บันเทิง

'ไซมอน เพ็กก์'ใน'THE WORLD’S END'

'ไซมอน เพ็กก์'ใน'THE WORLD’S END'

01 ธ.ค. 2556

บันเทิงต่างประเทศ : 'ไซมอน เพ็กก์' ใน 'THE WORLD’S END' กับบท 'แกรี่ คิง' ผู้ออกนอกลู่นอกทาง

 

                       ไซมอน เพ็กก์ เป็นเพื่อนผู้ร่วมงานกับ เอ็ดการ์ ไรท์ และนิค ฟรอสท์ มานาน ทั้งสามคนเคยร่วมงานกันมาก่อนในซีรีส์ Spaced รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Shaun of the Dead และ Hot Fuzz  ซึ่งเขาก็ได้ร่วมเขียนบทกับไรท์ทั้งสองเรื่อง นอกจากนี้ เขายังได้รับบท มอนท์โกเมอร์รี “สก็อตตี้” สก็อต ในภาพยนตร์เรื่อง สตาร์ เทรค และได้ร่วมแสดงใน Mission: Impossible III และซีเควล Mission: Impossible - Ghost Protocol นอกจากนี้ เขายังได้ทำงานใน The Adventures of Tin Tin, Run Fatboy Run และ Paul ซึ่งเรื่องสุดท้าย เขาได้ร่วมเขียนบทกับฟรอสท์ เขาได้กลับมาร่วมงานกับไรท์และฟรอสท์อีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง "The World’s End" ซึ่งเขาเขียนบทร่วมกับไรท์ โดยไซมอนรับบทเป็น แกรี คิง ผู้หลงออกนอกลู่นอกทาง

 

@ สมัยเรียน คุณเหมือน แกรี หรือเปล่า

                       ผมคิดว่าผมเหมือนสตีเวน (รับบทโดยแพ็ดดี้ คอนซิไดน์) ครับ ผมจำได้ว่าหัวหน้ากลุ่มผมเป็นคนที่เจ๋งมากๆ เขาเป็นหนุ่มก็อธครับ ผมทำตัวแบบก็อธเพราะเขาและผมก็เป็นเหมือนลูกศิษย์ของเขา ผมเทิดทูนเขาเพราะเขาอายุมากกว่าผมหน่อย ผมก็เลยไม่ใช่แกรี แผมคิดว่าเราทุกคนต่างก็รู้จักแกรี และถ้าคุณไม่รู้จักแกรี คุณก็คือแกรีครับ!

 

@ คุณเคยมีช่วงเวลาไหนที่คุณจะเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า "ฉันน่าจะโตได้แล้ว" รึเปล่า

                       ผมคิดว่าหลายคนอนุมานว่าผมมีความเป็นผู้ใหญ่น้อยกว่าที่ผมเป็นอยู่ ผมเป็นคนค่อนข้างจะเรียบร้อยทีเดียวนะ ผมไม่ดื่ม และผมก็รู้ซึ้งถึงคุณค่าชีวิตครอบครัวเป็นอย่างดี ผมชอบการกลับบ้านเร็ว ตัวละครใน Spaced เป็นเหมือนผมในสมัยอดีต แต่ผมโตขึ้นแล้ว สิ่งที่แปลกก็คือเรามีช่วงเวลาพิเศษในฐานะผู้ใหญ่ครับ สำหรับพ่อแม่ผม วัยเด็กของพวกเขาจบลงตอนอายุ 19 ปี หรืออาจจะก่อนหน้านั้น แล้วพวกเขาก็แต่งงาน มีลูก มีงานทำ ตอนนี้แรงกดดันที่จะต้องทำตามความคิดของการเป็นผู้ใหญ่ผ่อนคลายลงนิดหน่อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบางสิ่งทำให้สังคมเราเด็กลง อย่างวิดีโอเกมและหนัง  ผมอายุ 43 ปี แต่ผมก็ยังเล่นวิดีโอเกมอยู่เลย ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในรุ่นพ่อแม่ผม

