บันเทิง

'โลกเปลี่ยนเพลง เพลงเปลี่ยนโลก ตอนที่ 3'

'โลกเปลี่ยนเพลง เพลงเปลี่ยนโลก ตอนที่ 3'

08 พ.ค. 2557

'โลกเปลี่ยนเพลง เพลงเปลี่ยนโลก ตอนที่ 3' : คอลัมน์ เพลงไทยที่ต้องฟังก่อนตาย โดย... โชคชัย เจี่ยเจริญ

 
          จากยุคเพลงไทยใส่สูท (ทำนองสากลใส่เนื้อไทย) ถึงยุคบันทึกเพลงลงสู่ตลับเทปคาสเส็ท
          
          พ.ศ. 2521-2526 ช่วงเวลาที่ปรับตัวเดินเข้าสู่ระบบธุรกิจเพลงไทยสากลอีกระดับ และแล้วโลกก็เปลี่ยนแปลงมาสู่ เพลงไทยยุค พ.ศ. 2527-2531 ที่มีค่าย นิธิทัศน์, แกรมมี่, อาร์ เอส เป็นท็อปทรี ช่วงเวลาเดียวกัน ผลงานจากค่าย ไนท์สปอต ที่แม้จะไม่ได้เป็นผู้เล่นหลักในตลาดเพลงไทยมาก่อน แต่จากประสบการณ์เรื่องการผลิตสื่อวิทยุและทีวี รวมไปถึงการเป็นสื่อโปรโมทเทป แผ่นเสียงเพลงสากล และ การเป็นผู้จัดคอนเสิร์ตต่างประเทศ ที่หันมาผลิตเพลงไทยสากล มาตรฐานสากล ที่มีรูปแบบเฉพาะ การบันทึกเสียงโดยนักดนตรีระดับสากล การบันทึกเสียง และการนำเสนอแตกต่างออกไปได้มาตรฐาน จึงเกิดผลงานใหม่ที่น่าจับตามากที่สุดค่ายนึง เริ่มจากปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล, ธเนศ วรากุลนุเคราะห์, ชรัส มาลิวัลย์, อัสนี วสันต์ โชติกุล, นุภาพ สวันตรัจน์ และอีกมาก นับเป็นค่ายที่ผลิตงานครบวงจร ตั้งแต่การผลิตงาน การทำโปรโมชั่น การจัดจำหน่าย
 
          ขณะที่การแข่งขันมากขึ้น กลยุทธ์จากต่างประเทศถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับเมืองไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบการผลิต จัดตั้งทีมนักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ทีมผลิตมิวสิกวิดีโอเพื่อส่งเสริมการโปรโมทเพลงในแต่ละชุดที่ออกมา การแสดงคอนเสิร์ตผ่านรายการทีวี ทุ่มเทงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ผลงานสู่ผู้ฟังผ่านสื่อหลัก เพื่อช่วงชิงฐานผู้ฟังทั้ง รายการทีวี สถานีวิทยุหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ผลิตโปสเตอร์ติดตามร้านขายเทป การจัดเลี้ยงสื่อมวลชน เพื่อแนะนำผลงานใหม่ของสังกัดตนเอง เรียกว่าใช้สื่อทุกสื่อ ที่จะสามารถเข้าสู่กลุ่มผู้ฟังให้ได้มากที่สุด
 
          ส่วนฟากฝั่งเพลงเพื่อชีวิตยุคใหม่ ก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ทั้งคาราบาว คาราวาน คนด่านเกวียน แฮมเมอร์ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ มีกลุ่มแฟนเพลงที่เหนียวแน่น เทปคาสเส็ท ขายกันเป็นล่ำเป็นสัน การแสดงดนตรีมีผู้ชมแน่นขนัด
 
          จนนำมาสู่ช่วง พ.ศ. 2532 - 2536 ที่เพลงไทยสากลยุคคาสเส็ทเบ่งบานสูงสุด มีเพลงและอัลบั้มให้เลือกฟังมากมาย แทบทุกสัปดาห์ มีทั้งนักร้องและนักดนตรีตัวจริง ดารานักแสดง นักฟุตบอล นักมวย ดาวยั่วดาวโป๊ คละเคล้ากันไปบนแผง สุดแท้แต่จะเลือกเสพตามรสนิยม
 
