
เอกเขนกดูหนัง:'5 หนังในห้วงคำนึง ปี 56'
'5 หนังในห้วงคำนึง ปี 56' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม
��������� เห็นมวลมิตรและคอลัมนิสต์ นักวิจารณ์ ตลอดจนผู้กำกับหนังไทยหลายๆ ท่าน พากันออกมาจัดอันดับหนังเยี่ยมในดวงใจประจำปี 56 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เรียงตามลำดับความชอบ มากบ้าง น้อยบ้าง อาจจะผกผันกันไปตามจำนวนหนังที่แต่ละท่านได้ดู
�� �
��������� ปีที่ผ่านมา ผมลองจดสถิติจำนวนหนังที่ดูในโรงภาพยนตร์ พร้อมให้ดาวกำกับไว้ด้วยว่า หนังแต่ละเรื่องที่ดูนั้น โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกชอบ/ไม่ชอบแค่ไหน (อันที่จริงทำมานานหลายปีแล้ว แต่ก็หยุดไปนานหลายปีเช่นกัน) ทั้งนี้ก็เพื่อเตือนและบันทึกไว้ในความทรงจำของตัวเอง เพราะยิ่งเวลาล่วงเลยไปเท่าไหร่ ความสามารถในการจดจำ (ในทุกๆ เรื่อง) ก็ยิ่งลดน้อยถอยลง คล้ายๆ ว่าโกดังเก็บหนังในสมองมีพื้นที่น้อยลงเรื่อยๆ จนกลัวว่าสักวันอาจจะลืมเรื่องราวของหนังที่เพิ่งดูจบลงไปในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง และก็เช่นกัน ที่กว่าจะเลือกหนังในดวงใจได้ ก็ใช้เวลานึกทบทวนอยู่นานว่า หนังเรื่องไหน ที่กระแทกใจ ตราติดอยู่ในห้วงคำนึง ครุ่นคิดถึงอยู่ไม่รู้หาย แม้จะเดินออกจากโรงไปหลายเพลา ไม่ว่าจะกี่นาที ชั่วโมง หรือนานเป็นวันๆ หนังเรื่องนั้น ยังวนเวียนให้เราได้คิดใคร่ครวญถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากเรียกว่าหนังในดวงใจ แต่ขอเรียกว่าเป็นหนังที่อยู่ในห้วงคำนึงนานหลายชั่วขณะ ประจำปี 2556 ที่ผ่านมาดีกว่า
�� �
��������� เรื่องแรกที่หยิบมา เพราะเพิ่งจะผ่านหูผ่านตามาไม่นานกี่สัปดาห์ แต่แทบจะทุกๆ โมเมนต์ของคู่รักเลสเบี้ยน "อะเดล" และ "เอมม่า" ใน Blue is the Warmest Color ยังติดในความรู้สึกอยู่ไม่รู้หาย หลายอย่างในหนังเหมือนจะพุ่งซัดใส่เราในทุกๆ ความหมาย และหลายๆ มิติ ตั้งแต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความรัก การเมือง สังคม ศิลปะ ปรัชญา ต่างๆ นานามากมาย หนังยังฉายอยู่ที่เฮ้าส์ อาร์ซีเอ แต่คงเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น ตามข้อกำหนดของ "รัฐ" ที่ระบุเป็นผู้มีวุฒิภาวะแล้วถึงจะดูได้ (หนังได้เรต ฉ.20 ห้ามผู้ชมอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าชม) แต่น่าสนใจตรงที่ Blue is the Warmest Color ถือเป็นหนังวัยรุ่น ประเภทอีโรติก คัมมิ่ง ออฟ เอจ (Erotic Coming of Age) ที่มีแค่ตัวละครในหนังล้วนเป็นวัยรุ่น หากแต่บริบทรายรอบนั้นไปไกลกว่าหลายเท่าตัว ข้อดีคือหนังทำให้เรากลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะและปรัชญา อันนำมาซึ่งความรู้ใหม่ๆ และทำให้เกิดจิตพิสมัยในรสนิยมทางศิลปะอื่นๆ ตามมา (นี่คืออิทธิพลของหนังในความหมายทางศิลปะ)
