บันเทิง

27ปีทางดนตรีของ'ฤทธิพร อินสว่าง'ผ่าน'เนื้อไม้กับสายเหล็ก'

27ปีทางดนตรีของ'ฤทธิพร อินสว่าง'ผ่าน'เนื้อไม้กับสายเหล็ก'

18 มี.ค. 2557

27ปีทางดนตรีของ'ฤทธิพร อินสว่าง'ผ่าน'เนื้อไม้กับสายเหล็ก' : ดนตรี

 
           
          27 ปีบนเส้นทางของถนนดนตรีในวันนี้ ฤทธิพร อินสว่าง เขาหวนกลับมาจับไมค์เข้าห้องอัดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหายจากการทำเพลงไปนานกว่า 6 ปี โดยนำบทเพลงเก่า จำนวน 20 เพลง ที่เขียนเนื้อเอง มาทำดนตรีใหม่ พร้อมมีเพลงแต่งใหม่อีก 7 เพลง ภายใต้ชื่อ 'เนื้อไม้กับสายเหล็ก'
 
          “ชุดนี้อยากสะท้อนภาพของดนตรีอะคูสติก กีตาร์โปร่งจะมีตัวเนื้อไม้ สายเหล็กคือสายกีตาร์ คือชุดนี้ผมนำเพลงที่เคยบันทึกเสียงไว้แบบยากๆ มาทำให้ง่ายแต่ในความง่ายให้มีความงดงามในการรับฟัง คือการทำเพลงง่ายให้งดงามมันยาก หลายคนเข้าใจผิดนะ ดนตรีเล่นแค่ 3 ชิ้นง่าย จริงๆ การทำเพลงน้อยชิ้นให้ฟังแล้วเพราะและอยู่ยาวๆ อันนี้ยากต้องออกแบบ คิดเยอะ ช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาผมผ่านงานมาทุกรูปแบบ เพลงร็อก ร็อกสมัยใหม่ โฟล์กร็อก หลายแบบเลยอยากจะทำเพลงที่เข้าถึงคนง่าย ในวันเด็กเราเล่นกีตาร์โปร่ง เราว่ามันเล่นง่ายฟังง่าย โดยเฉพาะกับภาวะที่สังคมไทยกำลังเจอกับความเครียดสูงมากจากวิกฤติรอบด้าน เราจึงอยากให้เพลงของเราเป็นเพื่อนในวันเหงาๆ เศร้าๆ ยังมีเพลงที่ฟังได้“ ฤทธิพรเผย
         
          บทเพลงของฤทธิพร อินสว่าง ที่ผ่านมาจะ มีเนื้อหาสาระที่ มีประเด็นสะท้อนสังคม และการปลุกปลอบให้กำลังใจสอดใส่อยู่แทบจะทุกบทเพลงและครั้งนี้เรื่องราวเหล่านั้นยังคงถูกเติมเต็มอยู่ในบทเพลงที่แต่งขึ้นใหม่
       
          “ที่ผมปล่อยออกมาแล้วคือ “หัวใจก้อนหิน” สะท้อนความรักของผู้คนร่วมสมัย ผมสังเกตดูเดี๋ยวนี้ข่าวรักร้างมีให้เห็นกันอยู่รายวัน ทำให้รู้สึกว่าในชณะที่เทคโนโลยีมันก้าวไกลมากแต่ใจคน ความรักของคนมันเปราะบางมากเพลงนี้เหมือนตั้งคำถามต่อสังคม ในขณะเดียวกันถ้าเพลงนี้เป็นเพลงเศร้า ผมเชื่อว่าในความเศร้านั้นมีความงดงาม และความงดงามมันแปลเป็นพลังของชีวิตได้ อีกเพลงชื่อ “ทางรอดสุดท้าย” ชี้ทางออกให้สังคมไทยในเรื่องการเมืองว่า ถ้าต้องการรอด ถ้าต้องการให้แผ่นดินนี้คงความสงบเย็นต้องหันด้านเมตตาเข้าหากันก่อน แล้วหาทางออกร่วมกันด้วยหลักธรรมาธิปไตย คือเอาประโยนช์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งไม่ใช่เอาประโยนช์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ถ้าตราบใดที่เราเอาส่วนรวม เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้งก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะมาทะเลาะกัน ฆ่ากัน ถึงแม้จะเถียงกันบ้างก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ เพลงบอกเลยว่า “ประชาธิปไตย” อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่ครอบด้วยหลักธรรมะ 7เพลงใหม่จะประสานให้เป็นหนึ่งเดียวกับ 20 เพลงเก่า” นักร้องมือเก๋าบอก
 
