลบั้มที่มีซิงเกิ้ลต่างๆ ขึ้นถึงอันดับ 1 มากที่สุด ทำให้นักร้องผิวสีผู้นี้ก้าวสู่บัลลังก์ราชาเพลงป๊อปอย่างเต็มตัว
หลังจากสร้างชื่อเสียงอย่างถล่มทลาย ปี 2534 ไมเคิลกลับมาพร้อมกับอัลบั้ม “Dangerous” ที่มีเพลง “Black or White” เนื้อหาบ่งบอกถึงการไม่แบ่งสีผิว โดย "Black or White" ติดอันดับ 1 ทั้งในบิลบอร์ดและชาร์ตเพลงทั่วโลก จากนั้นคิงออฟป๊อปผู้นี้ได้ส่งอัลบั้ม "History" กับเพลง "You’re Not Alone” ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกในประวัติศาสตร์ที่ติดอันดับ 1 ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย และล่าสุดกับ " Invincible" (พ.ศ. 2544) ซึ่งทิ้งห่างจากงานชุดที่แล้วถึง 10 ปีเต็ม
ทั้งนี้ตลอดเวลาของครองบัลลังก์ราชาเพลงป๊อป ไมเคิล มีผลงานอัลบั้มที่สร้างตำนานสู่สายตาประชาชนทั่วโลกถึง 18 อัลบั้ม ประกอบไปด้วย 1.Got to Be There 2.Ben 3.A Collection of Michael Jackson's Oldies 4.Music and Me 5.Forever, Michael 6.Off the Wall 7.One Day in Your Life 8.Thriller 9.Farewell My Summer Love 10.Bad 11.Dangerous 12.History 13.Blood on the Dance Floor 14.Invincible 15.Greatest 16.Number Ones 17.Michael Jackson และ 18.The Essential Michael Jackson
ทั้งนี้ตลอดเวลากว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี 2514 ไมเคิล แจ็คสัน ออกตระเวนคอนเสิร์ตไปทั่วโลกสร้างรายได้มหาศาลหลายร้อยล้านดอลลาร์ ทำให้ไมเคิล แจ็กสัน ติดอันดับนักร้องร่ำรวยที่สุดในโลก โดยไมเคิล แจ็กสัน เคยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในเมืองไทย 2 ครั้ง จากนั้นในปี 2542 ไมเคิล มีความต้องการจัดแสดงคอนเสิร์ตรอบพิเศษทั่วอเมริกาเพียง 10 ที่ ในการแสดงครั้งนี้จะเปิดการแสดงในชุด Jackson 5 ซึ่งมีการรวมตัวเหล่าพี่น้องของไมเคิล โดยคอนเสิร์ตดังกล่าวจะจัดขึ้นทั่วโลกในปี 2552 เพียง 9 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, อิตาลี, สเปน, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฝรั่งเศส รวมถึงประเทศไทยด้วย ในราคาค่าตัวสำหรับการเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตถึง 20 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 650 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในเดือนมีนาคม 2552 ไมเคิลประกาศจะจัดคอนเสิร์ต โดยแรกเริ่มจัดเพียง 10 รอบ แต่ด้วยแฟนเพลงที่ให้ความสนใจคอนเสิร์ตนี้เป็นอย่างมาก จึงเพิ่มรอบเป็น 50 รอบ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2552 ถึง 24 กุมภาพันธ์ 2553 แต่ไมเคิล แจ็กสัน เสียชีวิตไปก่อนที่จะถึงเวลาดังกล่าว
เปิดด้านมืดบนความรุ่งโรจน์