 

@ การสร้างตัวละครแกรีมีความยากที่ตรงไหน

                       ผมชอบแกรี ผมพยายามอย่างที่สุดที่จะทำให้เขาน่ารำคาญที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมอยากให้เขาเป็นผู้ร้ายของเรื่อง เป็นคนเลวยิ่งกว่าพวกเอเลียน ผมชอบไอเดียที่ว่าแกรีทำให้เกิดจุดจบของโลกใบนี้และมันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ ผมชื่นชอบการที่ตอนจบหนังของเรามีความคลุมเครือ เหมือนอย่าง Shaun of the Dead เอ็ดตายแล้วก็จริง แต่เขาก็มีความสุขกว่าเดิมเพราะเขาไม่จำเป็นต้องไปหางานทำ เขาไม่จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบและเขาก็สามารถนั่งเล่นวิดีโอเกมได้เรื่อยๆ สำหรับหนังเรื่องนี้ จริงอยู่ว่าอารยธรรมที่เรารู้จักกันได้สิ้นสุดลงแล้ว มันไม่มีไฟฟ้า แต่อย่างน้อยที่สุด แกรีก็ไม่ดื่มอีกต่อไปแล้วและเขาก็ได้คลุกคลีกับเพื่อนเก่าด้วยครับ

 

@ การคิดตอนจบของหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องยากรึเปล่า มันมีตอนจบที่เป็นไปได้หลายอย่างหรือเปล่า

                       ไม่เลย สำหรับหนังอีกสองเรื่อง เรามีตอนจบก่อนที่เราจะมีตอนกลางเรื่องเสียอีก ในหนังเรื่องนี้ เราเห็นจุดหมายปลายทางที่เราอยากไปให้ถึง เราอยากให้แกรีได้อยู่กับเพื่อนเขาเวอร์ชั่นหนุ่มกว่าตอนแรก เราคิดว่าเราจะต้องใช้การเดินทางย้อนเวลา แต่มันเต็มไปด้วยปัญหา เรื่องราวการเดินทางข้ามเวลามักเต็มไปด้วยช่องโหว่เสมอ เราก็เลยคิดวิธีการบุกของเอ เราพบว่าถ้าใช้วิธีนี้ อย่างน้อยที่สุด เขาก็จะได้อยู่กับเพื่อนเก่าของเขาในตอนจบ

 

@ ทีมนักแสดงทุกคนทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนกันและล้อกันเล่นแบบเพื่อนทำกันหรือเปล่า

                       ตลอดเวลาเลยครับ! ในกองถ่าย เราเรียกมาร์ติน ฟรีแมนว่า "มาร์ตินน้อย" (ด้วยสำเนียงนิวซีแลนด์) เพราะผู้ออกแบบท่าเต้นของเราเคยพูดไว้ว่า "มาร์ตินน้อยทำนี่หน่อยได้มั้ย..." ดังนั้น หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจเรียกเขาว่ามาร์ตินน้อยด้วยสำเนียงนิวซีแลนด์ ผมคิดว่าเอ็ดการ์หงุดหงิดกับเรื่องนี้หลายครั้งตอนที่พวกเราห้าคนอยู่ด้วยกัน เราเป็นเหมือนเด็กๆ เลย มันเลวร้ายมาก บางครั้ง ผมก็เสียใจที่ทำให้เรื่องวุ่นวายเหลือเกิน แพ็ดดี้ คอนซิไดน์น่ะร้ายที่สุด เขาจะพูดจ้อไม่หยุดจนกระทั่งก่อนแสดง ดังนั้นในตอนเริ่มต้นฉาก เราก็ได้แต่พยายามไม่นึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปน่ะครับ เราเป็นเด็กกันมากๆ เลย ... ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายแล้วในโรงภาพยนตร์