�� �
��������� เรื่องถัดมาเพิ่งจะเข้าฉายไปเมื่อวาน สำหรับหนังเพลงตำนานศิลปินโฟล์คผู้ตกหล่นบนหน้าประวัติศาสตร์ดนตรีนั่นก็คือ Inside Llewyn Davis จนถึงตอนนี้เพลง "Hang Me, Oh Hang Me" ยังก้องอยู่ในโสตประสาทโดยส่วนตัวแล้วในรอบหลายปีที่ผ่านมา หากจำแนกประเภทของหนังตามแนวทางหรือ "Genre" แล้วล่ะก็นี่คือหนัง Musical ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
�� �
��������� ส่วนเรื่องนี้ขอตามกระแสไปกับหนังฟอร์มยักษ์ระดับบล็อกบัสเตอร์แห่งปีกันบ้างแต่สุดท้าย Hunger Games: Catching Fire ก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ท่ามกลางสเปเชียลเอฟเฟกท์ และฉากต่อสู้มากมายที่ออกแบบมา หนังยังประคับคองเนื้อหาสาระมุ่งไปสู่ประเด็นที่ต้องการบอกเล่าได้ ยังไม่หล่นหายตามรายทางหรือถูกบดบังด้วยงานเทคนิคพิเศษแต่อย่างใด
�� �
��������� มีหนังเล็กๆ ที่มากด้วยคุณค่าอีกเรื่องที่อยากแนะนำ แถมยังหาดูได้ง่ายๆ เพราะออกจำหน่ายในรูปแบบดีวีดีลิขสิทธิ์แล้ว สำหรับ Mud ซึ่งเป็นหนัง Coming of Age ที่ไม่ได้มุ่งเอาแต่เรียกน้ำตาฟูมฟาย หากค่อยๆ เล่าเรื่องอย่างเรียบง่ายของสองเด็กน้อยที่เฝ้ามองหนุ่มใหญ่พ่ายรักคนหนึ่งพยายามหาทางออกในชีวิต "ปลักโคลน" ที่หลายคนอาจจะรังเกียจเดียดฉันท์ว่ามันคือสิ่งสกปรก แต่ในอีกแง่หนึ่งมันคือเครื่องบำรุงประทินผิวพรรณชั้นดี ที่เพียงแต่ปล่อยเวลาให้หมักหมมจนได้ที่และถึงคราวต้องล้างชำระออกไป ผลที่ได้คือความงาม แช่มชื่น อีกแบบ
�� �
��������� หนังเรื่องสุดท้ายในปี 56 ที่ยังติดอยู่ในห้วงคำนึงจนถึงขณะนี้คือหนังบ้าพลังที่ชื่อ "Pacific Rim เพราะระหว่างที่ดูรู้สึกได้เลยว่า ทุกๆ ความมันในหนังที่ปะทุขึ้นมา มันต้องใช้เรี่ยวแรง พละกำลังและความตั้งใจอย่างมหาศาลกว่าที่ช็อตหรือฉากนั้นจะสำเร็จลุล่วงและบันดาลความตื่นตาตื่นใจให้เราในฉากการต่อสู้ระหว่างหุ่นยักษ์กับอสูรกายร้ายใต้ทะเลลึก ที่ผุดขึ้นมาประหัตประหารกันท่ามกลางความวินาศสันตะโรของตึกรามบ้านเรือน นี่คือหนังที่อาจจะไม่ได้ฝังรอยหยักลงในสมองสักเท่าไหร่ หากแต่ปลุกเร้าอะดรินาลีนในร่างกายให้พลุ่งพล่านตลอด 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว คนที่ทำหนังแบบนี้ได้ คงไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ
�� �
��������� ได้แต่เฝ้าภาวนาว่า ปี 2557 นี้ ขอให้มีหนังดีๆ ได้ดู หรือมีหนังสนุกๆ ไว้ปลุกประสาทสัมผัสให้มีเรี่ยวแรงกระปรี้กระเปร่าทำงานกันต่อไปครับ
.......................................
(หมายเหตุ '5 หนังในห้วงคำนึง ปี 56' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย...� ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)