ในฟากหนึ่งของตำนาน "คิง ออฟ ป๊อป" ที่รุ่งโรจน์โชติช่วง แต่อีกมุมหนึ่งที่เป็นด้านมืดของ ไมเคิล แจ็คสัน ได้ถูกกล่าวถึงไม่แพ้ความโด่งดังของนักร้องชื่อก้องโลกผู้นี้ ไมเคิล แจ็กสัน ถูกมองว่า เป็นซูเปอร์สตาร์ที่ชอบทำตัวให้เด่นดัง และเป็นข่าวอยู่เสมอๆ โดยใช้ชีวิตบนความหรูหรา โอเวอร์เกินคนธรรมดา เช่น คฤหาสถ์ส่วนตัวใช้ชื่อว่า "Never Land" โดยตั้งชื่อให้เหมือนกับดินแดนในเทพนิยายเรื่อง ปีเตอร์แพน
นอกจากนี้ ไมเคิล ยังชอบเลี้ยงดูอุปถัมภ์เด็กๆ จำนวนมากเป็นบุตรบุญธรรม ทำให้ครึ่งหนึ่งในชีวิตของเขาต้องพัวพันกับคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน 2548 ไมเคิลต้องขึ้นศาลฟังคำพิพากษาในคดีข่มขืนเด็กผู้ชายคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่า นับแต่นั้นมาชื่อเสียงของราชาเพลงป๊อปผู้นี้ตกต่ำลงเรื่อยมา ประกอบกับการใช้เงินเกินตัวปีละหลายร้อยล้านดอลลาร์ ทำให้ ไมเคิล มีหนี้สินมากมายถึงขนาดโดนฟ้องล้มละลาย
นอกจากนั้นไมเคิลยังมีชีวิตที่แปลกพิสดาร เช่น มักแต่งตัวแปลกๆ อย่างตอนเดินทางมาถึงประเทศไทย ในปี 2536 หรือเคยมีผู้พบว่าไมเคิลแต่งตัวเป็นผู้หญิงในห้องน้ำหญิงสาธารณะ หรือการที่เปลี่ยนสีผิวตัวเองด้วยวิทยาการทางการแพทย์จากผิวดำให้เป็นขาวซีดอย่างในปัจจุบัน หรือการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้า โดยเฉพาะเรื่องที่สร้างความช็อกให้แก่สังคมอเมริกันไม่น้อย คือ เมื่อต้นปี 2537 ไมเคิลประกาศหมั้น และแต่งงานกับ ลิซา มารี เพรสลีย์ บุตรสาวของเอลวิส เพรสลีย์ ราชาเพลงร็อกแอนด์โรลล์อย่างกะทันหัน โดยทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยา ก่อนจะเลิกรากันไปในปี 2539 โดยไม่มีบุตรด้วยกัน
ต่อมาไมเคิลมีบุตร 2 คนจากการผสมเทียมกับ เด็บบี้ โรว์ พยาบาลสาวใหญ่ และมีเพิ่มอีก 1 คนจากสาวผู้ไม่เปิดเผยนาม ด้วยการผสมเทียมเช่นเดียวกัน แต่ไม่วายที่ไมเคิลจะสร้างเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาเคยอุ้มลูกของตัวเองซึ่งยังเป็นทารก โดยทำท่าว่าจะทิ้งลงมาจากหน้าต่างโรงแรมที่เจ้าตัวอาศัยอยู่ เพื่อทักทายแฟนๆ ที่รออยู่ข้างล่าง ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้รับเสียงตำหนิต่อว่าอย่างหนักจากสังคม
อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ไมเคิล แจ็กสัน สร้างชื่อเสียงทั้งในด้านสว่าง และด้านมืด ส่งผลให้เขาเป็นบุคลที่แฟนเพลงจดจำไปทั่วโลก ชีวิตท่ามกลางความรุ่งโรจน์ในด้านชื่อเสียง และชื่อเสีย ส่งผลให้ "ไมเคิล แจ็คสัน" กลายเป็นบุคคลที่มี 2 บุคลิก และไม่พอใจต่อรูปลักษณ์ของตนเองแม้จะผ่านการทำศัลยกรรมพลาสติกมานับครั้งไม่ถ้วน ปัญหาชีวิตทั้งเรื่องชื่อเสียง คดีความทางเพศ หนี้สิน และผลข้างเคียงต่อการทำศัลยธรรม ทำให้ไมเคิล ต้องกินยาคลายความเครียด และระงับปวดตลอดเวลา ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราชาเพลงป๊อปผู้นี้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ...ตลอดไป