          ส่วนสาเหตุที่นักร้อง นักดนตรีผู้นี้หยุดการทำงานเพลงไปนานกว่า 6 ปีนั้นเจ้าตัวเปิดเผยแบบไม่ปิดบังว่า “ที่หายหน้าไป 6 ปีรู้สึกเลยว่าเราทำงานแบบไม่มีความกระตือรือรน 20 กว่าปีออกอัลบั้ม 22 ชุดกว่าจะได้แต่ละเพลงมันยาก พอเสร็จก็ตระเวนโปรโมท บางช่วงก็ต้องตระเวนคอนเสิร์ต ผมนั่งรถตู้ไปให้สัมภาษณ์คลื่นวิทยุเป็น 100 สถานีเลย ตอนนั้นผมอายุ 22 พลังงานมันถูกใช้ไปหมด มันเหมือนเราไม่มีโลกวัยรุ่นเหมือนคนอื่นๆ เขา เราต้องทำงานตลอดมันหมดแล้ว เราก็ไม่ควรหลอกตัวเองว่าเราจะสร้างสรรค์งานเพลงใหม่ๆ ได้ เมื่อหมดก็พักแต่ไม่ใช่ทิ้งสังคม ทิ้งวงการเพลงวันหนึ่งเราต้องกลับมา วันนี้เราพบคำตอบแล้วว่าเรามีพลัง เรามีไฟที่จะผลงานเพลง มาพบนักข่าว มันตื่นตัวอีกครั้งเหมือนตอนเราเป็นหนุ่มๆ รู้สึกสนุก” ฤทธิพรเผย
        
          ส่วนการกลับมาทำเพลงโดยไม่สังกัดค่ายเพลงใดในการทำงานเที่ยวนี้นั้น ฤทธิพรให้เหตุผลว่า “ผมตัดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ที่ต้องติดกับค่ายเพลง ในเมื่อผมมีสายงานที่ครบองค์ประกอบอยู่แล้ว ผมกับครอบครัวดูแลเรื่องลิขสิทธิ์ มีเพื่อนๆ ดูแลเรื่องประชาสัมพันธ์ เรื่องจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ผมก็ไม่จำเป็นต้องสังกัดค่ายเพลงใดๆ แต่ไม่ใช่รังเกียจการทำงานกับค่ายเพลงนะ แต่ ณ เวลานี้สิ่งที่ผมมีอยู่ ผมน่าจะทำงานที่อิสระไม่ต้องสังกัดค่ายเพลงดีกว่าคล่องตัวกว่าผมไม่ตั้งความหวัง ไม่คาดหวัง ท่านพุทธธาตุสอนว่า “ไม่ควรตั้งความหวัง หรือคาดหวัง แต่ให้ทำหน้าที่ปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด แล้วมองดูความสำเร็จนั้นมากก็ต้องยินดีน้อยก็ต้องยินดี แต่ที่สำเร็จแน่ๆ คือได้ทำโดยธรรม ผมว่าทำแบบนี้ไม่มีอะไรขาดทุน มีแต่บวก“ นักร้องชื่อดังกล่าว
          
 
 
 
 
          ตอนนี้ฤทธิพรทยอยปล่อยงานเพลงใหม่ออกมาเรื่อยๆ ให้แฟนเพลงได้ดาวน์โหลดกันไปพลางๆ ก่อน ส่วนอัลบั้มเต็มราวๆ เดือนพฤษภาคมแฟนๆ คงได้ฟังครบทั้ง 27 เพลง พร้อมแพ็กเกจที่เจ้าตัวตั้งใจทำเป็นพิเศษในวาระสำคัญ 27 ปีบนเส้นทางดนตรีของเขา