          น่าสังเกตว่า สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนกันทุกยุคทุกสมัย คือการแห่ตามความสำเร็จของผู้อื่น แน่นอน มีผู้นำ ผู้ทดลองจนสำเร็จ จะมีผู้ตามเสมอ การตามแห่ ขอแบ่งปัน ขอร่วมขบวนความสำเร็จ ไปด้วย เช่น เมื่ออัสนี วสันต์ ประสบความสำเร็จจากเพลงร็อก ผสมบลูส์ เนื้อหาแบบจิ๊กโก๋อกหัก ก็จะมีเพลงลักษณะเดียวกัน โดยนักร้องนักดนตรีผลิตงานที่มีลักษณะไกล้เคียงกันออกมาตามๆ กันจนล้นตลาด หรือมีนักร้องดาราออกอัลบั้มและประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ ก็จะมีนักร้องดาราคนอื่นๆ ทำผลงานออกมาตามกระแสกับเขาไปด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะออกผลงานแบบใด หากทำในลักษณะที่เป็นกระแสแฟชั่นไปด้วย การันตียอดเทปขั้นต่ำ ก็จะไม่น้อยกว่า สามหมื่นม้วน แต่หากผลงานเป็นที่นิยม อาจมียอดจำหน่ายไปถึงล้านตลับเลยทีเดียว บางค่ายทุ่มงบประมาณในการโปรโมท มากกว่างบประมาณในการผลิตเพลงด้วยซ้ำ
ด้านหนึ่งมีเพลงตามกระแส อีกด้านหนึ่งก็มีเพลงนำกระแส เมื่อธุรกิจเพลงไทยสากลเติบโต สร้างรายได้มากมายมหาศาล ระบบธุรกิจเริ่มแข็งแรงขึ้น ผู้ที่ทำธุรกิจด้านอื่นๆ ที่อยู่วงรอบ หรือเกี่ยวข้องก็เริ่มเบนเข็มมาผลิตเพลงไทยสากลด้วยเช่นกัน เวลาผ่านไปผู้ฟังเริ่มรู้สึกได้ถึงความวนเวียนซ้ำซาก เมื่อนั้นก็จะเกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาทดแทนเสมอ 
 
          ปี พ.ศ. 2537-2542 นับเป็นยุคทองของเพลงที่เรียกว่า เพลงทางเลือก หรืออัลเทอร์เนทีฟ (Alternative) นำเสนอสิ่งที่ต่างไปจากเพลงรูปแบบกระแสหลัก ที่มีมาก่อนหน้า แนวเพลงอย่างอัลเทอร์เนทีฟร็อก, กรั้นจ์, บริทป๊อป ที่มีต้นแบบจากต่างประเทศที่นำมาปรับใช้ นำเสนอสู่ผู้ฟัง ไปพร้อมๆ กับกระแสแฟชั่นแนวดนตรีสากลของโลกที่กำลังได้รับความนิยมคู่ขนานกันไป ค่ายเพลง อย่าง Bakery Music, Eastern Sky, Music Bugs, M Square โดยค่ายเพลงสากลก็เข้ามาสู่ตลาดเพลงไทยสากลในช่วงนั้นกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้ง Sony Music, Warner, BMG, Eminor สัดกัดย่อยของ EMI ไม่รวมค่ายเล็กค่ายน้อย ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด อีกมากมายมหาศาล ดังที่เคยพูดถึงไปแล้วในคอลัมน์ก่อนหน้า
 
          นับเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดครั้งหนึ่งของวงการเพลง ทั้งวิธีคิด วิธีการผลิต การใช้ภาษาในเพลง การแต่งกาย การโปรโมทเพลง เปลี่ยนจากการทุ่มงบประมาณในการโปรโมท แบบค่ายใหญ่ ที่มีช่องทางและสื่อเป็นของตนเอง กลายมาเป็นค่ายเพลงขนาดกระทัดรัด ศิลปินผลิตผลงานเอง ทำให้ค่ายใหญ่ที่เคยเป็นผู้นำต้องรีบปรับกระบวนตามการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
 
          ในช่วงเวลานั้น นอกจากเทปคาสเส็ทที่มีจำหน่ายแล้ว ก็ยังมี ซีดี ขายควบคู่กันไปด้วย วงการเพลงเปลี่ยนผ่านจากยุคอนาล็อกเข้าสู่ยุค ดิจิทัล ยุคแรก แม้จะขายได้น้อย เพราะราคาสูงกว่า เทปคาสเส็ท แต่ก็มีสัญญาณชี้ให้เห็นว่าจะมีผู้คนนิยมมากขึ้นตามลำดับเนื่องจากคุณภาพเสียงที่คมชัดกว่า ตลอด 5 ปีนั้น นับเป็นยุคทองของเพลงไทยอัลเทอร์เนทีฟ เลยทีเดียว
 
          เมื่อมีสิ่งใหม่ขึ้นมาได้ นานไปก็เป็นสิ่งเก่าได้เช่นกัน เก่าไป ใหม่มา เพลงอัลเทอร์เนทีฟ เริ่มเสื่อมความนิยมลง เพลงไทยก็เข้าสู่ช่วงเวลาที่ต้องหาจุดขายใหม่ๆ อีกครั้ง และครั้งหน้าผมจะนำเรื่องราวที่เหลือจนถึงยุคปัจจุบันมานำเสนออีกครั้งในตอนจบ กรุณาติดตามตอนต่อไปครับ
 
........................................
(หมายเหตุ 'โลกเปลี่ยนเพลง เพลงเปลี่ยนโลก ตอนที่ 3' : คอลัมน์ เพลงไทยที่ต้องฟังก่อนตาย โดย... โชคชัย เจี่ยเจริญ)